กองทัพสหรัฐฯ เปิดตัวโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งใหม่ซึ่งตั้งอยู่บนทะเลสาบ Big Muddy ที่ Fort Bragg ใน North Carolina เป็นแผงโซลาร์เซลล์แบบลอยตัวแห่งแรกที่กระทรวงกลาโหมนำไปใช้ และเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุน “floatovoltaics” ที่เพิ่มมากขึ้นในสหรัฐอเมริกา
กองทัพกล่าวว่าเป้าหมายของกองทัพคือการเพิ่มพลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และให้แหล่งพลังงานสำรองแก่สถานฝึกอบรมที่อยู่ใกล้เคียงในช่วงที่ไฟฟ้าดับ แผงดังกล่าวจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 1 เมกะวัตต์ ซึ่งโดยทั่วไปจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ190 บ้านเรือน

ข้อสังเกตและข้อได้เปรียบ
ค่าใช้จ่ายล่วงหน้าสำหรับพลังงานแสงอาทิตย์แบบลอยตัวมักจะมีราคาแพงกว่าค่าใช้จ่ายทางบกเล็กน้อย แผงดังกล่าวจะนั่งบนแพที่ผูกติดอยู่กับพื้นน้ำ การนั่งบนน้ำมีผลเย็นซึ่งช่วยให้แผงผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าแผงบนบก นั่นทำให้โซลาร์ลอยตัวมีประสิทธิภาพมากขึ้นและชดเชยค่าติดตั้งที่สูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
(ผลการระบายความร้อนของ PV แบบลอยตัวในโซนสภาพอากาศที่แตกต่างกันสองโซน
https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0038092X20311853 )

โซลาร์ฟาร์มอาจใช้พื้นที่มากกว่าโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลถึง 20 เท่าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในสหรัฐอเมริกาได้ประสบกับความขัดแย้งกับเกษตรกร บางราย ที่ต้องการใช้ที่ดินเดียวกัน ตัวอย่างเช่น และกับนักอนุรักษ์ บางคน กังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อระบบนิเวศในทะเลทราย

ประโยชน์เพิ่มเติมคือแผงลดการระเหย ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญอย่างยิ่งในพื้นที่แห้งที่ระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว ภัยแล้งในแคลิฟอร์เนียยังดำเนินโครงการนำร่อง เพื่อจัดแนวคลองชลประทานด้วยแผงโซลาร์เซลล์

ความเห็นส่วนตัวเพิ่มเติม ทางการทหารคืออาจสามารถซ่อนสิ่งต่างอยู่ด้านล่างฟาร์มโซล่าเซลล์เพื่อป้องกันศัตรูใช้ดาวเทียมตรวจสอบจากภาพถ่ายได้

https://www.theverge.com/2022/6/14/23167441/us-army-floating-solar-power-plant-floatovoltaics