
เพิ่งไปดูหนัง ELVIS ของ ผกก. Baz Luhrmann
- ประโยคที่ชอบที่สุดในหนัง "ถ้าเรื่องนั้นอันตรายเกินกว่าที่จะพูด จงร้องซะ"
- ตามประสาหนัง Luhrmann มันเป็นหนังอัตชีวประวัติ ผสม Musical ที่จี๊ดจ๊าดจัดเต็ม และเพลินมาก การดำเนินเรื่องในช่วงแรก ๆ เป็นไปอย่างรวดเร็ว และงานตัดต่อหวือหวามีสไตล์
- ชอบที่หนังถ่ายทอดหลายมิติ นอกเหนือจากเรื่องดนตรียุค 60s วงการเพลงอเมริกาแล้ว มันยังได้ถ่ายทอดประเด็นเรื่องการเมือง สังคม การแบ่งแยกสีผิว
- หนังเปิดเรื่องมาด้วย ผจก. ของเอลวิส ผู้พันปาร์กเกอร์ (รับบทโดย Tom Hanks) ที่จะเป็น Narrator เล่าเรื่องราวของเอลวิส ตั้งแต่สมัยแจ้งเกิดไปจนถึงบั้นปลาย
- Elvis เป็นหนัง tribute บันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของราชาเพลงร็อคแอนด์โรล เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างเคารพครบถ้วน เก็บแทบทุกเม็ด โดยอาจจะแบ่งเป็น 3 องก์ตามช่วงชีวิตของเอลวิส 1. ช่วงแจ้งเกิด เซ็นสัญญากับผู้พันปาร์กเกอร์ 2. ช่วงจุดเปลี่ยน ประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองทำให้เขาถูกส่งไปเกณฑ์ทหาร และมีช่วงที่สับสนในจุดยืน 3. ช่วงบรอดเวย์/ลาสเวกัส ที่เป็นทั้งจุดสูงสุดและบั้นปลายชีวิต (แอบรู้สึกว่าช่วงปลาย ๆ หนังยืดไปนิด แต่ก็มา landing ปิดท้ายได้สวย)
- หนังพยายามเล่าถึงที่มาทางดนตรีของเอลวิส เด็กหนุ่มที่เติบโตในย่านคนผิวสีของเมืองเมมฟิส ที่ ๆ เขาได้ซึมซับอิทธิพลดนตรีบลูส์ ร็อคแอนด์โรล แล้วนำมันมาผสมผสานกับดนตรีคันทรีของคนผิวขาว (กลายเป็นคนขาวคนแรก ๆ ที่นำดนตรีคนผิวสีมาทำให้โด่งดังระดับแมส) รวมไปถึงท่าเต้นโยกคลึงที่บ้าคลั่งเร่าร้อน ทำให้สาว ๆ กรี๊ดกร๊าด
- และด้วยนวัตกรรมดนตรี Rock & Roll ในแบบฉบับของเอลวิส มันกลายเป็นที่ถูกใจของหนุ่มสาว แต่ในขณะเดียวกันเขาก็กลายเป็นที่หมายหัวของพวกอนุรักษ์นิยม ที่มองว่าเขาเป็นพวกนอกรีต (พ่วงด้วยการต่อต้านจากประเด็นการแบ่งแยกสีผิว)
- หนังสะท้อนเกร็ดชีวิตหลาย ๆ เรื่องที่คนรุ่นหลัง (หรือแม้แต่แฟนรุ่นใหญ่) อาจไม่เคยรู้มาก่อน เช่น เขาเคยสังสรรค์กับ B.B. King หรือเพลงฮิตของเขาหลายเพลงที่ cover จากเพลงต้นฉบับของคนผิวสี อย่างเช่น Jailhouse Rock หรือ Hound Dog มันเป็นเพลงที่สอดแทรกประเด็นเรื่องความขัดแย้งทางชนชั้นไว้ได้อย่างแยบคาย
- จุดพีคอีกช่วงของหนังคือตอนเผยที่มาของเพลง 'If I Can Dream' ที่เอลวิสร้องอุทิศให้กับ Martin Luther King และ Robert F. Kennedy ผู้ล่วงลับจากการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมทางสังคม ย้อนกลับไปที่วรรคทอง
"ถ้ามันอันตรายเกินกว่าจะพูด จงร้องซะ"
If I Can Dream นอกจากจะเป็นเพลง comeback แล้ว มันยังเป็นเพลงส่งสารทางการเมืองของ Elvis ที่มีการอุปมาได้อย่างลึกซึ้ง โดยในหนังจะเล่าถึงช่วงเหตุการณ์ที่เอลวิสกำลังงัดข้อกับ ผจก. ส่วนตัว ผู้พันปาร์เกอร์ ที่ต้องการให้เขาทำเพลงคริสต์มาสเพื่อเอาใจสปอนเซอร์ แต่เอลวิสที่มีความรู้สึกเชื่อมโยงกับมาร์ติน ลูเธอร์ คิง คิดว่า ณ จุดนั้น เขาควรจะทำอะไรบางอย่างเพื่อกระตุ้นเตือนสังคม จึงขอให้ วอลเตอร์ บราวน์ ช่วยแต่งเพลงที่ล้อไปกับสุนทรพจน์ 'I Have a Dream' ของ King (มีการอ้างอิงว่า พอเอลวิสได้ฟังเดโมแล้ว เขาก็ประกาศกร้าวว่า
'ฉันจะไม่ร้องเพลงที่ฉันไม่เชื่ออีก และจะไม่ทำหนังที่ฉันไม่อินอีกเด็ดขาด')
- ทีแรกตอนเห็นโปสเตอร์หนัง ก็แอบคิดตั้งคำถามว่าพระเอกชาวออสซี่ ออสติน บัตเลอร์ นี่แคสท์พลาดหรือเปล่า? แต่พอเห็นตัวอย่างหนัง และได้ดูหนังตัวเต็มแล้ว ทั้งหน้าตาและการแสดงต้องบอกว่า "สุดยอด"
- แบบที่ตั้งไว้ใน status ก่อน จริง ๆ แอบน่าเสียดายนะที่หนัง Elvis เหมือนมาผิดยุคผิดสมัย กระแสตอบรับในไทยซามาก ส่วนที่เมืองนอกถ้านับตัวเลข ณ ตอนนี้ก็ยังขาดทุนอยู่ (ต้นเดือนเพิ่งจะเจอบทความที่พูดถึงเรื่องนี้ไป Nobody Cares About Elvis Anymore
https://williamfleitch.medium.com/nobody-cares-about-elvis-anymore-e07169a954e9 )
[CR] ELVIS "ถ้าเรื่องนั้นอันตรายเกินกว่าที่จะพูด จงร้องซะ"
เพิ่งไปดูหนัง ELVIS ของ ผกก. Baz Luhrmann
- ประโยคที่ชอบที่สุดในหนัง "ถ้าเรื่องนั้นอันตรายเกินกว่าที่จะพูด จงร้องซะ"
- ตามประสาหนัง Luhrmann มันเป็นหนังอัตชีวประวัติ ผสม Musical ที่จี๊ดจ๊าดจัดเต็ม และเพลินมาก การดำเนินเรื่องในช่วงแรก ๆ เป็นไปอย่างรวดเร็ว และงานตัดต่อหวือหวามีสไตล์
- ชอบที่หนังถ่ายทอดหลายมิติ นอกเหนือจากเรื่องดนตรียุค 60s วงการเพลงอเมริกาแล้ว มันยังได้ถ่ายทอดประเด็นเรื่องการเมือง สังคม การแบ่งแยกสีผิว
- หนังเปิดเรื่องมาด้วย ผจก. ของเอลวิส ผู้พันปาร์กเกอร์ (รับบทโดย Tom Hanks) ที่จะเป็น Narrator เล่าเรื่องราวของเอลวิส ตั้งแต่สมัยแจ้งเกิดไปจนถึงบั้นปลาย
- Elvis เป็นหนัง tribute บันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของราชาเพลงร็อคแอนด์โรล เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างเคารพครบถ้วน เก็บแทบทุกเม็ด โดยอาจจะแบ่งเป็น 3 องก์ตามช่วงชีวิตของเอลวิส 1. ช่วงแจ้งเกิด เซ็นสัญญากับผู้พันปาร์กเกอร์ 2. ช่วงจุดเปลี่ยน ประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองทำให้เขาถูกส่งไปเกณฑ์ทหาร และมีช่วงที่สับสนในจุดยืน 3. ช่วงบรอดเวย์/ลาสเวกัส ที่เป็นทั้งจุดสูงสุดและบั้นปลายชีวิต (แอบรู้สึกว่าช่วงปลาย ๆ หนังยืดไปนิด แต่ก็มา landing ปิดท้ายได้สวย)
- หนังพยายามเล่าถึงที่มาทางดนตรีของเอลวิส เด็กหนุ่มที่เติบโตในย่านคนผิวสีของเมืองเมมฟิส ที่ ๆ เขาได้ซึมซับอิทธิพลดนตรีบลูส์ ร็อคแอนด์โรล แล้วนำมันมาผสมผสานกับดนตรีคันทรีของคนผิวขาว (กลายเป็นคนขาวคนแรก ๆ ที่นำดนตรีคนผิวสีมาทำให้โด่งดังระดับแมส) รวมไปถึงท่าเต้นโยกคลึงที่บ้าคลั่งเร่าร้อน ทำให้สาว ๆ กรี๊ดกร๊าด
- และด้วยนวัตกรรมดนตรี Rock & Roll ในแบบฉบับของเอลวิส มันกลายเป็นที่ถูกใจของหนุ่มสาว แต่ในขณะเดียวกันเขาก็กลายเป็นที่หมายหัวของพวกอนุรักษ์นิยม ที่มองว่าเขาเป็นพวกนอกรีต (พ่วงด้วยการต่อต้านจากประเด็นการแบ่งแยกสีผิว)
- หนังสะท้อนเกร็ดชีวิตหลาย ๆ เรื่องที่คนรุ่นหลัง (หรือแม้แต่แฟนรุ่นใหญ่) อาจไม่เคยรู้มาก่อน เช่น เขาเคยสังสรรค์กับ B.B. King หรือเพลงฮิตของเขาหลายเพลงที่ cover จากเพลงต้นฉบับของคนผิวสี อย่างเช่น Jailhouse Rock หรือ Hound Dog มันเป็นเพลงที่สอดแทรกประเด็นเรื่องความขัดแย้งทางชนชั้นไว้ได้อย่างแยบคาย
- จุดพีคอีกช่วงของหนังคือตอนเผยที่มาของเพลง 'If I Can Dream' ที่เอลวิสร้องอุทิศให้กับ Martin Luther King และ Robert F. Kennedy ผู้ล่วงลับจากการต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมทางสังคม ย้อนกลับไปที่วรรคทอง "ถ้ามันอันตรายเกินกว่าจะพูด จงร้องซะ"
If I Can Dream นอกจากจะเป็นเพลง comeback แล้ว มันยังเป็นเพลงส่งสารทางการเมืองของ Elvis ที่มีการอุปมาได้อย่างลึกซึ้ง โดยในหนังจะเล่าถึงช่วงเหตุการณ์ที่เอลวิสกำลังงัดข้อกับ ผจก. ส่วนตัว ผู้พันปาร์เกอร์ ที่ต้องการให้เขาทำเพลงคริสต์มาสเพื่อเอาใจสปอนเซอร์ แต่เอลวิสที่มีความรู้สึกเชื่อมโยงกับมาร์ติน ลูเธอร์ คิง คิดว่า ณ จุดนั้น เขาควรจะทำอะไรบางอย่างเพื่อกระตุ้นเตือนสังคม จึงขอให้ วอลเตอร์ บราวน์ ช่วยแต่งเพลงที่ล้อไปกับสุนทรพจน์ 'I Have a Dream' ของ King (มีการอ้างอิงว่า พอเอลวิสได้ฟังเดโมแล้ว เขาก็ประกาศกร้าวว่า 'ฉันจะไม่ร้องเพลงที่ฉันไม่เชื่ออีก และจะไม่ทำหนังที่ฉันไม่อินอีกเด็ดขาด')
- ทีแรกตอนเห็นโปสเตอร์หนัง ก็แอบคิดตั้งคำถามว่าพระเอกชาวออสซี่ ออสติน บัตเลอร์ นี่แคสท์พลาดหรือเปล่า? แต่พอเห็นตัวอย่างหนัง และได้ดูหนังตัวเต็มแล้ว ทั้งหน้าตาและการแสดงต้องบอกว่า "สุดยอด"
- แบบที่ตั้งไว้ใน status ก่อน จริง ๆ แอบน่าเสียดายนะที่หนัง Elvis เหมือนมาผิดยุคผิดสมัย กระแสตอบรับในไทยซามาก ส่วนที่เมืองนอกถ้านับตัวเลข ณ ตอนนี้ก็ยังขาดทุนอยู่ (ต้นเดือนเพิ่งจะเจอบทความที่พูดถึงเรื่องนี้ไป Nobody Cares About Elvis Anymore https://williamfleitch.medium.com/nobody-cares-about-elvis-anymore-e07169a954e9 )
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้