https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=18&A=3476
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
สัปปายสูตรที่ ๑
[๒๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะแสดง
ปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพาน
แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพานนั้นเป็นไฉน
ภิกษุในศาสนานี้ ย่อมเห็นว่า
- จักษุ
ไม่เที่ยง รูปทั้งหลาย
ไม่เที่ยง จักษุวิญญาณ
ไม่เที่ยง จักษุสัมผัส
ไม่เที่ยง แม้สุขเวทนา ทุกข์เวทนา
หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยก็
ไม่เที่ยง
ฯลฯ
ภิกษุในศาสนานี้ ย่อมเห็นว่า ใจ
ไม่เที่ยง ธรรมารมณ์
ไม่เที่ยง มโนวิญญาณ
ไม่เที่ยง
มโนสัมผัสไม่เที่ยง แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้น
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยก็
ไม่เที่ยง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพาน ฯ
จบสูตรที่ ๒
https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=18&A=3487
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
สัปปายสูตรที่ ๒
[๒๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราจักแสดงปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่
นิพพานแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพานนั้นเป็นไฉน ภิกษุในศาสนานี้ เห็นว่า จักษุ
เป็นทุกข์
รูป
เป็นทุกข์ จักษุวิญญาณ
เป็นทุกข์ จักษุสัมผัส
เป็นทุกข์ แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา
ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยก็
เป็นทุกข์
ฯลฯ
ภิกษุในศาสนานี้ เห็นว่า ใจ
เป็นทุกข์ ธรรมารมณ์
เป็นทุกข์ มโนวิญญาณ
เป็นทุกข์
มโนสัมผัส
เป็นทุกข์ แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิด
ขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยก็
เป็นทุกข์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพาน ฯ
จบสูตรที่ ๓
https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=18&A=3498
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
สัปปายสูตรที่ ๓
[๒๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่
นิพพานแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพานนั้นเป็นไฉน
ภิกษุในศาสนานี้ เห็นว่า จักษุ
เป็นอนัตตา รูป
เป็นอนัตตา จักษุวิญญาณ
เป็นอนัตตา จักษุสัมผัส
เป็นอนัตตา
แม้สุขเวทนาทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยก็
เป็นอนัตตา
ฯลฯ
ภิกษุในศาสนานี้ เห็นว่า ใจ
เป็นอนัตตา ธรรมารมณ์เป็นอนัตตามโนวิญญาณ
เป็นอนัตตา
มโนสัมผัส
เป็นอนัตตา แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนาหรืออทุกขมสุขเวทนา
ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยก็
เป็นอนัตตา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพาน ฯ
จบสูตรที่ ๔
ตอนที่-109:พุทธวจน(พระสูตร)..วิธีในการบรรลุนิพพาน..|เป้าหมายในศาสนาพุทธคือ..ความไม่ตาย..ความเป็นอมตะ
https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=18&A=3476
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
สัปปายสูตรที่ ๑
[๒๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะแสดงปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพาน
แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพานนั้นเป็นไฉน
ภิกษุในศาสนานี้ ย่อมเห็นว่า
- จักษุไม่เที่ยง รูปทั้งหลายไม่เที่ยง จักษุวิญญาณไม่เที่ยง จักษุสัมผัสไม่เที่ยง แม้สุขเวทนา ทุกข์เวทนา
หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง
ฯลฯ
ภิกษุในศาสนานี้ ย่อมเห็นว่า ใจไม่เที่ยง ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง มโนวิญญาณไม่เที่ยง
มโนสัมผัสไม่เที่ยง แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้น
เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยก็ไม่เที่ยง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพาน ฯ
จบสูตรที่ ๒
https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=18&A=3487
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
สัปปายสูตรที่ ๒
[๒๓๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่
นิพพานแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพานนั้นเป็นไฉน ภิกษุในศาสนานี้ เห็นว่า จักษุเป็นทุกข์
รูปเป็นทุกข์ จักษุวิญญาณเป็นทุกข์ จักษุสัมผัสเป็นทุกข์ แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา
ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยก็เป็นทุกข์
ฯลฯ
ภิกษุในศาสนานี้ เห็นว่า ใจเป็นทุกข์ ธรรมารมณ์เป็นทุกข์ มโนวิญญาณเป็นทุกข์
มโนสัมผัสเป็นทุกข์ แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิด
ขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยก็เป็นทุกข์
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพาน ฯ
จบสูตรที่ ๓
https://84000.org/tipitaka/read/r.php?B=18&A=3498
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค
สัปปายสูตรที่ ๓
[๒๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่
นิพพานแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง ฯลฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพานนั้นเป็นไฉน
ภิกษุในศาสนานี้ เห็นว่า จักษุเป็นอนัตตา รูปเป็นอนัตตา จักษุวิญญาณเป็นอนัตตา จักษุสัมผัสเป็นอนัตตา
แม้สุขเวทนาทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัยก็เป็นอนัตตา
ฯลฯ
ภิกษุในศาสนานี้ เห็นว่า ใจเป็นอนัตตา ธรรมารมณ์เป็นอนัตตามโนวิญญาณเป็นอนัตตา
มโนสัมผัสเป็นอนัตตา แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนาหรืออทุกขมสุขเวทนา
ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัยก็เป็นอนัตตา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้แลปฏิปทาอันเป็นอุปการะแก่นิพพาน ฯ
จบสูตรที่ ๔