'ทักษิณ' เสียใจสุดซึ้ง ต่อการจากไปของ 'ชินโซ อาเบะ' ขอประณามผู้กระทำรุนแรง
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7153647
 
 
‘ทักษิณ’ เสียใจสุดซึ้ง ต่อการจากไปของ ‘ชินโซ อาเบะ’ ขอประณามผู้กระทำรุนแรง รับเสียดายและเสียใจที่จากไปด้วยวัยเพียง 67 ขออธิษฐานให้คุณ
 
เมื่อวันที่ 9 ก.ค.65 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย โพสต์เฟซบุ๊กถึงการจากไปของนายชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น โดยระบุว่า
 
ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของอดีตนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น นาย Shinzo Abe (ชินโซ อาเบะ) ผู้ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุด และเป็นผู้ฟื้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้อย่างเข้มแข็ง ด้วยหลักเศรษฐกิจที่ถูกขนานนามว่า Abenomics (อาเบะโนมิกส์)
ผมขอประณามต่อผู้กระทำรุนแรง และผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารครั้งนี้ (หากมี) ด้วยคำพูดที่รุนแรงที่สุด
 
ท่านนายกรัฐมนตรี Abe กับผมมีโอกาสรู้จักกันตั้งแต่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี ท่าน Abe ขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ภายใต้การนำของอดีตนายกฯ Juichiro Koizumi (จุนอิจิโร่ โคอิซุมิ) ซึ่งผมจะพบท่านทุกครั้งที่มีการประชุมหารือทวิภาคีกับท่าน Koizumi

เมื่อครั้งท่าน Abe เป็นฝ่ายค้าน ผมได้มีโอกาสเที่ยวญี่ปุ่น เมื่อท่านทราบท่านก็จะแวะมาทานอาหารเช้ากับผมที่ห้องพักในโรงแรมผมถึง 2 ครั้ง และล่าสุดที่ผมได้พบท่านคือเมื่อท่านกลับไปเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ท่านได้กรุณาเลี้ยงอาหารกลางวันผมที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงโตเกียวพร้อมรัฐมนตรีในคณะบางท่าน
 
ผมมีความประทับใจทุกครั้งที่ได้พบกับท่าน เราได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางเศรษฐกิจต่อกันและพูดถึงความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นมาโดยตลอด ท่าน Abe เป็นผู้ยกเลิกการทำวีซ่าคนไทยเข้าญี่ปุ่นในฐานะนักท่องเที่ยว

ผมเสียดายและเสียใจที่ท่านต้องจากไปด้วยวัยเพียง 67 ผมขออธิษฐานให้คุณงามความดีที่ท่านได้ทำให้ประเทศญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่นจงส่งดวงวิญญาณของท่านไปสู่สุขคติเทอญ
 
I am deeply saddened by the passing of H.E. Shinzo Abe, the longest serving Prime Minister of Japan. He was renowned as the savior who revived and strengthen Japanese economy based on renowned “Abenomics”.
 
I condemn in the strongest terms the person who perpetuated violence against the Ex-Premier.
I first met the Former Prime Minister Abe during my Premiership at bilateral meetings between Thailand and Japan. At that time he was one of the cabinet member under H.E. Juichiro Koizumi
 
During the time when he was in the opposition, he would always visit and had breakfast or lunches with me at my hotel room everytime I visited Japan. The last time I met him during his Premiership, he kindly hosted me and some of his Cabinet Members lunch in Tokyo.
Every time we met, I was impressed with how we could exchange ideas on economies and our countries’ relationships. H.E. Abe is the one who cancelled travelling visa for Thai people to enter Japan.
 
I deeply regret his tragic and premature passing at such an age of 67. My heart, thoughts and prayers are with H.E. Abe’s family and the people of Japan.
 
May his soul rests in peace.
 
https://www.facebook.com/thaksinofficial/posts/pfbid02c7CU7DU6ov9Avr44AGKsaXqUjiv6iFwz7HDxnQWiAkrUAECimnKeBbsokvSFmFF1l
  

---

เผย 'นักกิจกรรม-ทีมงานก้าวไกล' ถูก ตร.ถามข้อมูล ที่กำแพงเพชร
https://prachatai.com/journal/2022/07/99435
 
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผย 'นักกิจกรรม-ทีมงานก้าวไกลภาคเหนือตอนล่าง' ถูกตำรวจตามถามข้อมูลถึงบ้าน เกรงไปชูป้ายต้อนรับ 'ประยุทธ์' ที่กำแพงเพชร

9 ก.ค. 2565 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่ากรณีวันที่ 7 ก.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมคณะ มีกำหนดการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ก่อนหน้าการลงพื้นที่ดังกล่าว มีรายงานว่าได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเข้าไปพบปะกับนักกิจกรรมทางการเมืองและสมาชิกของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ต่างๆ ทั้งในจังหวัดกำแพงเพชรและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อสอบถามว่าจะเดินทางไปต้อนรับหรือร้องเรียนใดๆ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ในวันลงพื้นที่หรือไม่
 
อภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ อดีตผู้สมัคร นายก อบจ. กำแพงเพชร ของคณะก้าวหน้า และเป็นผู้ถูกฟ้องคดีคาร์ม็อบกำแพงเพชร ที่ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องไป เปิดเผยว่าตั้งแต่ช่วงประมาณวันที่ 5 ก.ค. 2565 ระหว่างที่เขาอยู่ที่บ้าน ได้มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบซึ่งเป็นตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร เข้ามาพบ เมื่อสอบถามว่ามาทำอะไร ได้รับคำตอบว่าเจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งจากตำรวจภูธรภาค 6 ให้เข้ามาติดตามสอบถามอภิสิทธิ์ว่าจะ “ไปทำการชูป้ายต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์” หรือไม่
 
อภิสิทธิ์ระบุว่า ไม่ได้จะไป ทางเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบก็ระบุว่า ดีแล้ว จากนั้นทำการขอถ่ายรูปคู่กับอภิสิทธิ์และส่งรายงานเข้าไปยังกลุ่มไลน์ของตำรวจก่อนจะเดินทางกลับไป
 
ต่อมาวันที่ 7 ก.ค. 2565 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทางมากำแพงเพชร อภิสิทธิ์ไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาติดตามตนที่บ้านหรือไม่
สมาชิกพรรคก้าวไกลจังหวัดตาก เปิดเผยว่าสำหรับตนเอง เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2565 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาที่บ้านของตน โดยข่าวจากสมาชิกคนอื่นๆ ที่ได้ส่งข้อความแจ้งเตือนกันว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปติดตามสมาชิกพรรคในหลายพื้นที่ เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จะมาลงพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร สมาชิกพรรคก้าวไกลจังหวัดตากรายนี้ได้เข้าไปบอกกับเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบว่า ไม่ได้ไป ช่วงนี้น้ำมันแพงจะตาย ทางเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจึงขอทำการถ่ายรูปภาพไว้แล้วเดินทางกลับไป
 
ต่อมาเช้าวันที่ 7 ก.ค. 2565 ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรศัพท์มาสอบถามอีกครั้งว่าสะดวกพูดคุยด้วยหรือไม่ ประชาชนรายนี้ระบุว่า ไม่สะดวกพูดคุยเพราะกำลังเดินทางไปจังหวัดกำแพงเพชร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตอบว่า “ครับ” แล้ววางสายไป ที่ตอบตำรวจไปแบบนั้นเนื่องจากเกิดความรำคาญ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่ได้จะเดินทางไปไหนแต่อย่างใด
 
นอกจากนี้สมาชิกพรรคก้าวไกลคนดังกล่าวยังได้ทราบข้อมูลว่ามีสมาชิกพรรคบางคนในจังหวัดตากที่อาศัยอยู่บ้านตนเองในวันดังกล่าวได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 7 ก.ค. 2565 จนถึงช่วงเที่ยงของวันดังกล่าวเลย ก่อนที่จะเดินทางกลับไป แต่ก็ไม่ทราบรายละเอียดเพิ่มเติม
 
รายสุดท้าย อภิชาติ คุ่ยคร้าม อายุ 33 ปี ทำอาชีพรับจ้างสัก เป็นนักกิจกรรมทางการเมืองในจังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่าตั้งแต่ก่อนวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะมาลงพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรประมาณ 3 วัน ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบราว 3 นาย เข้ามาที่ร้านรับสัก ซึ่งเปิดใกล้กับร้านอาหารของแม่เขาในจังหวัดพิจิตร เพื่อสอบถามว่าเขาทราบเรื่องหรือไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางมาลงพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมกับสอบถามว่าอภิชาติจะเดินทางไปทำกิจกรรมใดๆ หรือไม่ เขาระบุว่าไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้มีแผนจะไปจัดกิจกรรมใดๆ
 
ทางเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจึงได้มีการขออนุญาตถ่ายรูปของเขาไว้ แต่อภิชาติไม่ยินยอมให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูป เจ้าหน้าที่จึงได้หันไปพูดคุยกับแม่ของเขาและทำการถ่ายรูปแม่ไปแทน โดยในช่วงกลางวันที่มีการเปิดร้านสัก เขาจะอยู่ภายในร้านหรือบางครั้งก็เดินทางออกไปสักให้กับลูกค้านอกสถานที่ จึงไม่ค่อยได้พบกับทางเจ้าหน้าที่ แต่แม่ของเขาเล่าให้ฟังว่าตลอด 3 วัน ก่อนวันที่ 7 ก.ค. 2565 เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบหลายกลุ่มได้ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาที่ร้านหลายครั้งต่อวัน
 
ต่อมาวันที่ 7 ก.ค. 2565 ซึ่งโดยปกติร้านอาหารของเขาจะเปิดขายเวลาตี 5 ปรากฎว่าตั้งแต่ตอนเปิดร้านได้มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาเฝ้าอยู่แล้ว อภิชาติได้รับข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่จะต้องทำการรายงานเบื้องบนอย่างละเอียดว่าตัวเขาอยู่ที่ไหน เวลาเท่าไหร่ ทำอะไรอยู่ จนถึงเที่ยงของวันดังกล่าวที่ พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางกลับจากการลงพื้นที่แล้ว
 
ในวันดังกล่าวเมื่อเขาเดินทางไปทำธุระส่วนตัวนอกร้าน ก็จะสังเกตเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบติดตามอย่างใกล้ชิด อีกทั้งเมื่อผ่านจุดที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ก็จะสังเกตเห็นการส่งสัญญาณวิทยุโดยตลอด จนกระทั่งเวลาประมาณเที่ยงวันทางเจ้าหน้าที่ก็ได้บอกกับแม่ของเขาว่าจะกลับแล้ว ไม่มารบกวนแล้ว
 
สถานการณ์ติดตามคุกคามนักกิจกรรม ประชาชน และผู้มีบทบาททางการเมือง โดยเจ้าหน้าที่รัฐ ในช่วงก่อนและระหว่างการลงพื้นที่ต่างจังหวัดของ  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจนกลายเป็น “ปกติ” ในช่วงรัฐบาลนี้ โดยยังไม่มีแกนนำรัฐบาลคนอื่นๆ ที่มีรายงานปรากฏการณ์ลักษณะนี้แต่อย่างใด

---

ราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งอีก 2 % จากภาวะน้ำมันตึงตัว
https://ch3plus.com/news/economy/morning/300115

น้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบล่วงหน้าปิดตลาดเพิ่มขึ้น 2.37 ดอลลาร์ หรือ 2.3 เปอร์เซ็นต์ ปิดตลาดที่ 107.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันเวสต์ เท็กซัส อินเตอร์มีเดียท เพิ่มขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2 เปอร์เซ็นต์ ปิดที่ 104.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
 
โดยราคาน้ำมันเมื่อวานนี้ได้แรงหนุนจาก 2 ปัจจัย คือ ภาวะน้ำมันตึงตัว และการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน
อย่างไรก็ตาม หากมาดูราคาน้ำมันทั้งสัปดาห์ ราคาน้ำมันยังร่วงลง โดยเบรนท์ร่วงลงประมาณ 4.1 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่เวสต์ เท็กซัสร่วงลง 3.4 เปอร์เซ็นต์ ตลาดยังคงวิตกกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย ธนาคารกลางทั่วโลกกำลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
 
ขณะที่สถานการณ์โควิดในเซี่ยงไฮ้ ทำให้เกิดความกังวลว่า อาจมีการล็อกดาวน์ และจะส่งต่ออุปสงค์น้ำมัน หรือความต้องการน้ำมันที่จะลดลง