คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
Move on แบบไหน?
ลองปรับมุมมองและความคิด
เช่น
ถามตัวเองว่า เรื่องเก่าๆ ถึงเวลาที่ควรพอต่อวังวนนี้หรือยัง?
จริงอยู่ เราอาจไม่เคยลืมใครได้
แต่เราควรวางมันไว้ให้เป็นเพียงแค่ความทรงจำ แค่นั้น
อย่าให้อดีตมาวนเวียน มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเราในปัจจุบัน
มองและเข้าใจธรรมชาติของความรักว่า
เมื่อคนสองคน ไม่ใช่ ก็ต้องแยกจาก
ถึงจะต้องเลิกกันเพราะคุณหรือใคร ก็ถือว่า ไม่ใช่
(เพราะถ้าหากใช่ คุณอาจไม่ได้ปฎิบัติตัวกับเธอ แบบละเลยหรือไม่ชัดเจนในความสัมพันธ์
หรือถ้าหากใช่ เธอคงรอได้ หรือ เข้าใจคุณมากกว่านี้)
จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ทั้งหมดนั้นมันทำให้คุณและเธอ ไม่ได้ไปต่อ….
เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง
ไม่ว่า การคบกัน มันนานกี่ปี กี่เดือน
เราก็ไม่ควรยึดติดกับระยะเวลา หรือสิ่งอื่นใด
สำคัญที่เราควรใช้เวลาที่เหลือ เดินไปข้างหน้า
การมูฟออน คือ
การที่เราเปลี่ยนเส้นทางไปเริ่มต้นทำสิ่งใหม่อื่นๆในชีวิต สนใจในเรื่องอื่นๆ
ก้าวข้ามผ่านเพื่อไปต่อตามวิถีที่ตัวเองได้เลือก โดยไม่ย้อนกลับหลัง
“แม้ว่าบางความเปลี่ยนแปลงจะนำมาซึ่งความผิดหวังหรือหยาดน้ำตา
แต่ไม่ว่าอย่างไรเราควรจะต้องยอมรับกับความจริงที่เป็นอยู่
และอย่าลืมอีกหนึ่งความจริงที่หลงเหลืออยู่ก็คือ
ในทุกจุดสิ้นสุดมักมาพร้อมกับ “จุดเริ่มต้น” ของอีกสิ่งหนึ่ง”
“การสิ้นสุดของสิ่งหนึ่ง คือ การเริ่มต้นของสิ่งใหม่เสมอ”
—บทความจากนักเขียน หนุ่มเมืองจันท์—
บางที มันอยู่ที่เราคิด
คิดแบบไหน ก็จะกลั่นความหมายออกมาแบบนั้น
คิดบวก ก็จะสร้างพลังงานบวก
คิดลบ ก็จะจม ปิดกั้นตัวเอง อยู่อย่างนั้น
และหากจะมีรักครั้งใหม่ ก็ควรถามใจตัวเองก่อนว่า
‘พร้อมไหม?’
ถ้ายังไม่พร้อม ก็อย่าเพิ่งรับใครเข้ามา
เพราะถ้าความรู้สึกมันขัดแย้ง หรือไม่ได้ไปด้วยกันกับสิ่งที่ทำ
มันก็จะไม่ถึงปลายทางอีก อย่างที่คุณเคยเจอมา
เราควรให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขในแบบที่เราเป็นให้ได้ก่อนเสมอ
และใช้ชีวิตในแบบฉบับที่เราภูมิใจค่ะ
ลองปรับมุมมองและความคิด
เช่น
ถามตัวเองว่า เรื่องเก่าๆ ถึงเวลาที่ควรพอต่อวังวนนี้หรือยัง?
จริงอยู่ เราอาจไม่เคยลืมใครได้
แต่เราควรวางมันไว้ให้เป็นเพียงแค่ความทรงจำ แค่นั้น
อย่าให้อดีตมาวนเวียน มีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเราในปัจจุบัน
มองและเข้าใจธรรมชาติของความรักว่า
เมื่อคนสองคน ไม่ใช่ ก็ต้องแยกจาก
ถึงจะต้องเลิกกันเพราะคุณหรือใคร ก็ถือว่า ไม่ใช่
(เพราะถ้าหากใช่ คุณอาจไม่ได้ปฎิบัติตัวกับเธอ แบบละเลยหรือไม่ชัดเจนในความสัมพันธ์
หรือถ้าหากใช่ เธอคงรอได้ หรือ เข้าใจคุณมากกว่านี้)
จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ทั้งหมดนั้นมันทำให้คุณและเธอ ไม่ได้ไปต่อ….
เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง
ไม่ว่า การคบกัน มันนานกี่ปี กี่เดือน
เราก็ไม่ควรยึดติดกับระยะเวลา หรือสิ่งอื่นใด
สำคัญที่เราควรใช้เวลาที่เหลือ เดินไปข้างหน้า
การมูฟออน คือ
การที่เราเปลี่ยนเส้นทางไปเริ่มต้นทำสิ่งใหม่อื่นๆในชีวิต สนใจในเรื่องอื่นๆ
ก้าวข้ามผ่านเพื่อไปต่อตามวิถีที่ตัวเองได้เลือก โดยไม่ย้อนกลับหลัง
“แม้ว่าบางความเปลี่ยนแปลงจะนำมาซึ่งความผิดหวังหรือหยาดน้ำตา
แต่ไม่ว่าอย่างไรเราควรจะต้องยอมรับกับความจริงที่เป็นอยู่
และอย่าลืมอีกหนึ่งความจริงที่หลงเหลืออยู่ก็คือ
ในทุกจุดสิ้นสุดมักมาพร้อมกับ “จุดเริ่มต้น” ของอีกสิ่งหนึ่ง”
“การสิ้นสุดของสิ่งหนึ่ง คือ การเริ่มต้นของสิ่งใหม่เสมอ”
—บทความจากนักเขียน หนุ่มเมืองจันท์—
บางที มันอยู่ที่เราคิด
คิดแบบไหน ก็จะกลั่นความหมายออกมาแบบนั้น
คิดบวก ก็จะสร้างพลังงานบวก
คิดลบ ก็จะจม ปิดกั้นตัวเอง อยู่อย่างนั้น
และหากจะมีรักครั้งใหม่ ก็ควรถามใจตัวเองก่อนว่า
‘พร้อมไหม?’
ถ้ายังไม่พร้อม ก็อย่าเพิ่งรับใครเข้ามา
เพราะถ้าความรู้สึกมันขัดแย้ง หรือไม่ได้ไปด้วยกันกับสิ่งที่ทำ
มันก็จะไม่ถึงปลายทางอีก อย่างที่คุณเคยเจอมา
เราควรให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขในแบบที่เราเป็นให้ได้ก่อนเสมอ
และใช้ชีวิตในแบบฉบับที่เราภูมิใจค่ะ
แสดงความคิดเห็น
รักที่ไม่มีปลายทาง สุดท้ายก็จบลง
เข้าเรื่องเลยละกัน หลังจากโดนบอกเลิกมาเกินครึ่งปีแล้ว แต่ยังลืมเขาไม่ได้เลย วันนี้เลยตัดสินใจเขียนกระทู้ เพื่อขอคำแนะนำในการ Move on....
เป็นความรักที่เริ่มตั้งแต่ผมจบมหาวิทยาลัยจนถึงวันเลิกกัน ก็ 5 จะเข้าปีที่ ุ6 เป็นคู่รักเหมือนคนอื่นๆทั่วๆไป แต่ผิดที่เรายังไม่ได้เปิดสถานะ เนื่องด้วยเหตุผลหลายๆอย่างนึ่งในนั้น คือเขารอให้เรียนจบมหาลัยก่อน ลืมบอกไปว่า ตอนเราเริ่มคบกันเขาอยู่ม.6 ส่วนผมเพิ่งจบมหาลัย.
คบกัน ไปมาหากันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง งอนกันบ้างเป็นปกติ แต่เราก็มีทัศนคติ ความคิด การกินการอยู่ คล้ายๆกัน
ตลอดระยะเวลา 5 ปีเต็มๆที่เราคบกัน แม้บ้างครั้งผมเงียบ ผมไม่ได้คุยไม่ได้แชทหาเขา แต่ไม่ใช่เพราะว่าผมมีคนอื่น หรือคิดจะมีคนอื่น ไม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว จนทำให้ผมเป็นมาถึงทุกวันนี้ ไม่ยอมเปิดใจรับใครคนอื่น.
อันที่จริงผมยอมรับนะครับว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผมไม่ได้บอก และ ไม่ได้ทำอะไรให้เธอเห็นชัดเจนเลย เขาเลยไม่มันใจในตัวผม เพราะว่าเราก็ยังไม่ได้เปิดสถานะอย่างจริงจัง กลัวเขาจะมีปัญหากับที่บ้านด้วย เลยอยู่มาเรื่อยๆ และอีกอย่างตอนนั้นก็คิดว่าเรารักเขา เขาก็รักเราไม่นามีปัญหาอะรไหรอก.
ช่วงนั้นผมได้กลับบ้านมาเยียมแม่ และตอนได้เจอกันครบหน้าทางครบครัวจะถามเรื่องสร้างครอบครัวว่าเมื่อไรจะมีแฟน จะแต่งงานตอนไหน ไม่เห็นมีแฟนสักที่ พี่สาวก็จะเซวอย่าไปชอบผู้ชายละกัน 555 อะไรประมาณนั้น ตามภาษาคนแก ผมก็ถือโอกาสนั้นบอกทางครบครัวว่าตอนนี้กำลังคบกับเขาอยู่ ทางครอบครัวก็จะให้ผมพามาเยี่ยมที่บ้าน ปลาๆๆ หลังจากนั้นผมเพลนแล้วว่า กลับไปทำงานก็จะคุยและขอเปิดสถานะว่าคบกันจริงๆจัง เพราะว่าเขาก็ใกล้จบมหาลัยแล้ว
แต่ทุกอย่างพังหมด ยังไม่ได้กลับไปเจอเขา ยังไม่ได้บอกเพลนให้เขารู้ ทุกอย่างสายไป โดนบอกเลิกสะก่อน โดยเหตุผลหลายๆอย่างที่ผ่านมา เหตุผลที่ผมเองคิดว่าเรารักกันแล้ว สุดท้ายก็ไปถึงปลายทาง แต่มันไม่ได้แบบนั้นเลย ดังคำที่ว่า ปลายทางสำคัญ แต่ระหว่างทางสำคัญกว่า รู้ตัวอีกทีมันก็สายไปแล้ว.
ตอนนั้น คิดอะไรไม่ออกเลย คิดไม่ออกว่าจะต้องขอโอกาสแบบไหน จะต้องพูดแบบไหน เพราะช่วงนั้นแม่ก็ไม่สบายหนักด้วย เลยไปไม่ถูก. สุดท้ายเราเลิกกัน เพราะความไม่เอาไหนของตัวเอง.
ถ้าจะลองเปิดใจรับใครสักคนใหม่ เพื่อนๆจะทำอย่างไงครับ เพราะตอนนี้ยังลืมเธอไม่ได้เลย, ต้อง MOVE ON แบบไหน ???
(ลืมบอกไปว่าเป็นความรักครั้งที่ 3 และนานที่สุด ตั้งแต่จบมหาลัย)
ขออภัยถ้าพลาดประการใด
ขอบคุณครับ.