การหยั่งรู้วาระจิตของครูบาอาจารย์
ระหว่างที่ผมและเพื่อนอยู่บนเขาสลัดได ได้เดินไปยังค่ายทหารอากาศ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเสาส่งสัญญาณบนเขา ทหารเห็นผมก็มากราบผมและถามว่า "พระอาจารย์โสภามาไหม" ผมก็ตอบว่า "พระอาจารย์ไม่ได้มา มีอะไรหรือ" ทหารตอบว่า "ก็ท่านรู้ว่าผมคิดอะไร มาทีไรก็เตือนให้ผมทำบุญใส่บาตรบ้างนะ ผมก็รู้ตัวดีไม่ค่อยได้ใส่บาตร ปีหนึ่งใส่ครั้งสองครั้ง หลวงพี่มาอยู่ข้างบนนี้ดีแล้วผมจะได้ใส่บาตรทุกวัน" เรื่องการกินของผมเลยไม่มีปัญหาเพราะทหารใส่บาตรบนเขาทุกวัน ผมและเพื่อนฉันวันละมื้อไม่มีน้ำปานะ แต่ก็พออยู่ได้
ทหารอากาศเล่าให้ฟังว่า ท่านกลัวพระอาจารย์โสภามาก ท่านรู้ว่าเราคิดอะไรอยู่มีครั้งหนึ่ง อยากจะไปขอเงินวัด 50,000 บาท เพื่อมาสร้างศาลาให้คนพักก่อนขึ้นเขาสลัดได ของบประมาณกองทัพนานแล้วแต่ไม่ได้งบสักที จึงตั้งใจไปขอพระจารย์โสภาที่วัด ถึงวัดเห็นพระอาจารย์นั่งเทศน์ญาติโยมจำนวนมากอยู่ จึงไม่กล้าเอ่ยปากขอ พระอาจารย์เห็นผมก็เรียก "เข้ามาๆ โยมทหารเข้ามา จะมาขอเงินใช่ไหม" โยมทหารอึ้งมาก ท่านรู้ได้อย่างไร แล้วพระอาจารย์ก็ถามว่าอีกว่า "จะมาขอเงินวัด 50,000 ใช่ไหม" ตั้งแต่นั้นทหารอากาศคนนั้นก็ศรัทธาในพระอาจารย์โสภามากๆ เค้าเล่าให้ผมฟังตอนเป็นพระไม่รู้จะโกหกให้บาปทำไม
หลังจากครบ 1 เดือนก็ครบกำหนดลงเขาไปกราบพระอาจารย์โสภา ผมและเพื่อนยังไม่พูดอะไร พระอาจารย์โสภาก็มองที่ผมและยิ้ม กล่าวว่า “หลวงพี่ภาวนาดีนะ ทำต่อไปดีแล้ว” และหันไปดุเพื่อนว่า “หลวงพี่นี่จิตไม่นิ่งเลย คิดฟุ้งซ่านตลอดทั้งคืน” เพื่อนมาเล่าให้ฟังภายหลังว่าจริงตามพระอาจารย์กล่าว เพราะกำลังเครียดและฟุ้งซ่านเรื่องยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนปริญญาโท คิดมากทั้งคืน (ขณะนั้นเพื่อนเรียนปริญญาโทอยู่มาบวชช่วงซัมเมอร์)
ตอนนั้นผมบวชได้ 2 เดือนแล้ว ครบกำหนดต้องสึก และอาการของแม่ค่อยๆหายป่วย จากที่หมอบอกว่าไม่รอดแน่ๆ ไปจองวัดได้เลย ตอนนี้หายเป็นปกติและระหว่างผมบวชพ่อก็เกิดอุบัติเหตุ รถพังทั้งคันเป็นเศษเหล็ก คนเห็นเหตุการณ์บอกไม่รอดแน่ๆ เละขนาดนี้แต่พ่อเดินออกมาจากซากรถออกมาโดยไม่เป็นอะไรเลย
อาจเพราะบุญที่ผมตั้งใจภาวนาปฏิบัติ ทำให้แม่หายเป็นปกติและพ่อก็รอดพ้นอุบัติเหตุ แม่กลัวผมจะไม่สึกเพราะเป็นลูกคนเดียว จึงโทรมาขอให้ผมสึก ผมจึงตัดสินใจสึก หลังจากนั้นผมเริ่มภาวนา พุทโธ ทีไรก็จะเกิดอาการเต้นตุ๊บๆ ที่หว่างคิ้วทุกที ไม่รู้คืออาการอะไร
การหยั่งรู้วาระจิตของครูบาอาจารย์
ระหว่างที่ผมและเพื่อนอยู่บนเขาสลัดได ได้เดินไปยังค่ายทหารอากาศ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเสาส่งสัญญาณบนเขา ทหารเห็นผมก็มากราบผมและถามว่า "พระอาจารย์โสภามาไหม" ผมก็ตอบว่า "พระอาจารย์ไม่ได้มา มีอะไรหรือ" ทหารตอบว่า "ก็ท่านรู้ว่าผมคิดอะไร มาทีไรก็เตือนให้ผมทำบุญใส่บาตรบ้างนะ ผมก็รู้ตัวดีไม่ค่อยได้ใส่บาตร ปีหนึ่งใส่ครั้งสองครั้ง หลวงพี่มาอยู่ข้างบนนี้ดีแล้วผมจะได้ใส่บาตรทุกวัน" เรื่องการกินของผมเลยไม่มีปัญหาเพราะทหารใส่บาตรบนเขาทุกวัน ผมและเพื่อนฉันวันละมื้อไม่มีน้ำปานะ แต่ก็พออยู่ได้
ทหารอากาศเล่าให้ฟังว่า ท่านกลัวพระอาจารย์โสภามาก ท่านรู้ว่าเราคิดอะไรอยู่มีครั้งหนึ่ง อยากจะไปขอเงินวัด 50,000 บาท เพื่อมาสร้างศาลาให้คนพักก่อนขึ้นเขาสลัดได ของบประมาณกองทัพนานแล้วแต่ไม่ได้งบสักที จึงตั้งใจไปขอพระจารย์โสภาที่วัด ถึงวัดเห็นพระอาจารย์นั่งเทศน์ญาติโยมจำนวนมากอยู่ จึงไม่กล้าเอ่ยปากขอ พระอาจารย์เห็นผมก็เรียก "เข้ามาๆ โยมทหารเข้ามา จะมาขอเงินใช่ไหม" โยมทหารอึ้งมาก ท่านรู้ได้อย่างไร แล้วพระอาจารย์ก็ถามว่าอีกว่า "จะมาขอเงินวัด 50,000 ใช่ไหม" ตั้งแต่นั้นทหารอากาศคนนั้นก็ศรัทธาในพระอาจารย์โสภามากๆ เค้าเล่าให้ผมฟังตอนเป็นพระไม่รู้จะโกหกให้บาปทำไม
หลังจากครบ 1 เดือนก็ครบกำหนดลงเขาไปกราบพระอาจารย์โสภา ผมและเพื่อนยังไม่พูดอะไร พระอาจารย์โสภาก็มองที่ผมและยิ้ม กล่าวว่า “หลวงพี่ภาวนาดีนะ ทำต่อไปดีแล้ว” และหันไปดุเพื่อนว่า “หลวงพี่นี่จิตไม่นิ่งเลย คิดฟุ้งซ่านตลอดทั้งคืน” เพื่อนมาเล่าให้ฟังภายหลังว่าจริงตามพระอาจารย์กล่าว เพราะกำลังเครียดและฟุ้งซ่านเรื่องยังไม่ได้ลงทะเบียนเรียนปริญญาโท คิดมากทั้งคืน (ขณะนั้นเพื่อนเรียนปริญญาโทอยู่มาบวชช่วงซัมเมอร์)
ตอนนั้นผมบวชได้ 2 เดือนแล้ว ครบกำหนดต้องสึก และอาการของแม่ค่อยๆหายป่วย จากที่หมอบอกว่าไม่รอดแน่ๆ ไปจองวัดได้เลย ตอนนี้หายเป็นปกติและระหว่างผมบวชพ่อก็เกิดอุบัติเหตุ รถพังทั้งคันเป็นเศษเหล็ก คนเห็นเหตุการณ์บอกไม่รอดแน่ๆ เละขนาดนี้แต่พ่อเดินออกมาจากซากรถออกมาโดยไม่เป็นอะไรเลย
อาจเพราะบุญที่ผมตั้งใจภาวนาปฏิบัติ ทำให้แม่หายเป็นปกติและพ่อก็รอดพ้นอุบัติเหตุ แม่กลัวผมจะไม่สึกเพราะเป็นลูกคนเดียว จึงโทรมาขอให้ผมสึก ผมจึงตัดสินใจสึก หลังจากนั้นผมเริ่มภาวนา พุทโธ ทีไรก็จะเกิดอาการเต้นตุ๊บๆ ที่หว่างคิ้วทุกที ไม่รู้คืออาการอะไร