JJNY : ป่วยเพิ่ม 1,811 เสียชีวิต 24│ฮ่องกงยึดไอซ์เหลว7.8กก.จากไทย│ทัวร์ไทยไปเที่ยวนอกไม่คึกคัก แพ้พิษศก.│ลำปาง ล็อกถล่ม

เริ่มต้นวันทำงาน ป่วยโควิดเพิ่ม 1,811 เสียชีวิต 24 ราย กทม.ครองแชมป์ติดเยอะสุด
https://www.matichon.co.th/covid19/news_3446700
 
 

เริ่มต้นวันทำงาน ป่วยโควิดเพิ่ม 1,811 เสียชีวิต 24 ราย กทม.ครองแชมป์ติดเยอะสุด
 
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 รายงานผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ประจำวันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2565 ดังนี้
 
ผู้ป่วยใหม่ จำนวน 1,811 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยในประเทศ 1,811 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ – ราย
ผู้ป่วยสะสม 2,323,419 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
 
หายป่วยกลับบ้าน 2,268 ราย หายป่วยสะสม 2,323,425 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) ผู้ป่วยกำลังรักษา 24,076 ราย
เสียชีวิต 24 ราย เสียชีวิตสะสม 9,161 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565)
จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 786 ราย



ฮ่องกง ยึดไอซ์เหลว 7.8 กก. ส่งมาจากไทย ในขวดแชมพู มูลค่า 20 ล้านบาท
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7155408
 
ฮ่องกง ยึดไอซ์เหลว 7.8 กก. ส่งมาจากไทย ในขวดแชมพู มูลค่า 20 ล้านบาท
 
วันที่ 7 ก.ค. ศุลกากร ฮ่องกง ยึดเมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) เหลว น้ำหนักราว 7.8 กิโลกรัม ด้วยมูลค่าตลาดประเมินราว 4.5 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 20 ล้านบาท) ที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง เมื่อวันที่ 2 ก.ค.
 
ในวันนั้น ศุลกากรประเมินความเสี่ยง ตรวจสอบพัสดุทางอากาศใบหนึ่ง ที่สำแดงเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เดินทางมาถึงฮ่องกงจากประเทศไทย เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบจึงพบไอซ์เหลวถูกซุกซ่อนโดยบรรจุภายในขวดแชมพู 26 ขวด น้ำหนักสุทธิราว 7.8 กิโลกรัม
 
หลังการสอบสวนเพิ่มเติม ต่อมา วันที่ 6 ก.ค. เจ้าหน้าที่ศุลกากรจับกุมชายวัย 35 ปี ในย่านถู่นหมูน ต้องสงสัยมีความเชื่อมโยงกับคดีนี้ ถูกตั้งข้อหาขนยาอันตรายเข้าฮ่องกง และปรากฏตัวต่อศาลถู่นหมูนเมื่อวันที่ 8 ก.ค.
 
ทั้งนี้ ภายใต้กฎหมายว่าด้วยยาอันตรายของฮ่องกง การค้ายาอันตรายถือเป็นความผิดร้ายแรง หากถูกตัดสินมีความผิด โทษสูงสุดคือปรับ 5 ล้านดอลาร์ฮ่องกง (ราว 22 ล้านบาท) และจำคุกตลอดชีวิต
 

 
ทัวร์ไทยไปเที่ยวนอกไม่คึกคัก แพ้พิษเศรษฐกิจตกสะเก็ด ค่าเงินบาทอ่อน
https://www.thairath.co.th/business/economics/2441505
 
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า ทีทีเอเอ ได้ทำหนังสือส่งไปยังสมาชิกทั่วประเทศ ที่ทำทัวร์เอาต์บาวนด์ หรือนำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ จำนวนประมาณ 800 บริษัท หลังจากรัฐบาลปลดล็อกกัญชาและกัญชง ออกจากยาเสพติด ส่งผลให้การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย เสพ หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งพืชกัญชาจะไม่มีความผิดในประเทศไทย แต่ในหลายประเทศยังถือเป็นยาเสพติดให้บริษัททัวร์เข้มงวด ดูแลลูกทัวร์ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ เพราะหลายประเทศมีโทษถึงประหารชีวิต
 
“กังวลว่าผู้เฒ่าผู้แก่ อาม่า อาแปะ ที่ติดยาดมยาลม ยาหม่อง น้ำมันนวด หรือยาสามัญประจำบ้าน ที่มีส่วนผสมของกัญชา ที่คนใช้อาจไม่รู้ตัว หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากจะเดินทางไปเที่ยว ต้องตรวจสอบให้ดีว่ามีส่วนผสมของกัญชา หรือไม่ ปัญหานี้ต้องรอบคอบเพราะหากพลาดหลุดเข้าไปในประเทศที่ห้ามอาจติดคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตได้”
 
นายเจริญกล่าวว่า การทำทัวร์เอาต์บาวนด์ หรือนำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศเริ่มกลับมาประมาณ 5% หรือประมาณ 600,000 คน จากปี 2562 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ทั้งผ่านทัวร์และเที่ยวด้วยตัวเองประมาณ 12 ล้านคน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างเม็ดเงินในสมาชิกทีทีเอเอบางส่วน รวมประมาณ 350,000 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ จึงยังมีไม่มากนักเนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางจำนวนมาก สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางเที่ยวต่างประเทศของคนไทย มีทั้งเรื่องเศรษฐกิจ หลายคนตกงาน หลายคนไม่มีโบนัส จากก่อนจะมีการระบาดของโควิด-19 จะมีคนวัยทำงานที่ เป็นนักท่องเที่ยวคนไทยที่จะเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศ หรือใช้เงินโบนัสไปเที่ยว แต่หลังโควิด-19 ความมั่นคงทางการเงิน ทางการงานไม่มี นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็หายไป ปัญหาเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลให้ต้นทุนค่าเงินในการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ประมาณ 35-40% จากปี 2562 เงินบาทอยู่ที่ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ช่วงนี้เงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่เกือบ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่