คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
https://ppantip.com/topic/40275546/comment6
บวช มาจากคำว่า ปวช (ปะ-วะ-ชะ) แปลว่า ออกจาก ไม่ได้แปลว่าโกนหัวเลย ไม่ได้แปลว่าห่มเหลืองเลย ไม่ได้แปลว่าเที่ยวขอเลย แล้วชีวิตของเราถ้าไม่ออกจากจะคลุกคลีอยู่กับอะไร อยู่กับ โลภ โกรธ หลง อยากได้ อุปาทาน ยึดมั่นแสวงหาที่เกิด แต่ผู้ออกจาก คือออกจากโลภ โกรธ หลง และการเสวงหาการเกิด แล้วอะไรที่เป็นตัวการให้อยู่กับพวกนี้ ก็คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ผู้ที่ออกบวชจึงเป็นผู้ปวารณาตัว ออกจากกามตัณหา ความยินดีติดใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ปวารณาออกจากความยึดมั่นในเรื่องไร้สาระ เช่น ลาภยศต่าง ๆ ออกจากความยึดมั่นในอารมณ์อันเป็นสุขเป็นทุกข์
ผู้ที่บวชในพระพุทธศาสนามีกิจอย่างเดียวเท่านั้นเอง คือกิจที่ต้องพยายามออกจากการพัวพันชีวิตไว้กับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ไม่มีชิวิตเนื่องด้วยตัณหา อุปาทาน จึงจะเป็นนักบวชที่แท้จริง ดังนั้น พระอรหันต์จึงครองชีวิตอยู่ในความยึดมั่นหรือครองเรือนอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะรู้ว่าเป็นภัยเป็นโทษ เปรียบเสมือนไฟกำลังไหม้บ้าน ควันก็เข้าตา ร้อนก็ร้อน ใครจะทน มีใครทนไหม ร้องหาทางหนี อยู่ไปก็ตายแน่ เพราะรู้ว่านี่ก็เป็นกิเลส ทำให้ต้องมีการเกิด นี่ก็เป็นโทษ นี่ก็เป็นภัย เมื่อเป็นผู้กลัวภัย จึงต้องพาตนเองออกจากภัยนั้น บวชจึงเท่ากับออกจาก ไม่ใช่ว่าจะต้องโกนหัว เพราะว่าพระอรหันต์ไม่ได้สำเร็จในเพศชาย ผู้หญิงก็สำเร็จได้

แด่...สมณะผู้เพียรละกิเลส โดย หลวงพ่อเสือ
http://ppantip.com/topic/32389620/comment7
หลวงพ่อเล่าว่า สมัยก่อนวันหนึ่งท่านจะบวชให้เพียงรูปเดียวเพื่อที่จะมีเวลาให้อารมณ์แก่พระใหม่ได้อย่างเต็มที่ เริ่มตั้งแต่การมาขอบวช ท่านจะพูดคุยทั้งพ่อแม่ และผู้ที่จะบวชว่า
“ ท่านไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านสิ้นสุดจากการมีตระกูล ยกตระกูลของตนเองออกจากความรู้สึก “
และเมื่อผู้ที่มาขอบวชยกผ้าไตรจีวรที่อยู่บนพานขึ้นมา ท่านจะบอกให้เขาทำความรู้สึกว่า
“ ขณะนี้เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ตระกูลโคตรมะ “
เพราะท่านถือหลักว่า การเป็นพระ ต้องเป็นผู้ไม่มีเหย้าไม่มีเรือน ขณะที่เป็นพระ ต้องไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีสมบัติพัสถานใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะ.....
พระจะต้องมี พระพุทธเจ้า เป็นพ่อ
พระจะต้องมี พระธรรม เป็นนาย
พระจะต้องมี พระวินัย เป็นกรอบ
และพระจะต้องมี กิจเพื่อเดินทางสู่ความพ้นทุกข์....เท่านั้น
อาจารย์ผู้บอกกรรมฐานอย่างน้อยที่สุด
ก็ต้องเป็นผู้ไม่เลอะเลือนทั้งในพระไตรปิฎกและอรรถกถา
https://ppantip.com/topic/38517496/comment9
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลวงพ่อเสือ เทพเจ้าแห่งบ้านโพธิ์
https://lanpothai.blogspot.com/2018/05/blog-post.html
ถ้าหลวงพี่แจ้ ได้ศรัทธา หลวงพ่อเสือ น่าจะรุ่งเรืองใน พระธรรมวินัย ครับ
บวช มาจากคำว่า ปวช (ปะ-วะ-ชะ) แปลว่า ออกจาก ไม่ได้แปลว่าโกนหัวเลย ไม่ได้แปลว่าห่มเหลืองเลย ไม่ได้แปลว่าเที่ยวขอเลย แล้วชีวิตของเราถ้าไม่ออกจากจะคลุกคลีอยู่กับอะไร อยู่กับ โลภ โกรธ หลง อยากได้ อุปาทาน ยึดมั่นแสวงหาที่เกิด แต่ผู้ออกจาก คือออกจากโลภ โกรธ หลง และการเสวงหาการเกิด แล้วอะไรที่เป็นตัวการให้อยู่กับพวกนี้ ก็คือ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ผู้ที่ออกบวชจึงเป็นผู้ปวารณาตัว ออกจากกามตัณหา ความยินดีติดใจในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ปวารณาออกจากความยึดมั่นในเรื่องไร้สาระ เช่น ลาภยศต่าง ๆ ออกจากความยึดมั่นในอารมณ์อันเป็นสุขเป็นทุกข์
ผู้ที่บวชในพระพุทธศาสนามีกิจอย่างเดียวเท่านั้นเอง คือกิจที่ต้องพยายามออกจากการพัวพันชีวิตไว้กับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ไม่มีชิวิตเนื่องด้วยตัณหา อุปาทาน จึงจะเป็นนักบวชที่แท้จริง ดังนั้น พระอรหันต์จึงครองชีวิตอยู่ในความยึดมั่นหรือครองเรือนอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะรู้ว่าเป็นภัยเป็นโทษ เปรียบเสมือนไฟกำลังไหม้บ้าน ควันก็เข้าตา ร้อนก็ร้อน ใครจะทน มีใครทนไหม ร้องหาทางหนี อยู่ไปก็ตายแน่ เพราะรู้ว่านี่ก็เป็นกิเลส ทำให้ต้องมีการเกิด นี่ก็เป็นโทษ นี่ก็เป็นภัย เมื่อเป็นผู้กลัวภัย จึงต้องพาตนเองออกจากภัยนั้น บวชจึงเท่ากับออกจาก ไม่ใช่ว่าจะต้องโกนหัว เพราะว่าพระอรหันต์ไม่ได้สำเร็จในเพศชาย ผู้หญิงก็สำเร็จได้

แด่...สมณะผู้เพียรละกิเลส โดย หลวงพ่อเสือ
http://ppantip.com/topic/32389620/comment7
หลวงพ่อเล่าว่า สมัยก่อนวันหนึ่งท่านจะบวชให้เพียงรูปเดียวเพื่อที่จะมีเวลาให้อารมณ์แก่พระใหม่ได้อย่างเต็มที่ เริ่มตั้งแต่การมาขอบวช ท่านจะพูดคุยทั้งพ่อแม่ และผู้ที่จะบวชว่า
“ ท่านไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ท่านสิ้นสุดจากการมีตระกูล ยกตระกูลของตนเองออกจากความรู้สึก “
และเมื่อผู้ที่มาขอบวชยกผ้าไตรจีวรที่อยู่บนพานขึ้นมา ท่านจะบอกให้เขาทำความรู้สึกว่า
“ ขณะนี้เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ตระกูลโคตรมะ “
เพราะท่านถือหลักว่า การเป็นพระ ต้องเป็นผู้ไม่มีเหย้าไม่มีเรือน ขณะที่เป็นพระ ต้องไม่มีบ้าน ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีสมบัติพัสถานใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะ.....
พระจะต้องมี พระพุทธเจ้า เป็นพ่อ
พระจะต้องมี พระธรรม เป็นนาย
พระจะต้องมี พระวินัย เป็นกรอบ
และพระจะต้องมี กิจเพื่อเดินทางสู่ความพ้นทุกข์....เท่านั้น
อาจารย์ผู้บอกกรรมฐานอย่างน้อยที่สุด
ก็ต้องเป็นผู้ไม่เลอะเลือนทั้งในพระไตรปิฎกและอรรถกถา
https://ppantip.com/topic/38517496/comment9
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลวงพ่อเสือ เทพเจ้าแห่งบ้านโพธิ์
https://lanpothai.blogspot.com/2018/05/blog-post.html
ถ้าหลวงพี่แจ้ ได้ศรัทธา หลวงพ่อเสือ น่าจะรุ่งเรืองใน พระธรรมวินัย ครับ
แสดงความคิดเห็น
พระอาจารย์แจ้ "ผิด" หรือทิดไพรวัลย์ "มั่ว"