วิธีนำเข้าสุนัข การดำเนินการนำสุนัขกลับจากประเทศเกาหลี

สวัสดีครับ
วันนี้ขออนุญาตรีวิว วิธีการนำเข้าสุนัข จากต่างประเทศเข้ามายังประเทศไทย  เนื่องจากตอนที่ตัวเองดำเนินการนำเข้ามา หารีวิวที่ละเอียดมากๆไม่ค่อยเจอ ตอนนั้นรู้สึกวุ่นวายไปหมด เพราะทุกอย่างกระชั้นชิด และ No idea สุดๆ และช่วง2-3 วันที่ผ่านมา กำลังมีประเด็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของน้องสุนัขที่เดินทางไปประเทศจีน โพสนี้ จะมายืนยันอีกเสียงว่าการตรวจสุขภาพก่อนการเดินทางของสุนัข ไม่ใช่เรื่องง่าย และผ่านการตรวจอย่างละเอียดจริงๆ
เพื่อความเข้าใจง่ายในแต่ละขั้นตอน ข้อความจะอยู่ใต้รูปแต่ละรูปนะครับ
#cat #catlife #catsofinstagram #catlover #catloversclub #หมาแมว #แมว
#koreanjindo #jindosofinstagram #jindodog #หมาเกาหลี ##doglover #dogandcat #koreandog #หมาน่ารัก #หมา #นำเข้าสุนัข #นำเข้าสัตว์เลี้ยง #นำเข้าหมา #นำเข้าแมว #หมาเกาหลี


เริ่มต้นจากเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผมตั้งใจเดินทางไปเกาหลีและอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 40 วัน ก่อนหน้านั้นเลี้ยงแต่แมวอยู่4ตัว และตั้งใจไว้แล้วว่า ถ้าจะมีน้องหมาสักตัว จะเลือกสายพันธุ์ “โคเรียนจินโด” เพราะได้ศึกษานิสัย ลักษณะพื้นฐาน และรายละเอียดอื่นๆมามากพอสมควร และคิดว่าสุนัขพันธุ์นี้และ ตรงกับเราที่สุด



หลังจากตัดสินใจว่าครั้งนี้แหละ ที่เราจะหาลูกชายสักตัวกลับไป และเนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้ มีอยู่แพร่หลายในประเทศเกาหลี ทำให้มีการผสมข้ามสายพันธุ์อยู่บ้างในพื้นที่ทั่วไป แล้วจะทำยังไงล่ะ ที่เราจะได้จินโดพันธุ์แท้ ที่ไม่ถูกผสมข้ามสายพันธุ์.... เราก็ต้องไปที่จุดกำเนิดของมันสิ นั่นคือ “เกาะจินโด” เนื่องจากเกาะนี้จะเป็นถิ่นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้ และรัฐบาลเกาหลีควบคุมการเพาะพันธุ์ของมัน (โดยเฉพาะที่เกาะนี้) จะไม่อนุญาตให้มีสุนัขพันธุ์อื่นอยู่บนเกาะ และไม่อนุญาตให้นำเข้าสุนัขใดๆเข้ามาในเกาะ โดยเด็ดขาด ใครมีสุนัขพันธุ์อื่น น้องๆจะถูกให้ออกจากเกาะโดยทันที (ใครอยากศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมลองเสริชอากู๋ดูนะครับ) หลังจากตัดสินใจแล้ว ก็ให้เพื่อนชาวเกาหลีพาไปที่เกาะนั้นทันที จนไปเจอเขา ตัวแรกที่เห็น และวิ่งมาหาเรา เอาหัวมาถูเรา แต่เห่าไล่คนอื่นที่ไปด้วย ทำให้มั่นใจว่าจะเลือกเขาโดยไม่ลังเล


#สภาพวันแรกที่ได้มา
หลังจากตัดสินใจเลือกเขาแล้วก็ต้องเดินทางไปที่ศูนย์วิจัย JINDO DOG ที่ตั้งอยู่ที่เกาะนั้น (รัฐบาลตั้งศูนย์นี้เพื่อดูแลสุนัขโดยเฉพาะ เพื่อดำเนินการขออนุญาตนำสุนัขออกนอกเกาะ และเนื่องจากเราเป็นต่างชาติ ขั้นตอนและเอกสารจะยุ่งยากขึ้นไปอีก สำเนาพาสปอร์ต, รูปถ่ายบ้านที่จะนำน้องไปเลี้ยง, อาชีพ, Statement ธนาคาร เพื่อโชว์รายได้ของเราว่าจะสามารถดูแลเขาได้ เมื่อผ่านแล้ว เขาจะตรวจ DNA ของน้องให้ เพื่อมั่นใจว่าน้องเป็นจินโดแท้ 100% โดยต้องรอผลตรวจ DNA อีก2วันทำการ ถึงจะกลับมารับน้องได้ เมื่อถึงวันที่มารับน้อง เจ้าหน้าที่จะให้ลง
ทะเบียนและฝังไมโครชิพ เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการรับน้องหมา
(ขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนถึงจุดนี้ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ รวมถึงน้องไม่มีค่าตัวนะครับ)


หลังจากได้น้องมา ปัญหาก็เกิด เนื่องจากผมรับน้องมาวันที่19เมษายน  และมีกำหนดกลับไทยวันที่ 10 พฤษภาคม โดยกฎของทางกรมปศุสัตว์ไทยแล้ว จะต้องฉีดวัคซีนก่อนเดินทาง 21 วัน (นับเอาเอง)  ซึ่งรู้ดังนั้นพอนับดู เอ้ย ต้องฉีดวัคซีนทันทีในวันนั้น  ก็รีบพาน้องไปฉีดวัคซีนรวม5โรค, พิษสุนัขบ้า, ถ่ายพยาธิ, หยดหลัง ทุกอย่าง ในคลินิกสัตว์ใดก็ได้  จัดการเสร็จเรียบร้อย  ตรวจเลือดเช็คทุกอย่างโดยละเอียด X-ray คุณหมอที่นั่นค่อนข้างละเอียด ถึงขั้นจู้จี้ ยิ่งเมื่อทราบว่าเราจะพาน้องเดินทางกลับไทย   หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เอกสารครบ  ขั้นตอนต่อไปคือติดต่อทางการไทย เพื่อขออนุญาตนำเข้า นี่แหละครับ ปัญหาใหญ่บึ้มกำลังมา


เริ่มต้นจากการส่งอีเมล์ ไปสอบถามรายละเอียด HOW To ต่างๆ. ไปยังอีเมล์นี้ qsap_bkk@dld.go.th (อีเมล์นี้เท่านั้นนะครับ) เจ้าหน้าที่จะแจ้งรายละเอียดสิ่งที่ต้องทำ เอกสารที่ต้องใช้มาดังนี้



เอกสารใบคำร้อง ร๑/๑ หรือ R1  ต้องเป็นรูปแบบนี้เท่านั้น (update2022)  ส่งเอกสารนี้กลับไปรวมถึงเอกสารอื่นๆให้ครบถ้วนตามที่แจ้งมาในอีเมล์ (ส่งไปยังอีเมล์เดิม) เมื่อส่งอีเมล์เรียบร้อย ต้องโทรไปย้ำกับทางเจ้าหน้าที่ด้วยนะครับ ว่าเราส่งเอกสารดังกล่าวไป  ติดต่อไปที่เบอร์ 02-134-0731 และ 02-134-0732 เท่านั้น. (ย้ำว่าเท่านั้น) เนื่องจากตอนที่ลองผิดลองถูกติดต่อที่นั่นที่นี่ โดนโยนไปที่นั่นที่นี่ เสียเวลาอยู่2วัน   ต้องที่นี่เบอร์นี้เท่านั้นครับ


หลังจากเวลาผ่านไป3วันทำการก็เหมือนฟ้าผ่าใส่หน้า เมื่อเจ้าหน้าที่ตอบกลับอีเมล์มาแบบนี้ โอ้มายกอต ก็ฉันนับแล้วได้ 21 วันแล้วไง เจ้าหน้าที่นับยังไง เลยต้องโทรไปสอบถาม เจ้าหน้าที่ก็อธิบายมา  ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจการนับของเค้าอยู่ดี สรุปคือผมจะกลับในวันที่10 ไม่ได้ เพราะเอกสารจะออกให้ในวันที่ 11  แต่ก็นะ ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเลื่อนตั๋วขากลับไปอีก ผมจึงตัดสินใจกลับในวันที่13 เผื่อหน่อยล่ะกัน ใจไม่ค่อยดี


พอจบเรื่องการติดต่อด่านกักกันสัตว์แล้ว  เราก็ต้องติดต่อสายการบิน เพื่อเลื่อนตั๋วกลับ ค่าเลื่อนและค่าส่วนต่าง 9,XXX บาท. ในส่วนของการโหลดน้องหมามาใต้เครื่อง (สายการบินไทย) คิดค่าบริการ 10-20 kg (รวมกรง) อยู่ที่ 300 USD  โดยต้องแจ้งรายละเอียด ชื่อสุนัข, เพศ, สายพันธุ์, อายุ, เลขไมโครชิพ, น้ำหนักรวมกรง, ขนาดกรง เพื่อให้การบินไทย ยื่นขออนุมัติกับสนามบินประเทศเกาหลี. หลังจากนั้นอีก 2วันต้องติดต่อกลับไปยังการบินไทย เพื่อคอนเฟิร์มว่าสนามบินเกาหลีอนุมัติแล้ว และจะส่งอีเมล์แบบนี้มา


หลังจากนี้ก็นับวันรอ และลุ้นว่า ด่านกักกันสัตว์จะส่งเอกสารใบนำเข้ามาให้ก่อนเวลาหรือเปล่า แต่รอไม่นานนัก ประมาณ 3 วันทำการ ก็มีอีเมล์ตอบกลับมา เป็นเอกสารตัวนี้ครับ อ่ะ หายห่วงไปหนึ่งเปราะ



หลังจากได้เอกสารจากไทย ต้องนำเอกสารที่ทางการไทยออกไป ไปติดต่อ ด่านกักกันสัตว์ ที่สนามบินอินชอน (จะไปวันเดินทางเลย หรือจะไปล่วงหน้าก็ได้) แต่ด้วยความที่อะไรๆก็ไม่แน่นอน ผมเลยตัดสินใจเดินทางไปสนามบินอินชอน ติดต่อด่านกักกันสัตว์ (ต้องพาน้องหมาไปด้วยนะครับ)  โดยเอกสารที่ต้องนำไปคือ ใบตรวจสุขภาพ, เอกสารรับรองการฉีดวัคซีน, เอกสารการฝังไมโครชิพ,สำเนาหนังสือเดินทางของเรา และเตรียมชำระเงิน 10,000WON หรือประมาณ 280บาท (ไม่รับเงินสด รับชำระแค่บัตรเครดิตเท่านั้น) พอไปถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่และคุณหมอ ตรวจสุขภาพน้องและตรวจเอกสารตรวจสุขภาพของคลีนิคที่ได้มา  และปัญหาก็มาถึง... เมื่อหมอเอาเครื่องแสกนไมโครชิพ และดูข้อมูล อ้าว!!!!! หมามาจากเกาะจินโดนี่  คุณมีเอกสารรับรองไหมว่าคุณนำสุนัขออกมาจากเกาะอย่างถูกต้อง ผมนี่เลิ่กลั่กเลยครับ. เอกสารอะไร๊พ่อ เค้าก็ให้มาแค่นี้  คุณหมอก็บอก ไม่ได้ๆๆๆๆ ต้องมีเอกสารรับรองต่างๆนาๆ ผมนี่หน้าซีดเลยครับผม. พอเจ้าหน้าที่ได้ยินคุณหมอว่าอย่างนั้น เค้าเลยช่วยติดต่อไปยังศูนย์วิจัยที่เกาะจินโด แล้วแจ้งเลขไมโครชิพไป แล้วทราบว่าเราเอาออกมาอย่างถูกกฎหมาย  แล้วเขาก็ส่งอีเมล์เอกสารให้กันเอง  หลังจากเรียบร้อยแล้วก็จะได้เอกสารนี้มา เอกสารสำคัญมากนะครับ หลังจากนี้ก็รอวันเดินทาง โดยที่วันนั้นไม่ต้องมาติดต่อที่นี่อีก พาน้องไปเช็คอินขึ้นเครื่องได้เลย
ปล.ขั้นตอนขอเอกสารที่สนามบินต้นทาง จะต้องมีเอกสารตอบรับการนำเข้าจากทางประเทศไทยก่อนนะครับ ถึงจะขอจากต้นทางได้



มาถึงวันเดินทาง เอาน้องขับถ่ายให้เรียบร้อย ให้แค่อาหารเปียก (ปริมาณครึ่งหนึ่งจากที่ให้ปกติ) ไม่ให้อาหารเม็ด เพราะไม่ให้น้องรู้สึกหิวน้ำมากระหว่างเดินทาง 6 ชั่วโมง เมื่อเช็คอินแล้ว โชว์เอกสารทุกอย่างในมือแล้ว เจ้าหน้าที่จะให้เราเอาน้องไปโหลดที่สายพานสัมภาระ OVERSIZE  แล้วเราก็ไปขึ้นเครื่องปกติ


พอมาถึงไทย ลงจากเครื่องมา (สนามบินสุวรรณภูมิ) เราต้องไปรับน้องที่สสายพานสัมภาระ OVERSIZE  บริเวณใกล้ๆกับสายพานรับกระเป๋าหมายเลข 8  เมื่อได้น้องมาแล้ว พาน้องและเอกสารต่างๆ ไปยังห้องด่านกักกันสัตว์ ที่ห้องกระจกๆ ใกล้ๆกัน ยื่นเอกสาร จ่ายค่าธรรมเนียมเอกสารนำเข้า 510 บาท แล้วเจ้าหน้าที่จะให้เอกสารเพื่อไปชำระเงินอีกครั้งกับศุลกากร


เมื่อไปถึงด่านศุลกากร เราต้องเดินไปในช่องสีแดง เพื่อแสดงการนำเข้าสินค้าผิดสำแดง แล้วยื่นเอกสารทุกอย่างอีกครั้ง รวมถึงเอกสารที่เพิ่งได้มา แล้วจ่ายเงินภาษีนำเข้าสุนัข 1,000บาท ต่อตัว (เก็บใบเสร็จไว้นะครับ เผื่ออนาคตเราพาน้องออกไปเที่ยว แล้วกลับมาอีก ไม่ต้องจ่ายเงินส่วนนี้อีก)

หมายเหตุ******* ขออนุญาตเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าสุนัขนะครับ เนื่องด้วยได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมเข้ามา ในส่วนของอัตราภาษีนำเข้า ในส่วนของรีวิวนี้ สุนัขที่นำเข้ามา ด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน จะทำให้อัตราภาษีมีความแตกต่างกัน เช่น สัตว์เลี้ยงที่มีการซื้อขายมาเพื่อการค้าหรือใดๆ จะมีการคำนวนอัตราภาษีที่ต่างกัน กับสัตว์เลี้ยงของเราที่เลี้ยงไว้ และต้องการเพียงนำกลับมาภูมิลำเนา หรือนำมาท่องเที่ยว อัตราภาษีก็จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง   (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรเป็นสำคัญ)***ดังนั้น เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน แนะนำผู้นำเข้าทุกท่าน ติดต่อหน่วยงานเพื่อสอบถามอัตราภาษีเบื้องต้นด้วยตนเองก่อนการนำเข้า (ไม่แนะนำให้ยึดตามเรทราคานี้) ซึ่งอาจนำมาซึ่งความเข้าใจผิดและความยุ่งยากในภายหลังครับ


หลังจากขั้นตอนจ่ายภาษีแล้ว. น้องก็ออกมาพร้อมกับเรา. ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทยนะจินโด ขอบคุณที่อดทนอยู่ในกรงมา6 ชั่วโมง และขอบคุณตัวเอง ที่ไม่ยอมแพ้กับอุปสรรคในการนำเค้ากลับมา ที่สำคัญขอบคุณเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์สุวรรณภูมิ ในช่วงที่มีปัญหา คือเราติดต่อเขาบ่อยมาก เขาก็ใจเย็นตอบคำถามเราอย่างละเอียดด้วยความยินดี ขอบคุณครับ 

 Welcome To Thailand “JINDO"



ฝากติดตามเจ้าจินโด และพี่ๆ 4แมว ได้ที่

🔵 Facebook : Jindo4Cats
🔴 IG : @Jindo4Cats

ขอบคุณครับ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่