สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
จขกท.กับแฟนอายุเท่าไหร่กันคะ
- เอาจริงๆพ่อแม่คงไม่ได้ยินดีกับการที่ลูกสาวพาผู้ชายมาอยู่ที่บ้านนานๆนะคะ (ยังจับนอนแยกห้องอยู่เลย)
- มันเดือดร้อนไปทั้งบ้านค่ะ แฟนคุณก็ต้องไปอาศัยแต่งตัวห้องคนนั้นคนนี้
- ไปอยู่บ้านคนอื่นซักอาทิตย์ เจ้าของบ้านก็อึดอัดแย่แล้วค่ะ
- บอกจะกลับๆ แล้วก็เลื่อนอยู่นั่น เค้าไล่ตรงๆแล้ว คุณจขกท.ก็ยังดูไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
- "พร้อมรับความทุกข์ไว้เอง" คนที่ทุกข์คือพ่อแม่แฟนค่ะ คุณเอาอะไรมาทุกข์คะ
- เอาจริงๆพ่อแม่คงไม่ได้ยินดีกับการที่ลูกสาวพาผู้ชายมาอยู่ที่บ้านนานๆนะคะ (ยังจับนอนแยกห้องอยู่เลย)
- มันเดือดร้อนไปทั้งบ้านค่ะ แฟนคุณก็ต้องไปอาศัยแต่งตัวห้องคนนั้นคนนี้
- ไปอยู่บ้านคนอื่นซักอาทิตย์ เจ้าของบ้านก็อึดอัดแย่แล้วค่ะ
- บอกจะกลับๆ แล้วก็เลื่อนอยู่นั่น เค้าไล่ตรงๆแล้ว คุณจขกท.ก็ยังดูไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
- "พร้อมรับความทุกข์ไว้เอง" คนที่ทุกข์คือพ่อแม่แฟนค่ะ คุณเอาอะไรมาทุกข์คะ
ความคิดเห็นที่ 23
เรื่องธรรมชาติ(อย่างการมีอะไรกันระหว่างชายหญิง) กับมารยาทสังคม บางทีมันไม่ไปด้วยกันค่ะ
ถ้าต้องการทำให้พ่อแม่แฟนประทับใจก็ถือว่าคุณสอบตก ไม่รู้ว่าคุณทราบหรือไม่ว่าในทุกๆ วันที่คุณพักอยู่บ้านเขา พ่อแม่แฟนเขาประเมินคุณในทุกๆ พฤติกรรมเลย
1. เรื่องการบอกว่าจะกลับ 17 แต่อยู่ดีๆ ไม่กลับ ไม่ว่าจะเพราะแฟนรั้งไว้หรืออะไรพ่อแม่เค้าไม่ได้มองตรงนั้นค่ะ เค้ามองที่การกระทำคุณเป็นหลักว่า พูดอะไรไว้ไม่ทำแบบนั้น ผิดคำพูด แม้จะไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแต่มันก็สะท้อนให้เห็นนิสัยบางอย่างได้ว่าเป็นคนไม่มั่นคง คำพูดไม่เป็นคำพูด ไม่มีแผนการอะไรแน่นอน ลอยไปวันๆ
2. ในสังคมต่างจังหวัดที่มีความอนุรักษ์นิยมสูง การไปมีอะไรกับลูกสาวเขาในบ้านของเขาก่อนแต่งงานเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง ไม่ว่าแฟนคุณจะ want แค่ไหนก็ตาม เพราะเค้าจับจ้องที่พฤติกรรมของคุณที่ไม่ชิงสุกก่อนห่าม(อย่างน้อยก็ในพื้นที่ของเขา) ให้เกียรติผู้หญิงโดยเฉพาะในสถานที่ของผู้ใหญ่ การดื้อดึงทำอะไรที่เค้าไม่เห็นด้วย ทำให้เค้ามองว่าคุณไม่มีความเกรงอกเกรงใจ ขนาดจับแยกห้องแล้วยังทำ ก็แปลได้ตรงๆ ว่า "ไม่เห็นหัว"
ไม่รู้พูดไปคุณจะแคร์แค่ไหน แต่ถ้าคุณยังอยากไปต่อกับครอบครัวนี้ ก็ต้องปรับปรุงพฤติกรรมตัวเองแหละค่ะ
ถ้าต้องการทำให้พ่อแม่แฟนประทับใจก็ถือว่าคุณสอบตก ไม่รู้ว่าคุณทราบหรือไม่ว่าในทุกๆ วันที่คุณพักอยู่บ้านเขา พ่อแม่แฟนเขาประเมินคุณในทุกๆ พฤติกรรมเลย
1. เรื่องการบอกว่าจะกลับ 17 แต่อยู่ดีๆ ไม่กลับ ไม่ว่าจะเพราะแฟนรั้งไว้หรืออะไรพ่อแม่เค้าไม่ได้มองตรงนั้นค่ะ เค้ามองที่การกระทำคุณเป็นหลักว่า พูดอะไรไว้ไม่ทำแบบนั้น ผิดคำพูด แม้จะไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายแต่มันก็สะท้อนให้เห็นนิสัยบางอย่างได้ว่าเป็นคนไม่มั่นคง คำพูดไม่เป็นคำพูด ไม่มีแผนการอะไรแน่นอน ลอยไปวันๆ
2. ในสังคมต่างจังหวัดที่มีความอนุรักษ์นิยมสูง การไปมีอะไรกับลูกสาวเขาในบ้านของเขาก่อนแต่งงานเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง ไม่ว่าแฟนคุณจะ want แค่ไหนก็ตาม เพราะเค้าจับจ้องที่พฤติกรรมของคุณที่ไม่ชิงสุกก่อนห่าม(อย่างน้อยก็ในพื้นที่ของเขา) ให้เกียรติผู้หญิงโดยเฉพาะในสถานที่ของผู้ใหญ่ การดื้อดึงทำอะไรที่เค้าไม่เห็นด้วย ทำให้เค้ามองว่าคุณไม่มีความเกรงอกเกรงใจ ขนาดจับแยกห้องแล้วยังทำ ก็แปลได้ตรงๆ ว่า "ไม่เห็นหัว"
ไม่รู้พูดไปคุณจะแคร์แค่ไหน แต่ถ้าคุณยังอยากไปต่อกับครอบครัวนี้ ก็ต้องปรับปรุงพฤติกรรมตัวเองแหละค่ะ
ความคิดเห็นที่ 34
สุดจัดมากครับ ผมคงตกยุคไปแล้วจริงๆ กับความคิดแบบนี้
ไปเที่ยวบ้านแฟนหลายวัน ดันไปมีอะไรกันในช่วงนั้นอีกหลายครั้ง โอ้โห พ่อแม่แฟนเขาคงอยากจะศึกษาดูว่าแฟนลูกเป็นยังไง แล้วก็คงจะได้รู้เช่นเห็นชาติกันเลยทีเดียว
พิมพ์ไม่ถูกจริงๆ ผมเองก็มีลูกสาวด้วย คิดไปแล้วก็น้ำตาแอบซึม คงต้องเลี้ยงดูแลเขาให้อบอุ่นให้ดีและเข้มแข็งพอที่จะไม่ไปชวนใครที่ไหนมานอนค้างคืนที่บ้านอย่างไร้มารยาทขนาดนั้นนะ
ไปเที่ยวบ้านแฟนหลายวัน ดันไปมีอะไรกันในช่วงนั้นอีกหลายครั้ง โอ้โห พ่อแม่แฟนเขาคงอยากจะศึกษาดูว่าแฟนลูกเป็นยังไง แล้วก็คงจะได้รู้เช่นเห็นชาติกันเลยทีเดียว
พิมพ์ไม่ถูกจริงๆ ผมเองก็มีลูกสาวด้วย คิดไปแล้วก็น้ำตาแอบซึม คงต้องเลี้ยงดูแลเขาให้อบอุ่นให้ดีและเข้มแข็งพอที่จะไม่ไปชวนใครที่ไหนมานอนค้างคืนที่บ้านอย่างไร้มารยาทขนาดนั้นนะ
แสดงความคิดเห็น
เรามาเที่ยวอาศัยอยู่บ้านต่างจังหวัดแฟนได้เกือบ 2 อาทิตย์แล้ว แต่เกิดความอึดอัดแปลกๆในครอบครัวนี้ขึ้น
ในช่วงของเวลาหลายวันนี้ ผมแอบทำให้ทั้ง พ่อและแม่ เขาไม่สบายใจเยอะถึงเยอะหน่อยๆ เพราะ ผมจะชอบนอนในห้อง ซึ่งห้องมันเป็นห้องลูกสาวเขาหรือแฟนผมนั่นเอง แต่เขาให้ลูกเขาไปนอนรวมกันกับเขา ส่วนผมก็เป็นห้องส่วนตัวไป ทีนี้เนี่ยเรื่องของเรื่องก็คือว่า เวลาผมนอน แฟนผมตื่นเช้ามาก็ต้องอาบน้ำแต่งตัวในห้องนี้แหละ ซึ่งผมก็จะต้องตื่นเพื่อไปอาบน้ำเช่นกันแล้ว รออยู่หน้าห้อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมก็ไม่เคยออกนอกห้องแม้แต่ครั้งเดียวเลย แฟนผมก็ไม่ได้คิดมาก และคิดว่าเป็นปกติ เพราะนางก็ใส่ ผ้านุ่งห่มตัว เวลาแต่งตัวก็นั่นแหละฮะทุกคน ตามๆที่รู้กันนะ R 18+ แหละ 55 ทีนี้พักหลังๆมานางโดนพ่อโดนแม่ทักว่าให้ไปแต่งตัวห้องพี่สาว หรือ ไปแต่งตัวห้องพ่อแม่ เพราะรบกวนผมนอน ( แต่ในทางกลับกันผมรู้ดีว่า พ่อแม่ เขาคิดอะไรอยู่ ) ซึ่งอันนี้ผมก็ต้องยอมรับตรงๆว่ามาเที่ยวมาอาศัยบ้านแฟน เรื่อง อย่างว่า ในจังหวะ โดนๆมันก็ต้องมีกันบ้างอยู่แล้ว ใครมันจะตายด้าน ผู้ดีขนาดนั้น เพราะทางผมก็ไม่ใช่คนเสนออยู่เสมอไปหรอก บางครั้ง แฟนผมก็มาถามว่า ( Y กันไหมเค้า หงี่ ) อะไรเชิงนี้ ใน13-14 วันนี้ก็มีกันไปประมาณ 5-6 ครั้ง ถือว่าอิ่มตัว (ผมป้องกันนะครับ) ดี แต่ทีนี้เนี่ย ผมอยู่นานเข้าๆ พ่อแม่เขาก็ดูปกติดีแถมพาเที่ยวพาชมพากิน เพราะช่วงหลังๆที่นางโดนพ่อแม่บ่น ก็แยกตัวไปแต่งตัวห้องพี่สาว ส่วนผมก็แต่งตัวห้องนั้น เสร็จก็ออกมานั่งนอกตลอด เรื่องของเรื่องก็คือว่า ผมเนี่ยเริ่มที่จะอยู่นาน ซึ่งเขาถามว่า เชิงเกรงใจว่า ( สมมุติชื่อผมว่า A ละกันนะครับ ) " เอจะกลับตอนไหนวันไหนน่า " ผมก็บอก 14 เสร็จแล้ว ผมก็บอก 15 เขาก็พาไปเที่ยววันที่ 15-16 เพราะเขาบอกพาเที่ยวก่อน จนวันนี้ 17 คือวันที่ผมต้องกลับบ้านแล้ว แต่แฟนผมเขาก็ดันฉุดผมไว้เช่นเคย เลยทำให้ผมเลือกวันที่แม่นยำและคิดว่า เกรงใจเขาสุดๆแล้วจริงๆ ต้องกลับให้ได้แน่ๆคือพรุ่งนี้วันที่ 18 อะนะ ซึ่งเมื่อกี้ 30 นาทีกว่าที่แล้ว แม่แกก็ถามว่า " เอ้อ...เอแล้วสรุป กลับยังไงรถไหน " ( แต่จริงๆผมรู้ว่าที่แกจะพูดมันคือ จะกลับตอนไหน วันนี้ใช่ไหม ) แต่เขาก็คำถามแบบเกรงใจเนอะ รักษาน้ำใจอ่ะ ซึ่งผมก็แน่นอนอยู่แล้วว่า ตอบไปตรงๆคือ กลับพรุ่งนี้อีกแล้วครับแม่ ( ผมหัวเราะแห้งหน่อยๆ ) ทีนี้คำถามที่ผมสนใจและอยากได้รับมันตรงๆก็เกิดขึ้นคือ " เอ้อ เอจะกลับวันนี้ใช่มั้ย " ทั้งๆที่ผมพูดไปแล้วว่าพรุ่งนี้ แต่ผมก็เงียบฟังแกพูดต่อว่า " หรือถ้ากลับพรุ่งนี้ ต้องกลับแล้วนะ เพราะแม่รำคาญคนทีนี่เค้าตั้งคำถามกับแม่เยอะแม่ไม่อยากนั่งตอบคำถามแล้วแม่เหนื่อย " ผมก็อ๋อเข้าใจครับๆ พรุ่งนี้กลับแล้วครับแม่ เสร็จแล้วผมก็เดินออกมา พร้อมข้าว ก็มาเจอพ่อแก ผมเลยถาม " พ่อกินข้าวยังครับ " น้ำเสียงก็ใช่ว่าเบา ผมรู้สึกว่าแกได้ยินแน่ๆ แต่อาการที่ผมเห็นคือ แกทำหน้าตึงๆเครียดๆเอือมๆหน่ายๆ ประมาณว่า " บอกจะกลับวันนี้แต่ไม่กลับสักที เริ่มจะเยอะเกินไปแล้วนะ " นี่คือคำพูดที่ผมสัมผัสได้จากการนิ่งเงียบของพ่อแก ผมนั่งเฉยๆ แกก็เหมือนจะ เมินคำถามแล้วเดินไปคุยอะไรที่แม่ก็ไม่รู้ แต่ผมจับใจความได้ว่า เกี่ยวกับเรื่องของผมแน่นอน ว่าจะกลับตอนไหน อะไรยังไง น่าจะรำคาญที่ชาวบ้านแถวนั้นถามเยอะแยะไปแล้วหล่ะ อันนี้ผมก็ต้องขอโทษที่เห็นแก่ตัวด้วย แต่โดนความที่เขาชวนเที่ยวเนอะ ซึ่งผมก็เอ้อ เขาไม่น่าจะเป็นอะไรกัน ก็กลับวันนี้ " 17 " แต่สุดท้ายแล้วผมก็เปลี่ยนเป็นกลับพรุ่งนี้ และเป็นการกลับที่ผมจะกลับจริงๆ ซึ่งก่อนกลับแน่นอนว่าผมก็ต้องดูท่าทีเขาก่อนว่าดูโล่งอก ดูสบายใจกันขึ้นกว่าเดิมไหม หรือ ยังไง ถ้าสบายใจขึ้น หรือ โล่งอก ผมก็ไม่เป็นไรพร้อมรับความทุกข์ไว้เอง ให้เขาสบายใจกันก็พอ แต่ถ้าเขายังรู้สึกตึงๆเครียดๆกัน จนกว่าจะหายตอนไหนก็ไม่รู้ ผมก็คงจะโทษตัวเองเยอะแยะเลยแหละ เรื่องที่ผม เยอะไป มากไป ไม่พอดิบพอดี!