เมื่อ 3 ปีที่แล้วแฟนบอกว่าพ่อแม่อยากได้บ้านแต่ไม่สามารถซื้อบ้านได้เลยมาปรึกษาเราเพื่อที่อยากจะซื้อบ้านโดยใช้ให้เราช่วยเป็นผู้กู้ร่วมตอนนั้นเราได้ปฏิเสธเพราะว่ามันเป็นหนี้เป็นล้านในการที่จะซื้อบ้านเราเลยปฏิเสธไปแล้วต่อมาไม่นานแฟนได้เกิดลบเราจนเรารู้สึกใจอ่อนเพราะว่าเขาบอกว่าพ่อกับแม่และลูกของเขาต้องเช่าบ้านอยู่ด้วยกันก็เลยอยากจะมีบ้านให้พ่อกับแม่อยู่และลูกของเขาซึ่งเป็นโรคติดของเขาเราเลยใจอ่อนสงสารก็เลยทำการตกลงว่าโอเคจะกู้ร่วมด้วยแล้วต่อมานายหน้าที่หาบ้านไม่บอกว่าตัวเราเนี่ยสามารถที่จะกู้ได้คนเดียวผ่าน กลายเป็นว่าเราต้องกู้คนเดียวซึ่งได้ในราคา 1.3 ล้านบาท ซึ่งตัวเรานั้นมีหนี้บัตรเครดิตอยู่ประมาณ 3 หมื่นกว่าบาทและเราได้ทำการตกลงระหว่างพ่อแม่แฟนว่าหากได้เงินกู้ได้เกินราคาของบ้านเราจะขอเงินส่วนที่เหลือเพื่อไปใช้หนี้ นายหน้าบอกว่ากู้ได้เพียงแค่ล้างจานเท่านั้นซึ่งแฟนของเราก็มาถามว่ากู้ได้แค่ล้าน 3 จะเอาไหมเราก็ชั่งใจ แม่แฟนก็ทำการรบเร้าเราเลยใจอ่อนโอเคตอบตกลง ซึ่งข้อตกลงต่อไปคือเขาจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมถึงส่งบ้านด้วยเงินของพวกเขาภายในระยะเวลา 3 ปีหลังจากนั้นก็จะทำการรีไฟแนนซ์อย่าโอนย้ายชื่อออกเพื่อให้หลานเพื่อให้เขาเป็นคนรับเป็นชื่อเจ้าของบ้านเอง เราเลยตกลงโอเคตามนั้นแล้วพอถึงเข้าระยะเวลาปีที่ 3 ซึ่งจะทำการส่งบ้านครบภายใน 3 ปีกลับมีการกลับคำพูดออกมาว่าเขาจะขายบ้านซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านั้นคำถามของเราก็คือเราตอนนี้เรารู้สึกเฟลมาก เราเชื่อใจเขามากเรายอมเป็นหนี้เพื่อความเชื่อใจภายใน 3 ปีกลับกลายเขาบอกว่าต้องการที่จะขายบ้านโดยทั้งที่มันยังเป็นชื่อของเราอยู่เราเลิกแล้วการขายบ้านไม่ใช่เรื่องง่ายจะขายได้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เราเลยรู้สึกแย่มากร้องให้หนักมากโดยเรื่องนี้พ่อแม่เราไม่รู้เลยว่าเราเป็นหนี้ถึงล้านสามให้คนอื่น เราอยากจะถามว่าเราควรจะทำยังไงหรือทำอะไรเกี่ยวกับทางกฎหมายได้ไหม
โดนหลอกให้ใช้ชื่อออกบ้านให้