นี่คือกล้องฟิล์มมีเดียมฟอร์แมทตัวแรกของผม Ricohflex Model 7
ย้อนกลับไปเมื่อราว ๆ 3 เดือนที่ผ่านมา ผมไปเที่ยวงานฟิล์มเดย์ มาร์กเก็ตที่ลิโด้ งานกล้องฟิล์มรวมพลคนรักอนาล็อกโฟโตกราฟฟี่ ระหว่างงานนั้นผมมีโอกาสได้ลองจับ ลองขึ้นไก ลองกดชัตเตอร์กล้องในตำนานหลายตัว ทั้ง Olympus XA ตัวแรก, Leica Model 4, Leica III, Mamiya RB 67 แต่มันมีกล้องอยู่ตัวนึงที่สะดุดความสนใจผม กล้องตัวนั้นเป็นกล้องมีเดียมฟอร์มแมททวินเลนซ์ เขาต่างจากสองพี่น้อง Rolleiflex กับ Rolleicord เพราะรูปทรงเขามันเหลี่ยม ๆ คือสองตัวนั้นเขายังมีขอบที่ดูโค้งมน แต่ตัวนี้นี่คือเหลี่ยมมาเลย เขาก็คือ Ricohflex Model 7 ตัวนี้แหละครับ
ตอนได้มาวันแรก งง สิครับ ชัตเตอร์เงียบกริ้บ มีแค่เสียง "กริ้ก" เบา ๆ แล้วระะบบกรอฟิล์มก็ไม่มีอะไรมาล็อค แล้วมันจะได้รูปหรอ... แต่พอได้เห็นรูปจากมันแล้ว ตกหลุมรักเฉยเลยครับ อีกอย่างที่น่ารักของเจ้ารุ่นนี้คือราคา ราคามือสองในท้องตลาดของเจ้าตัวนี้ไม่แรงมากครับเมื่อเทียบกับมีเดียมฟอร์แมททวินเลนซ์เจ้าอื่น
ก่อนจะไปดูรูป เรามาดูฟังก์ชั่นการใช้งานกันหน่อยดีกว่า
เลนซ์เป็นเลนซ์ 80มม. แบบเลนซ์คู่หรือทวินเลนซ์ ก็คือเลนซ์บนใช้สำหรับส่องโฟกัสและเล็งแนวคอมโพสิชัน ส่วนเลนซ์ล่างทำหน้าที่เก็บภาพ ผมที่เคยชินกับกล้องทั่วไปที่ยกเล็งระดับสายตามาตลอด มาเจอตัวนี้ งงสิคครับ มุมมองมันแคบใช้ได้เลยแหละเลนซ์ 80มม. แถมเวลาหันกล้อง ก็ชวนมึนใช่ย่อย เพราะมุมมองที่ได้มันกลับด้านกันหมด แต่ถ้าชินแล้วก็ไม่ใช่ปัญหา และที่สำคัญ เลนซ์ 80มม. มันเหมาะกับการถ่ายพอทเทรทมากกว่า เพราะงั้นมุมมองจะแคบก็ไม่แปลก เป็นธรรมชาติของมันครับ
การโฟกัส เลขที่สลักไว้มีหน่วยเป็นฟุตครับ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราก็แค่ค่อย ๆ หมุนจนกว่าโฟกัสจะเข้าแค่นั้นเอง มีตัวเลขไฮเปอร์โฟคอลมาด้วย เผื่อไม่มั่นใจ จะปรับรูรับแสงเผื่อไว้หน่อยก็ได้
การหมุนโฟกัส เราจะหมุนจากเฟืองหน้าเลนซ์ครับ จะหมุนจากเลนซ์บนหรือล่างก็ได้ ต่างจากสองพี่น้องโรไลหรือยาชิก้าที่พวกนั้นจะหมุนจากน็อบข้าง ๆ
ด้านข้างเลนซ์บันทึกภาพ ด้านบนคือรูเสียบสายลั่นชัตเตอร์ ด้านล้างคือไกชัตเตอร์ครับ รูเสียบสายลั่น เราก็แค่เอาสายลั่นมาหมุนใส่เข้าไปก็ใช้ได้แล้วครับ ไว้ใช้กับชัตเตอร์ B หรือการเปิดชัตเตอร์ค้างไว้นานกว่า 1 วินาทีตามที่เราต้องการ
วิธีใส่ฟิล์ม แอบยุ่งยากกว่าทวินเลนซ์ทั่วไป แต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น เริ่มจากเปิดฝาหลังด้วยการบิดตัวล็อคไปตามลูกศรแล้วใช้เล็บงัดเอาแหนบตัวล็อคออก
ค่อย ๆ เปิดออกมา ใจเย็น ๆ นี่คือสภาพในห้องฟิล์มของกล้องตัวนี้ครับ
ดึงน็อบหมุนฟิล์ม
แล้วดึงไส้มันออกมา ต้องใช้สองมือครับสำหรับขั้นตอนนี้ วางกล้องคว่ำลงกับพื้น มือนึงดึงน็อบไว้ อีกมือค่อย ๆ ดึงไส้มันออก
นี่คือไส้ของมัน เป็นจุดที่ฟิล์มต้องพาดผ่าน
ตามสไตล์ของกล้องมีเดียมฟอร์แมท ต้องสลับแกนด้วย ตัวนี้ที่ยึดแกนฟิล์มเป็นแผ่นเหล็กแหนบทั้งสองด้าน เราง้างที่ยึดอันล่าง สลับแกนเก่าขึ้นด้านบน เอาฟิล์มใหม่ใส่ด้านล่าง จากนั้นแกะหางฟิล์มมาใส่ร่องของแกนเก่าที่อยู่ด้านบน จากนั้นก็เอาไส้มันประกอบกับที่เดิม หรือง่าย ๆ ก็คือย้อนรีเวิสวิธีก่อนหน้าครับ ไม่ยาก
นี่คือสภาพมันตอนถอดไส้ออก ด้านนอกผิวเป็นพลาสติกก็จริง แต่ด้านในเป็นเหล็กครับ
พอปิดฝาแล้ว เปิดช่องดูฟิล์มที่ฝาหลังขึ้น หมุนน็อบให้เจอเลข 1 นั่นแหละครับคือภาพแรก นี่คือจุดอ่อนของกล้องตัวนี้ครับ น็อบหมุนฟิล์มมันไม่มีล็อก ถ้าหมุนเลยก็เสียรูปฟรี ซึ่งฟิล์มแต่ละเจ้ามีตัวสัญลักษณ์บอกตำแหน่งฟิล์มไม่เหมือนกัน แต่จะเหมือนกันในขุดนึงคือ จะมีตัวเลขบอก เพราะงั้นเวลาหมุนฟิล์ม ต้องค่อย ๆ หมุนครับ และส่วนใหญ่ตัวเลขก็เล็กมากด้วยเมื่อมองจากช่องนี้ ยิ่งต้องใจเย็นครับ แต่ถ้าได้ลองแล้ว บอกได้เลยว่าไม่ยาก
ขึ้นฟิล์มแล้ว เตรียมจะถ่าย เปิดฝาช่องมองขึ้นมา ก้มลงไป
มืดตึ้บ เพราะการโฟกัสกล้องตัวนี้ต้องมีแสงเยอะนิดนึงครับ ไม่งั้นมันจะมืดหน่อยที่ขอบข้าง แต่เอาจริง ๆ มันสว่างนะถ้ามองด้วยตา แต่นี่กล้องที่ใช้ถ่ายมันโฟกัสได้แค่นี้
มันจะประมาณนี้ครับ
มันโฟกัสได้ละเอียดมาก แต่ถ้าดูไม่รู้เรื่อง งัดแว่นขยายออกมา
พับปั้บเข้าให้
แค่นี้ก็โฟกัสง่ายแล้วครับ
กล้องมันต้องก้มเล็ง แล้วถ้าอยากถ่ายในระดับสายตาล่ะ พับแว่นขยายขึ้นไป แล้วส่องจากรูปนี้ครับ
ติดอย่างเดียวคือรูมันไม่ทะลุไปอีกฝั่งนะ แต่ใช้รอยฉลุเป็นตัวกำหนดตำแหน่ง เหมือนเรามีเป้าครอสแฮร์ของเกม FPS นั่นแหละครับ โฟกัสผ่านช่องมองก่อน แล้วค่อยยกขึ้นมาเล็ง
รูรับแสงกล้องอยู่ด้านขวาเยื้องไปด้านล่าง แคบสุดอยู่ที่ 16 กว้างสุดคือ 3.5
สปีดชัตเตอร์อยู่ด้านซ้าย เร็วสุดคือ 1/100 ช้าสุดคือ 1/25 และชัตเตอร์ B
โฟกัสได้แล้วจะกดถ่าย ดันไกชัตเตอร์ขึ้นด้านบนให้ดังคลิก เป็นการขึ้นชัตเตอร์
แล้วก็ดันลงเบา ๆ เพื่อกดชัตเตอร์
เสร็จแล้วเราก็หมุนน็อบให้เห็นเลข 2 เป็นการขึ้นฟิล์มใหม่ครับ นั่นแปลว่าเราสามารถถ่ายภาพซ้อนได้ สำหรับฟิล์ม 120 หนึ่งม้วน ถ่ายได้ 12 รูปในขนาด 6x6
กล้องตัวนี้ไม่มีรูสำหรับร้อยสายครับ ต้องใช้เคสของกล้องเท่านั้น ซึ่งสายของเคสที่ผมได้มาพร้อมกล้องก็เปื่อยมากแล้ว ผมเลยต้องตัดทิ้ง แล้วใช้ลูกหมุนตกปลาโมดิฟายสายหน้า เอ้ย สายคล้องกล้องเข้าไป แหม่ ลืมตัวครับ พูดถึงลูกหมุน จะไปเรื่องชุดสายหน้าเฉย อิ_อิ
OK นั่นคือฟังก์ชั่นคร่าว ๆ ของเจ้ากล้องตัวนี้ เรามาดูรูปกันดีกว่าครับ
นี่คือภาพแรกในวันแรกที่ผมได้กล้องมาครับ ฟิล์มที่ลองใช้ร้านบอกว่าเป็นฟิล์มหนัง สีเพี้ยนขนาดนี้สงสัยจะบูดด้วย แต่พอดูรายละเอียดที่ได้แล้ว ไม่เลว ๆ
ผมลืมดูตัวเลขฟิล์มครับ หมุนวืดไป 3 รูป ก่อนจะได้รูปนี้
เมื่อกี้หมุนวืด คราวนี้ลืมหมุนฟิล์มครับ แท็กซี่ขึ้นไปอยู่บนหน้าต่างเฉยเลย ภาพซ้อนครับภาพนี้
[CR] Ricohflex Model 7 มีเดียมฟอร์แมทตัวแรกและตัวสุดท้ายของผม
นี่คือกล้องฟิล์มมีเดียมฟอร์แมทตัวแรกของผม Ricohflex Model 7
ย้อนกลับไปเมื่อราว ๆ 3 เดือนที่ผ่านมา ผมไปเที่ยวงานฟิล์มเดย์ มาร์กเก็ตที่ลิโด้ งานกล้องฟิล์มรวมพลคนรักอนาล็อกโฟโตกราฟฟี่ ระหว่างงานนั้นผมมีโอกาสได้ลองจับ ลองขึ้นไก ลองกดชัตเตอร์กล้องในตำนานหลายตัว ทั้ง Olympus XA ตัวแรก, Leica Model 4, Leica III, Mamiya RB 67 แต่มันมีกล้องอยู่ตัวนึงที่สะดุดความสนใจผม กล้องตัวนั้นเป็นกล้องมีเดียมฟอร์มแมททวินเลนซ์ เขาต่างจากสองพี่น้อง Rolleiflex กับ Rolleicord เพราะรูปทรงเขามันเหลี่ยม ๆ คือสองตัวนั้นเขายังมีขอบที่ดูโค้งมน แต่ตัวนี้นี่คือเหลี่ยมมาเลย เขาก็คือ Ricohflex Model 7 ตัวนี้แหละครับ
ตอนได้มาวันแรก งง สิครับ ชัตเตอร์เงียบกริ้บ มีแค่เสียง "กริ้ก" เบา ๆ แล้วระะบบกรอฟิล์มก็ไม่มีอะไรมาล็อค แล้วมันจะได้รูปหรอ... แต่พอได้เห็นรูปจากมันแล้ว ตกหลุมรักเฉยเลยครับ อีกอย่างที่น่ารักของเจ้ารุ่นนี้คือราคา ราคามือสองในท้องตลาดของเจ้าตัวนี้ไม่แรงมากครับเมื่อเทียบกับมีเดียมฟอร์แมททวินเลนซ์เจ้าอื่น
ก่อนจะไปดูรูป เรามาดูฟังก์ชั่นการใช้งานกันหน่อยดีกว่า
เลนซ์เป็นเลนซ์ 80มม. แบบเลนซ์คู่หรือทวินเลนซ์ ก็คือเลนซ์บนใช้สำหรับส่องโฟกัสและเล็งแนวคอมโพสิชัน ส่วนเลนซ์ล่างทำหน้าที่เก็บภาพ ผมที่เคยชินกับกล้องทั่วไปที่ยกเล็งระดับสายตามาตลอด มาเจอตัวนี้ งงสิคครับ มุมมองมันแคบใช้ได้เลยแหละเลนซ์ 80มม. แถมเวลาหันกล้อง ก็ชวนมึนใช่ย่อย เพราะมุมมองที่ได้มันกลับด้านกันหมด แต่ถ้าชินแล้วก็ไม่ใช่ปัญหา และที่สำคัญ เลนซ์ 80มม. มันเหมาะกับการถ่ายพอทเทรทมากกว่า เพราะงั้นมุมมองจะแคบก็ไม่แปลก เป็นธรรมชาติของมันครับ
การโฟกัส เลขที่สลักไว้มีหน่วยเป็นฟุตครับ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเราก็แค่ค่อย ๆ หมุนจนกว่าโฟกัสจะเข้าแค่นั้นเอง มีตัวเลขไฮเปอร์โฟคอลมาด้วย เผื่อไม่มั่นใจ จะปรับรูรับแสงเผื่อไว้หน่อยก็ได้
การหมุนโฟกัส เราจะหมุนจากเฟืองหน้าเลนซ์ครับ จะหมุนจากเลนซ์บนหรือล่างก็ได้ ต่างจากสองพี่น้องโรไลหรือยาชิก้าที่พวกนั้นจะหมุนจากน็อบข้าง ๆ
ด้านข้างเลนซ์บันทึกภาพ ด้านบนคือรูเสียบสายลั่นชัตเตอร์ ด้านล้างคือไกชัตเตอร์ครับ รูเสียบสายลั่น เราก็แค่เอาสายลั่นมาหมุนใส่เข้าไปก็ใช้ได้แล้วครับ ไว้ใช้กับชัตเตอร์ B หรือการเปิดชัตเตอร์ค้างไว้นานกว่า 1 วินาทีตามที่เราต้องการ
วิธีใส่ฟิล์ม แอบยุ่งยากกว่าทวินเลนซ์ทั่วไป แต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น เริ่มจากเปิดฝาหลังด้วยการบิดตัวล็อคไปตามลูกศรแล้วใช้เล็บงัดเอาแหนบตัวล็อคออก
ค่อย ๆ เปิดออกมา ใจเย็น ๆ นี่คือสภาพในห้องฟิล์มของกล้องตัวนี้ครับ
ดึงน็อบหมุนฟิล์ม
แล้วดึงไส้มันออกมา ต้องใช้สองมือครับสำหรับขั้นตอนนี้ วางกล้องคว่ำลงกับพื้น มือนึงดึงน็อบไว้ อีกมือค่อย ๆ ดึงไส้มันออก
นี่คือไส้ของมัน เป็นจุดที่ฟิล์มต้องพาดผ่าน
ตามสไตล์ของกล้องมีเดียมฟอร์แมท ต้องสลับแกนด้วย ตัวนี้ที่ยึดแกนฟิล์มเป็นแผ่นเหล็กแหนบทั้งสองด้าน เราง้างที่ยึดอันล่าง สลับแกนเก่าขึ้นด้านบน เอาฟิล์มใหม่ใส่ด้านล่าง จากนั้นแกะหางฟิล์มมาใส่ร่องของแกนเก่าที่อยู่ด้านบน จากนั้นก็เอาไส้มันประกอบกับที่เดิม หรือง่าย ๆ ก็คือย้อนรีเวิสวิธีก่อนหน้าครับ ไม่ยาก
นี่คือสภาพมันตอนถอดไส้ออก ด้านนอกผิวเป็นพลาสติกก็จริง แต่ด้านในเป็นเหล็กครับ
พอปิดฝาแล้ว เปิดช่องดูฟิล์มที่ฝาหลังขึ้น หมุนน็อบให้เจอเลข 1 นั่นแหละครับคือภาพแรก นี่คือจุดอ่อนของกล้องตัวนี้ครับ น็อบหมุนฟิล์มมันไม่มีล็อก ถ้าหมุนเลยก็เสียรูปฟรี ซึ่งฟิล์มแต่ละเจ้ามีตัวสัญลักษณ์บอกตำแหน่งฟิล์มไม่เหมือนกัน แต่จะเหมือนกันในขุดนึงคือ จะมีตัวเลขบอก เพราะงั้นเวลาหมุนฟิล์ม ต้องค่อย ๆ หมุนครับ และส่วนใหญ่ตัวเลขก็เล็กมากด้วยเมื่อมองจากช่องนี้ ยิ่งต้องใจเย็นครับ แต่ถ้าได้ลองแล้ว บอกได้เลยว่าไม่ยาก
ขึ้นฟิล์มแล้ว เตรียมจะถ่าย เปิดฝาช่องมองขึ้นมา ก้มลงไป
มืดตึ้บ เพราะการโฟกัสกล้องตัวนี้ต้องมีแสงเยอะนิดนึงครับ ไม่งั้นมันจะมืดหน่อยที่ขอบข้าง แต่เอาจริง ๆ มันสว่างนะถ้ามองด้วยตา แต่นี่กล้องที่ใช้ถ่ายมันโฟกัสได้แค่นี้
มันจะประมาณนี้ครับ
มันโฟกัสได้ละเอียดมาก แต่ถ้าดูไม่รู้เรื่อง งัดแว่นขยายออกมา
พับปั้บเข้าให้
แค่นี้ก็โฟกัสง่ายแล้วครับ
กล้องมันต้องก้มเล็ง แล้วถ้าอยากถ่ายในระดับสายตาล่ะ พับแว่นขยายขึ้นไป แล้วส่องจากรูปนี้ครับ
ติดอย่างเดียวคือรูมันไม่ทะลุไปอีกฝั่งนะ แต่ใช้รอยฉลุเป็นตัวกำหนดตำแหน่ง เหมือนเรามีเป้าครอสแฮร์ของเกม FPS นั่นแหละครับ โฟกัสผ่านช่องมองก่อน แล้วค่อยยกขึ้นมาเล็ง
รูรับแสงกล้องอยู่ด้านขวาเยื้องไปด้านล่าง แคบสุดอยู่ที่ 16 กว้างสุดคือ 3.5
สปีดชัตเตอร์อยู่ด้านซ้าย เร็วสุดคือ 1/100 ช้าสุดคือ 1/25 และชัตเตอร์ B
โฟกัสได้แล้วจะกดถ่าย ดันไกชัตเตอร์ขึ้นด้านบนให้ดังคลิก เป็นการขึ้นชัตเตอร์
แล้วก็ดันลงเบา ๆ เพื่อกดชัตเตอร์
เสร็จแล้วเราก็หมุนน็อบให้เห็นเลข 2 เป็นการขึ้นฟิล์มใหม่ครับ นั่นแปลว่าเราสามารถถ่ายภาพซ้อนได้ สำหรับฟิล์ม 120 หนึ่งม้วน ถ่ายได้ 12 รูปในขนาด 6x6
กล้องตัวนี้ไม่มีรูสำหรับร้อยสายครับ ต้องใช้เคสของกล้องเท่านั้น ซึ่งสายของเคสที่ผมได้มาพร้อมกล้องก็เปื่อยมากแล้ว ผมเลยต้องตัดทิ้ง แล้วใช้ลูกหมุนตกปลาโมดิฟายสายหน้า เอ้ย สายคล้องกล้องเข้าไป แหม่ ลืมตัวครับ พูดถึงลูกหมุน จะไปเรื่องชุดสายหน้าเฉย อิ_อิ
OK นั่นคือฟังก์ชั่นคร่าว ๆ ของเจ้ากล้องตัวนี้ เรามาดูรูปกันดีกว่าครับ
นี่คือภาพแรกในวันแรกที่ผมได้กล้องมาครับ ฟิล์มที่ลองใช้ร้านบอกว่าเป็นฟิล์มหนัง สีเพี้ยนขนาดนี้สงสัยจะบูดด้วย แต่พอดูรายละเอียดที่ได้แล้ว ไม่เลว ๆ
ผมลืมดูตัวเลขฟิล์มครับ หมุนวืดไป 3 รูป ก่อนจะได้รูปนี้
เมื่อกี้หมุนวืด คราวนี้ลืมหมุนฟิล์มครับ แท็กซี่ขึ้นไปอยู่บนหน้าต่างเฉยเลย ภาพซ้อนครับภาพนี้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้