Flee: หนี
" ที่แห่งใดคือ สถานที่พึ่งพิงได้ในชีวิต... ที่แห่งใดคือ บ้านอันแท้จริง ? "
สวัสดีครับทุกท่าน ! เมื่อปีที่แล้ว มีภาพยนตร์ที่น่าสนใจอย่าง
Flee (2021) ที่ได้เข้าชิงออสการ์ และมีประเด็นหนังที่น่าสนใจ ล่าสุด ผมมีโอกาสได้ชม
Flee ผ่าน
Netflix และมีหลาย ๆ ประเด็นที่อยากชวนทุกท่านพูดคุย จึงอยากมาแนะนำภาพยนตร์ เผื่อว่าท่านใดสนใจนะครับ
กล่าวถึงคุณงามความดีของภาพยนตร์ Flee ได้เข้าชิง
ออสการ์ 3 สาขา ได้แก่
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม และภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ในส่วนของเวทีอื่น ๆ หนังคว้า
Grand Jury Prize ในสาขา
World Cinema - Documentary ใน
Sundance Film Festival (2021) รวมถึงยังได้รับเลือกเป็น
Official Selection ใน
Canne Film Festival อีกด้วย
เรื่องย่อ
Flee | Official Trailer
Flee (2021) ภาพยนตร์สัญชาติเดนมาร์กที่ได้รับการกำกับโดย
Jonas Poher Rasmussen ตัวหนังสร้างจากเรื่องจริงผ่านผู้ลี้ภัยที่ไม่ประสงค์เปิดเผยตัวตน
เนื้อเรื่องหลักเล่าถึง ชีวิตของ
อามิน นาวาบี ชายหนุ่มผู้ลี้ภัยออกจากอัฟกานิสถานมาอาศัยอยู่ในเดนมาร์ก... ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ได้ทำการเข้าไปสัมภาษณ์ถึงเบื้องหลังของชีวิตเขา เพื่อถ่ายทำสารคดี เรื่องราวต่าง ๆ ที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้ต่างพรั่งพรูออกมา พร้อมกับบาดแผลที่ซุกซ่อนอยู่ในใจของอามินในฐานะผู้ลี้ภัยสงคราม
ความรู้สึกหลังชม
- หลังจากที่ได้ชม
Flee (2021) ก็พาย้อนนึกไปถึง
The Breadwinner (2017) แอนิเมชั่นที่เข้าชิงออสการ์ซึ่งกล่าวถึงความลำบากของชีวิตสตรีในอัฟกานิสถาน... ประเด็นเกี่ยวกับความทุกข์ทรมาณจากความโหดร้ายในอัฟกานิสถาน นับว่ามี Impact ต่อผู้ชมเสมอ โดยเฉพาะประเด็นด้านมนุษยธรรมที่มีเหยื่อจากความรุนแรงมากล้นเหลือเกิน
- ต้องขอชมว่า
Flee เป็นภาพยนตร์สารคดี - แอนิเมชั่นที่ทำได้เยี่ยม สมกับเป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงออสการ์... ไม่ใช่เรื่องง่ายในการถ่ายทอดบาดแผลในใจของผู้ลี้ภัย พร้อมกับแตะประเด็นเกี่ยวกับเรื่อง LGBT ไปพร้อมกัน
หนังทำให้เข้าใจในมุมมองของผู้ลี้ภัยมากขึ้นว่า
"พวกเขารู้สึกอย่างไร"...
ความรู้สึกของการระหกระเหิน ความเจ็บปวดจากการเป็นเหยื่อในกลุ่มค้ามนุษย์ การซ่อนเร้นตัวตนของตัวเอง นี่คือ ชีวิตที่ต้องอดทนอย่างเต็มกลืน และซ่อนทุกอย่างไว้ในจิตใจ เพื่อเดินหน้าสู้ชีวิต
อย่างไรก็ตาม แม้หลายครั้ง เวลาจะผ่านเลยไป แต่บาดแผลจากความโหดร้าย ยังคงส่งผลกระทบและหลอกหลอนเหยื่อในทุกวันคืน... ปมหลายอย่างยังคงค้างคาในใจและรอการเยียวยา
ปมที่สำคัญที่สุดที่หนังตีแผ่ออกมา ก็คือ ความรู้สึกของ "การโหยหาที่พึ่งพิงในชีวิต" และ การตามหา "บ้าน" ที่แท้จริงในจิตใจ ซึ่งไม่ว่าใครก็ยากที่จะเข้าใจ หากไม่ได้สัมผัสกับความเจ็บปวดเหล่านี้ด้วยตนเอง
- ซีนที่น่าประทับใจสุด ผมขอยกให้เป็น
ซีนที่พี่ชายเข้าใจในตัวตนของอามิน… ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ไม่มีอะไรน่าตื้นตันใจไปกว่าการมีคนในครอบครัวเคียงข้าง ยอมรับ และโอบรับในตัวตนที่เราเป็น
-
"การใช้ลายเส้นในแอนิเมชั่น" เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ ทางผู้สร้างเลือกใช้ลายเส้นที่ถูกทอนรายละเอียดออกไป ทำให้ภาพในเรื่องดู
นามธรรม (abstract) ให้รสชาติหนังที่แปลก และอาร์ตดี
- สำหรับข้อเสียหนัง ก็พอมีบ้าง ในแง่ของความเนือยสไตล์หนังนอกกระแส ผสมกับมุมมองสารคดี ทำให้หนังดูไม่ง่ายและใช้พลังงานในการรับชมพอสมควร
- สุดท้ายแล้ว ก็ขอปิดท้ายด้วยเพลง
"เรฟูจี" ของ
คาราบาว คงไม่มีเพลงไหนจะบรรยายของผู้ลี้ภัยได้ดีไปกว่าเพลงนี้อีกแล้ว...
คาราบาว - เรฟูจี (Official Music Video)
สรุป
Flee (2021) ถือว่าเป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่องเยี่ยมที่แสดงถึงปัญหามนุษยธรรมของผู้ลี้ภัยอย่างลึกซึ้ง สเกลความหนักของเรื่อง จริง ๆ ก็เกินในระดับแอนิเมชั่นไปมาก จนไม่แปลกใจที่ได้ชิงทั้งสาขาแอนิเมชั่น และสาขาภาพยนตร์สารคดีในเวลาเดียวกัน... ดังนั้น หากใครเป็นคอหนังรางวัล หรือสนใจหนังสารคดีดี ๆ ก็แนะนำนะครับ จัดว่าเป็นหนังสารคดีเรื่องเยี่ยม !
ซีนพี่ชายยอมรับในตัวที่อามินเป็น
_________________________________
(เพิ่มเติม) เผื่อว่าใครสนใจแอนิเมชั่นที่มีประเด็นเกี่ยวกับอัฟกานิสถาน ขอแนะนำเรื่อง The Breadwinner (2017) เป็นแอนิเมชั่นที่น่าประทับใจอีกเรื่องเลยครับ
_________________________________
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพุดคุยหรือติดต่อกับผม
Flee (2021) - สำรวจบาดแผลและปัญหามนุษยธรรมของผู้ลี้ภัย... ที่แห่งใดคือ "บ้าน" อันแท้จริง ?
กล่าวถึงคุณงามความดีของภาพยนตร์ Flee ได้เข้าชิง ออสการ์ 3 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม และภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม ในส่วนของเวทีอื่น ๆ หนังคว้า Grand Jury Prize ในสาขา World Cinema - Documentary ใน Sundance Film Festival (2021) รวมถึงยังได้รับเลือกเป็น Official Selection ใน Canne Film Festival อีกด้วย
เรื่องย่อ
เนื้อเรื่องหลักเล่าถึง ชีวิตของ อามิน นาวาบี ชายหนุ่มผู้ลี้ภัยออกจากอัฟกานิสถานมาอาศัยอยู่ในเดนมาร์ก... ทีมผู้สร้างภาพยนตร์ได้ทำการเข้าไปสัมภาษณ์ถึงเบื้องหลังของชีวิตเขา เพื่อถ่ายทำสารคดี เรื่องราวต่าง ๆ ที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้ต่างพรั่งพรูออกมา พร้อมกับบาดแผลที่ซุกซ่อนอยู่ในใจของอามินในฐานะผู้ลี้ภัยสงคราม
ความรู้สึกหลังชม
- ต้องขอชมว่า Flee เป็นภาพยนตร์สารคดี - แอนิเมชั่นที่ทำได้เยี่ยม สมกับเป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงออสการ์... ไม่ใช่เรื่องง่ายในการถ่ายทอดบาดแผลในใจของผู้ลี้ภัย พร้อมกับแตะประเด็นเกี่ยวกับเรื่อง LGBT ไปพร้อมกัน
หนังทำให้เข้าใจในมุมมองของผู้ลี้ภัยมากขึ้นว่า "พวกเขารู้สึกอย่างไร"... ความรู้สึกของการระหกระเหิน ความเจ็บปวดจากการเป็นเหยื่อในกลุ่มค้ามนุษย์ การซ่อนเร้นตัวตนของตัวเอง นี่คือ ชีวิตที่ต้องอดทนอย่างเต็มกลืน และซ่อนทุกอย่างไว้ในจิตใจ เพื่อเดินหน้าสู้ชีวิต
อย่างไรก็ตาม แม้หลายครั้ง เวลาจะผ่านเลยไป แต่บาดแผลจากความโหดร้าย ยังคงส่งผลกระทบและหลอกหลอนเหยื่อในทุกวันคืน... ปมหลายอย่างยังคงค้างคาในใจและรอการเยียวยา
ปมที่สำคัญที่สุดที่หนังตีแผ่ออกมา ก็คือ ความรู้สึกของ "การโหยหาที่พึ่งพิงในชีวิต" และ การตามหา "บ้าน" ที่แท้จริงในจิตใจ ซึ่งไม่ว่าใครก็ยากที่จะเข้าใจ หากไม่ได้สัมผัสกับความเจ็บปวดเหล่านี้ด้วยตนเอง
- สำหรับข้อเสียหนัง ก็พอมีบ้าง ในแง่ของความเนือยสไตล์หนังนอกกระแส ผสมกับมุมมองสารคดี ทำให้หนังดูไม่ง่ายและใช้พลังงานในการรับชมพอสมควร
- สุดท้ายแล้ว ก็ขอปิดท้ายด้วยเพลง "เรฟูจี" ของ คาราบาว คงไม่มีเพลงไหนจะบรรยายของผู้ลี้ภัยได้ดีไปกว่าเพลงนี้อีกแล้ว...