สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ปัญหาคือ คนเราแยก "ความต้องการ" กับ "ความจำเป็น" ด้วยเหตุด้วยผลยาก เพราะมุมมอง หรือ ทัศนคติต่อสิ่งต่างๆไม่เหมือนกันครับ
บางคนไม่ยอมลำบากด้านการเดินทาง, กลัวโรคระบาด, ต้องการความเป็นส่วนตัว, ต้องการแสดงฐานะ/ภาพลักษณ์ ฯลฯ ก็จะมองว่าการใช้รถส่วนตัวเป็นสิ่งจำเป็น
บางคนยอมทนลำบากเดินทางโดยขนส่งสาธารณะได้ ... ก็จะมองว่ารถส่วนตัวเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
เราอาจจะไปตัดสินแทนคนอื่นไม่ได้
.... แต่สุดท้ายตัวเราเองก็จะเป็นคนที่ได้รับผลทั้งบวกและลบจากการตัดสินใจของเรา
ดังนั้น ผมคิดว่าเราควร "ลดอคติ" แล้วใช้เหตุผลให้มากๆในการตัดสินใจว่าอะไรคือสิ่งจำเป็น และอะไรคือสิ่งที่เราแค่อยากได้ ...
ถ้าทำได้ เราก็จะสามารถพิจารณาและแยกแยะสิ่งที่จำเป็นจริงๆออกมาได้ครับ
บางคนไม่ยอมลำบากด้านการเดินทาง, กลัวโรคระบาด, ต้องการความเป็นส่วนตัว, ต้องการแสดงฐานะ/ภาพลักษณ์ ฯลฯ ก็จะมองว่าการใช้รถส่วนตัวเป็นสิ่งจำเป็น
บางคนยอมทนลำบากเดินทางโดยขนส่งสาธารณะได้ ... ก็จะมองว่ารถส่วนตัวเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
เราอาจจะไปตัดสินแทนคนอื่นไม่ได้
.... แต่สุดท้ายตัวเราเองก็จะเป็นคนที่ได้รับผลทั้งบวกและลบจากการตัดสินใจของเรา
ดังนั้น ผมคิดว่าเราควร "ลดอคติ" แล้วใช้เหตุผลให้มากๆในการตัดสินใจว่าอะไรคือสิ่งจำเป็น และอะไรคือสิ่งที่เราแค่อยากได้ ...
ถ้าทำได้ เราก็จะสามารถพิจารณาและแยกแยะสิ่งที่จำเป็นจริงๆออกมาได้ครับ
ความคิดเห็นที่ 6
อธิบายยากนะเรื่องนี้ มันเหมือนงูกินหาง
ตราบใดที่ผู้คนส่วนใหญ่ ไม่กลัวการเป็นหนี้สิน (หนี้ดีก็มี แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นหนี้เสีย)
เคยมีใครบางคนกล่าวว่า เรื่องเงินเป็นเรื่องที่โรงเรียนไม่ได้สอน
ที่น่าตกใจ คือ ในโรงเรียน คุณครู/อาจารย์ส่วนใหญ่ก็มีหนี้สินกันมากมาย
น่าสงสัยว่า ถ้ากระทรวงศึกษาธิการ กำหนดหลักสูตรให้สอนวิชาการเงินให้แก่เด็กนักเรียน
คุณครู/อาจารย์จะสอนให้เด็กเข้าใจได้หรือไม่ อย่างไร ในเมื่อหลายคนก็บริหารการเงินครอบครัวล้มเหลว
ตราบใดที่ผู้คนส่วนใหญ่ ไม่กลัวการเป็นหนี้สิน (หนี้ดีก็มี แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นหนี้เสีย)
เคยมีใครบางคนกล่าวว่า เรื่องเงินเป็นเรื่องที่โรงเรียนไม่ได้สอน
ที่น่าตกใจ คือ ในโรงเรียน คุณครู/อาจารย์ส่วนใหญ่ก็มีหนี้สินกันมากมาย
น่าสงสัยว่า ถ้ากระทรวงศึกษาธิการ กำหนดหลักสูตรให้สอนวิชาการเงินให้แก่เด็กนักเรียน
คุณครู/อาจารย์จะสอนให้เด็กเข้าใจได้หรือไม่ อย่างไร ในเมื่อหลายคนก็บริหารการเงินครอบครัวล้มเหลว
ความคิดเห็นที่ 40
ก็ไม่อยากจะพูดนะ
คนพวกนี้ ไม่มีวินัยทางการเงิน แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ และยังสร้างความเดือดร้อนกับวงจรเงินในเศรษฐกิจอีกด้วย
พอดีได้ไปเห็นพวกนี้ในกลุ่มเฟส บัตรพวกนี้ ก็ลองเข้าไปดู
วันๆ จะมีคนมาปรึกษา มาโพสกันว่า
"วันนี้ฉันโดน E-อ่อน โทรมาทวง ฉันเชิดใส่ แล้วบอกว่า ถ้าไม่เสนอยอดขั้นต่ำมาให้ปิดนะ ชั้นไม่จ่าย เนี้ยจากยอดที่ติดไว้ 100,000 กว่าๆ ชั้นบอกไม่จ่าย เขายอมลดเหลือ 42,000 ผ่อนจ่ายก็ได้"
"วันนี้ผมจะยอมให้ฟ้อง ยอดทุกบัตร รวมเกือบล้าน เดี๋ยวผมจะประนอมจ่ายแค่ 100,000 ผมเตรียมล้มบนฟูกแล้ว เงินผมบริหารโยกเงินและทรัพย์สินไปไว้ที่อื่นหมดแล้ว ตามสืบยังไงก็ไม่เจอ ติดแบล็คลิสก็ไม่กลัว"
คนในกลุ่มก็ชมกันใหญ่ คือแบบว่าคนโพสก็อาการหนักมากแล้ว คนในกลุ่มก็อาการหนักมากกว่า
เสร็จแล้วก็จะเห็นคนพวกนี้ ก็สร้างปัญหาสังคมต่อโดยจากหยิบยืมชื่อคนอื่นทำธุรกรรมทางการเงินแทน แล้วก็เดือดร้อนกันไปหมด บางทีก็ใช้อำนาจในที่ทำงานบังคับขู่เข็นก็มี
ส่วนเงินที่ธนาคาร โดนลูกหนี้พวกนี้ติดกลายเป็นหนี้ศูนย์ ก็นำไปขายหนี้บ้าง ติดตามเองบ้าง ก็กลายเป็นว่าพวกนั้นได้เงินไปใช้กันแบบฟรีๆ แค่โดนติดแบล็คลิส ตามยึดทรัพย์ไม่มีก็ปล่อย (ทรัพย์บางทีพวกติดหนี้ก็นำไปฟอก ไปไว้ที่อื่นหมดแล้ว สบายตัวกันไป)
บทลงโทษของคนไร้วินัยทางการเงิน สุดจะเน่ามาก ไม่มีการลงโทษให้เข็ดหลาบอะไรเลย
...
..
.
คนพวกนี้ ไม่มีวินัยทางการเงิน แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ และยังสร้างความเดือดร้อนกับวงจรเงินในเศรษฐกิจอีกด้วย
พอดีได้ไปเห็นพวกนี้ในกลุ่มเฟส บัตรพวกนี้ ก็ลองเข้าไปดู
วันๆ จะมีคนมาปรึกษา มาโพสกันว่า
"วันนี้ฉันโดน E-อ่อน โทรมาทวง ฉันเชิดใส่ แล้วบอกว่า ถ้าไม่เสนอยอดขั้นต่ำมาให้ปิดนะ ชั้นไม่จ่าย เนี้ยจากยอดที่ติดไว้ 100,000 กว่าๆ ชั้นบอกไม่จ่าย เขายอมลดเหลือ 42,000 ผ่อนจ่ายก็ได้"
"วันนี้ผมจะยอมให้ฟ้อง ยอดทุกบัตร รวมเกือบล้าน เดี๋ยวผมจะประนอมจ่ายแค่ 100,000 ผมเตรียมล้มบนฟูกแล้ว เงินผมบริหารโยกเงินและทรัพย์สินไปไว้ที่อื่นหมดแล้ว ตามสืบยังไงก็ไม่เจอ ติดแบล็คลิสก็ไม่กลัว"
คนในกลุ่มก็ชมกันใหญ่ คือแบบว่าคนโพสก็อาการหนักมากแล้ว คนในกลุ่มก็อาการหนักมากกว่า
เสร็จแล้วก็จะเห็นคนพวกนี้ ก็สร้างปัญหาสังคมต่อโดยจากหยิบยืมชื่อคนอื่นทำธุรกรรมทางการเงินแทน แล้วก็เดือดร้อนกันไปหมด บางทีก็ใช้อำนาจในที่ทำงานบังคับขู่เข็นก็มี
ส่วนเงินที่ธนาคาร โดนลูกหนี้พวกนี้ติดกลายเป็นหนี้ศูนย์ ก็นำไปขายหนี้บ้าง ติดตามเองบ้าง ก็กลายเป็นว่าพวกนั้นได้เงินไปใช้กันแบบฟรีๆ แค่โดนติดแบล็คลิส ตามยึดทรัพย์ไม่มีก็ปล่อย (ทรัพย์บางทีพวกติดหนี้ก็นำไปฟอก ไปไว้ที่อื่นหมดแล้ว สบายตัวกันไป)
บทลงโทษของคนไร้วินัยทางการเงิน สุดจะเน่ามาก ไม่มีการลงโทษให้เข็ดหลาบอะไรเลย
...
..
.
แสดงความคิดเห็น
ผมว่าหลายคนที่มีหนี้สิน หนี้บัตร หนี้รถ เคลียร์เท่าไหร่ก็ไม่หมดสักที เพราะมีตรรกกะความคิดเรื่องระบบการเงินผิดเพี้ยน
ถามว่ามีหนี้สินอะไรบ้าง บอกว่ามีหนี้บัตรอยู่ 5 ใบ (My god !!) ใบนึงก็ประมาณ 10,000 บาท ไปกดเงินสดมา
ถามว่ากดเงินสดมาทำอะไร ก็อีหรอบเดิมครับ กดเอาเงินสดมาใช้หนี้เพื่อนฝูงที่ยืมไว้
ประเภทหน้าใหญ่ใจโต กลัวเสียเพื่อน แต่ไม่กลัวเสียเครดิต
ผลคือโดนเจ้าหนี้โทร.ทวงทุกบัตร
ยังไม่พอยังผ่อนรถมอเตอร์ไซต์ ซึ่งเป็นชื่อของพี่สาว ถามว่าทำไมต้องใช้ชื่อพี่สาว
สืบไปสืบมา อ๋อ เพราะก่อนหน้านี้เคยผ่อนรถมอเตอร์ไซต์เป็นชื่อตัวเอง แต่ส่งได้ไม่ถึงปีก็โดนยึดรถ
ติดเครดิตบูโร และกำลังโดนบังคับใช้หนี้ เพราะไฟแนนซ์ยึดไปขายทอดตลาดแล้วยังมีหนี้ค้างตามชำระอยู่
ถามว่าทำไมต้องซื้อรถมอเตอร์ไซต์ใหม่ เธอตอบว่าเพราะต้องทำงานใช้รถ ก็เลยต้องซื้อรถใหม่
แต่ไปออกรถมอเตอร์ไซด์ป้ายแดง ราคาเกือบเจ็ดหมื่น
สรุปทุกวันนี้มีทั้งหนี้บัตร หนี้รถที่ต้องส่ง หนี้ กยศ ชักหน้าไม่ถึงหลัง แถมหนี้บัตรแต่ละใบต้องจ่ายขั้นต่ำ
ยังไม่พอเธอยังไปกู้เงินนอกระบบมาอีก เอามาจ่ายค่ารถ ค่าบัตรในเดือนที่ช็อต !!
ตอนนี้ไม่รู้จะแนะนำยังไงแล้ว ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม