รักที่ปลิดปลิว (3)


.


              
               กลับจากแสดงความยินดีกับชัชรินทร์ มาลีก็ไม่ลืมที่จะนำต้นฉบับนิยายไปส่งให้ปกรณัมอีกรอบ คราวนี้มีความมั่นใจมากขึ้น ว่างานเขียนของตนจะต้องผ่านฉลุย ไม่มีคำผิดแม้แต่คำเดียว หยุดยืนยิ้มที่หน้าห้องทำงานของบรรณาการครู่เดียว ก่อนจะเคาะประตูขออนุญาตคนในห้องเข้าไป

             “ขออนุญาตค่ะคุณกร” มาลีพูดขอคนตรงหน้าเบา ๆ ตามมารยาทหลังเปิดประตูเข้ามา

              คนที่กำลังง่วนอยู่กับงานเงยหน้าขึ้นมอง องค์ประกอบทุกอย่างที่รวมกันบนใบหน้าของเขา รับกันอย่างลงตัวดั่งพระเอกในเทพนิยาย ทำให้เพศตรงข้ามเคลิ้มได้โดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

              “ครับคุณโม” ปกรณัมขานรับ วางมือจากงานที่ทำอยู่ หันมาจ้องหน้าลูกน้องสาว

               “ต้นฉบับนิยายที่โมเอากลับไปแก้เมื่อวานค่ะ โมแก้เสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว” หล่อนตอบ ยื่นต้นฉบับนิยายให้เขาไป ซ่อนความขวยเขินเอาไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบ ไม่แสดงออกให้ฝ่ายตรงข้ามจับได้ หัวใจระส่ำระสายทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้กับบรรณาธิการคนนี้

               ปกรณัมทำท่าทางไม่มั่นใจจะรับดีไหม เพียงทำเย้าแหย่ไปอย่างนั้น พอเห็นใบหน้าขาวเนียนซีดเผือดลง จึงหยุดแกล้งแล้วขอดูต้นฉบับนิยายกับเธอ “ล้อเล่นครับ ไหนขอดูหน่อย” เขาพูดพร้อมรับชิ้นงานกับเธอ

              “โมแก้ไขมาเรียบร้อยแล้วค่ะ รับรองไม่มีคำผิด” สาวเจ้าพูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ แววตาที่มองไปยังเขาจริงจังที่สุด

                 ปกรณัมเปิดดูตรงจุดที่เคยพลาดคร่าว ๆ เปิดดูไปอีกหลาย ๆ หน้าพลิกกลับไปกลับมา “อืมม์ แล้วผมจะตรวจดูอย่างละเอียดอีกทีนะ” เขากล่าวหลังเปิดดูไม่กี่รอบ ทว่ามั่นใจในฝีมือเธอว่ารอบนี้งานเรียบร้อยดี  “ลายมือของคุณณเวฬาผมชอบมากนะ แปลกดี ไม่มีใครเหมือน มาดูกันว่า นายปากร้ายกับยายติ้สติ้ส ของณเวฬาจะขายได้กี่เล่ม”

                 สิ่งที่เจ้าของสำนักพิมพ์พูดออกมา ทำให้มาลีหายใจได้เต็มปอด งานเขียนของตนจะได้ตีพิมพ์ออกสู่สายตานักอ่านสักที คราวนี้ก็เพียงมาลุ้นว่าจะทำลายสถิตินิยายของชัชรินทร์หรือไม่

               “คุณโมพักผ่อนได้ครับ ค่อยเริ่มเขียนเรื่องใหม่ นี่ถ้าเรื่องนี้ปังเหมือนของคุณชอชอรอขึ้นมานะ ผมจะจัดปาร์ตี้ให้อลังการกว่าของคุณชอชอรอเลยเป็นไง” ปกรณัมพูด เอ่ยนามปากกาแทนชื่อของนักเขียนหนุ่ม

               “โหขอบคุณมากค่ะคุณกร แต่ว่าโมขอไม่อลังการอะไรมากหรอกค่ะ กลัวแต่ไม่มีคนอ่าน” สาวเจ้าพูด ขณะนั้นแววตาที่ดูมั่นใจกลับเปลี่ยนไปเป็นลังเล

                 “เฮ้ย! ต้องมั่นใจสิครับคุณโม มั่นใจเท่านั้น นักเขียนของผมทุกคนต้องมั่นใจในฝีมือตัวเอง ขายได้ไม่ได้ช่างมัน มั่นใจไว้ก่อน” เขาพูดพร้อมยิ้มให้เธอ ปลุกความมั่นใจให้กับเจ้าตัวอีกครั้ง คราวนี้มาลีเผยยิ้มออกมาได้ แววตาสิ้นหวังเมื่อครู่หายไป มีเพียงสายตาที่มุ่งมั่นประกายวาบวับขึ้นมาแทน นี่สิถึงจะเป็นมาลีที่เขารู้จัก

                สิ่งที่เขาพูดนอกจากจะช่วยทำให้มีพลังด้านบวกแล้ว ยังทำให้หัวใจของมาลีพองโตไปอีกด้วย ทุกคราวที่เข้าใกล้ปกรณัม หัวใจของเธอจะเต้นแรงผิดปกติ อดที่จะแอบชายตามองไม่ได้ทุกคราว ผู้ชายในสเป็ก ผู้ชายในฝันของเธอ ผู้หญิงแบบไหนกันนะที่ปกรณัมหมายปอง ตั้งคำถามในหัวใจขณะที่อยู่ด้วยกันกับเขาในห้องทำงานส่วนตัว พอเสร็จธุระก็ขอตัวกลับโต๊ะทำงาน ปล่อยให้ปกรณัมได้ทำงานต่อไป

                มาลีนั่งเท้าคางที่หน้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กส่วนตัว หลังจากกลับมาจากห้องทำงานของเจ้าของสำนักพิมพ์ ก็ยังไม่ทันทำอะไร นั่งคิดอะไรเพลิน ๆ ไปเรื่อย นึกถึงปกรณัมที่เพิ่งเข้าไปพบมาเมื่อไม่กี่นาที มันอดใจลอยคิดเตลิดเปิดเปิงไม่ได้ทุกครั้ง

                 “หื้ย… ไม่คุณกรต้องไม่ชอบไม้ป่าเดียวกันสิ คุณกรต้องมีผู้หญิงอยู่ในใจอยู่แล้วแน่ ๆ ใช่คุณกรต้องมีแฟนเป็นผู้หญิง แค่ไม่อยากเปิดเผย แต่มีเหตุผลอะไรต้องปิดบังละ” มาลีนั่งพูดถึงเจ้าของสำนักพิมพ์ บ่นพึมพำออกมาคนเดียว

              มาลีนั่งเพ้อถึงปกรณัมจู่ ๆ ก็ทำให้นึกถึงนิยายที่ตนเองแอบเขียนเอาไว้ จึงเข้าไปเปิดเว็บไซต์นิยายดู เห็นแจ้งเตือนว่ามีคนส่งข้อความมา ‘ลูฟี่หมวกฟาง’ ยิ้มให้กับชื่อเจ้าของข้อความ สงสัยชอบวันพีช มาลีแซวเจ้าของชื่อนั้น

               หันซ้ายแลขวาพบว่าไม่มีใคร แอบมองไปยังชัชรินทร์ เห็นนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่อย่างนั้น พอทางสะดวกจึงเปิดอ่านข้อความ เธอเปลี่ยนนามปากกาใหม่ เปลี่ยนลายมือของตนเองใหม่ เพื่อหลบหลีกนักเขียนสำนักพิมพ์เดียวกันมาเจอเข้าโดยบังเอิญ

               “สวัสดีครับคุณเมอร์ริเดียน นิยายของคุณสนุกจัง ผมตามอ่านตั้งแต่บทแรกเลยนะครับ ชอบเรื่องราวความรักของพวกคุณสองคนมาก : ลูฟี่หมวกฟาง” เธอเปิดอ่านข้อความ คงเป็นนักอ่านทั่วไปที่เปิดมาเจอนิยายเรื่องนี้เข้าพอดี

                 “ขอบคุณมาก ๆ นะคะที่ตามอ่าน ดีใจมากเลยที่มีคนชอบ : เมอร์ริเดียน” เธอตอบไปตามมารยาท

                  “อือ… จะว่าอะไรไหมครับ ถ้าผมจะขอซื้อนิยายเรื่องนี้ของคุณเมอร์ริเดียนไปอ่านลงช่องยูทูปส่วนตัวของผมครับ ผมทำช่องอ่านนิยาย : ลูฟี่หมวกฟาง” เขาตอบกลับไปอย่างเร็ว เมื่อเห็นเจ้าของนิยายตอบกลับมา คิดว่าจะไม่อ่านคอมเมนต์ของตนเสียแล้ว

                  มาลีอ่านข้อความแล้วนิ่งคิด ขอกันตรง ๆ แบบนี้เลยหรือ ลังเลว่าจะให้ไปหรือไม่ เธอเคาะปากกากับโต๊ะทำงานเบา ๆ ลังเลอยู่ในที

               “ผมชอบ บี๋แอนด์บี๋ ของคุณเมอร์ริเดียนมากจริง ๆ ครับ ผมได้อ่านบทปัจจุบันยังอึ้ง จนต้องกลับไปไล่อ่านตั้งแต่บทแรกเลย สนุกมากครับ จึงคิดอยากนำมาอ่าน ผมจะติดเครดิตนามปากกาของคุณให้ด้วย แล้วลงลิงก์สำหรับคนชอบอ่านให้ด้วยครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ ติดตามช่องของผมได้ครับ : ลูฟี่หมวกฟาง” ชัชรินทร์รีบอธิบาย เพราะเกรงว่าเจ้าของนิยายจะคิดไปในทางไม่ดี ว่าเขาจริงใจและอยากนำมาอ่านเป็นนิยายเสียงจริง ๆ

               “ค่ะ… จะดีเหรอคะ ลายมือของเมอร์งั้น ๆ ไม่ต้องขอซื้อหรอกค่ะ เมอร์ให้อ่านฟรีเลย : เมอร์ริเดียน” สุดท้ายเธอก็ยอมให้ไป

                “ว้าว… ขอบคุณมาก ๆ ครับ ผมจะใส่ชื่อคุณเมอร์ ขอเรียกสั้น ๆ ว่าคุณเมอร์นะครับ ผมจะใส่ชื่อเมอร์ริเดียนลงไปด้วย เอ่อ เรียกผมว่าลูฟี่สั้น ๆ ก็ได้เหมือนกันครับ : ลูฟี่หมวกฟาง” ชัชรินทร์ยิ้มร่าด้วยความดีใจ นอกจากเป็นนักเขียนอาชีพแล้ว เขายังมีงานอดิเรกอีกงานคือยูทูปเปอร์ด้วย

               “ค่ะ ตามนั้น นำไปอ่านได้เลย นิยายเรื่องแรกของเมอร์เลยนะเนี่ย ดีใจจังมีคนสนใจอยากนำไปทำนิยายเสียง : เมอร์ริเดียน” มาลีพิมพ์ตอบความคิดเห็นกับคนในเว็บไซต์นิยาย เต็มใจที่จะมอบนิยายเรื่องนี้ให้คนแปลกหน้าไปอ่านได้ฟรี ๆ มั่นใจว่าจะไม่มีคนรู้ ว่าแท้จริงแล้วใครเป็นคนเขียน แม้แต่คนในสำนักพิมพ์นี้

                นิยายเรื่องนี้มาลีไม่คิดจะนำส่งสำนักพิมพ์อยู่แล้ว หรือแม้แต่จะส่งขายออนไลน์ เธอเขียนขึ้นมาเพื่อสนองหัวใจเท่านั้น รู้ดีว่าความจริงมันเป็นไปไม่ได้ เธอก็จงใจนำปกรณัมมาอยู่ในโลกของตัวอักษรเสียก็สิ้นเรื่อง หากความจริงปกรณัมจะแอบชอบไม้ป่าเดียวกัน เหมือนที่เขาลือกันก็ตาม ทว่าเมื่อเข้ามาอยู่ในโลกของนิยาย ปกรณัมคือ ‘บี๋’ ของเธอ

จบบทที่ 3

https://ppantip.com/topic/41474559…..บทที่ 2
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่