ความรู้สึกหลังจากเล่นเกม The Quarry

หลังจากได้เล่นเกม The Quarry จบ ซึ่งผมเล่นจบไปเพียงแค่แบบจบเดียวโดยพยายามรักษาชีวิตตัวละครหลักและตัวละครรอง(เฉพาะคนที่ค่อนข้างเป็นมิตร) อยากจะมาบ่งบอกความประทับใจหลังจากได้เล่น

1. การดำเนินเนื้อเรื่องในแง่ของความสัมพันธ์ของกลุ่มวัยรุ่นที่ซับซ้อน มิตรภาพและความซื่อบื้อที่ทำออกมาได้อย่างลงตัว สมกับเป็นเกมแนวเนื้อเรื่องที่ถ่ายทอดอารมณ์ให้กับผู้เล่นได้อย่างดี

2. สิ่งที่ไม่น่าจะเข้ากันได้กลับสามารถเข้ากันได้อย่างเหลือเชื่อเลยคือการใส่ดนตรีหรือเพลงประกอบในตอนเล่น แม้ว่าอาจจะไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่เท่าไหร่แต่นั่นมันในภาพยนตร์ เรายังไม่เคยเห็นเกมสยองขวัญเกมไหนเลยที่เอาเพลงประกอบที่ฟังแล้วออกจะขัดกับธีมสยองขวัญแต่เฮ้ย มันผสมผสานกันได้อย่างเหลือเชื่อจนบรรยายไม่ถูกเลย

3. ธีมเกมที่ออกแบบมาให้อารมณ์เหมือนหนังสยองขวัญยุค 80 แม้ว่าเหตุการณ์จะเปิดขึ้นในช่วงปัจจุบัน แต่เราแทบไม่ได้ใช้เครื่องมือไฮเทคอะไรเลยซึ่งตรงนี้แหละทำให้ผู้เล่นซึมซับบรรยากาศได้อย่างเต็ม ๆ

4. การออกแบบสัตว์ประหลาดดูเรียบง่ายแต่น่ากลัว ลิ้นยาว ผิวกายสีดำ ไร้เส้นผมและขน ดูเรียบง่ายเพียงแค่ไปเน้นในส่วนบริเวณปาก ทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นการออกแบบผสมผสานระหว่างอมนุษย์และซอมบี้ได้อย่างลงตัว(ทั้งที่ควรเป็นสัตว์ แต่แทบไม่เหมือนสัตว์) จึงทำให้ความน่ากลัวของอสูรนี้ดูเป็นสิ่งที่เราไม่คุ้นเคย

5. เกมเล่นแง่ของการติดเชื้อซึ่งผมชอบเกมแนวนี้มาก(ถ้ามีทางแก้ให้หายเป็นปกติด้วยจะยิ่งชอบเพราะมีความหวัง)ส่วนนี้เองมีผลต่อความรู้สึกผู้เล่นเป็นอย่างมาก แม้ตัวละครในเกมจะไม่ค่อยเกิดการหวาดระแวงกันเอง แต่กลับคนเล่นไม่ใช่เลย เพราะหลังจากเรารู้ว่าคนนี้ติดเชื้อเราก็คอยลุ้นว่ามันจะกลายร่างตอนไหน กลายร่างแล้วจะทำให้ใครตายไหม ประกอบกับคนที่ติดเชื้อเป็นตัวละครหลักอีกด้วย มันแน่นอนอยู่แล้วที่แม้ว่าตัวละครหลักจะต้องกลายร่างในช่วงเวลาไหนสักช่วงแต่เราก็ยังมีความรู้สึกว่าเราต้องช่วยเขาให้รอดและหวังว่าเขาจะกลับมาเป็นปกติโดยที่ไม่ทำให้คนรอบตัวหรือคู่หูที่อยู่ด้วยกันต้องตาย เอาง่าย ๆ คืออยากให้รอดชีวิตหมดทุกคน

สิ่งที่ไม่ชอบหรือรู้สึกว่าถ้าเพิ่มเข้าไปมันจะทำให้เกมสนุกขึ้นมาก

1. คุณยายนักทำนาย แม้ว่าเกมนี้จะคล้ายกับซีรี่ย์ The Dark Picture หรือ Until Dawn ก็จริง แต่คุณยายเกมนี้ไม่ได้มาช่วยเรานะ แต่เหมือนมาชี้แนะให้เราดำเนินเนื้อเรื่องให้จบในแบบที่คุณยายต้องการซึ่งมันเป็นการจบแบบไม่ดีเอาเสียเลยทำให้ผมไม่ปลื้มคุณยายเอามาก ๆ อีกทั้งทางผู้พัฒนาเกมดูเหมือนจะไม่ค่อยให้ความสำคัญในตรงส่วนนี้เมื่อเทียบกับ Until Dawn ที่เราจะได้พูดคุยกันในช่วงเวลานี้เยอะรวมถึงมีการเล่นมินิเกมแนวจิตวิทยาซึ่งผมรู้สึกว่า Until Dawn ทำออกมาได้ดีกว่ามาก ๆ

2. จากข้อดีในหัวข้อที่ 5 ที่ผมบอกคือตัวละครในเกมดูไม่ค่อยมีอาการหวาดระแวงคนที่ติดเชื้อมันเลยทำให้ความกดดันตรงส่วนนี้หายไปเกือบหมดและแน่นอนเมื่อไม่มีตรงนี้จึงทำให้ความกดดันกับตัวผู้เล่นเกมเองน้อยลงด้วยเช่นกัน

3. ภาพกราฟฟิกที่ทำไมผมรู้สึกว่ามันไม่มีการพัฒนาเลย ทั้งสีหน้าตัวละครที่ดูจะแสดงอารมณ์ไม่สุด และอนิเมชั่นเอฟเฟคบางอย่างก็ยังไม่ดีพอ เช่น การกระเด็นของนํ้าที่สาดกันตอนลงไปว่ายนํ้า

4. อันนี้เป็นความชอบตัวละครส่วนตัวล้วน ๆ เลยคือ Dylan เหมือนเกมบังคับให้ Dylan ต้องเสียมือตัวเองไป 1 ข้างอันเป็นผลมาจากการตัดสินใจต้นเรื่องที่ดูไม่ผมเหตุสมผลเลยกับเหตุการณ์ที่จะตามมาในภายหลัง แม้ว่ามันจะไม่ส่งผลกระทบกับตัวละครหรือฉากจบก็จริง แต่กับผู้เล่นคือมันทำร้ายจิตใจอยู่เหมือนกัน รู้สึกไม่โอเคอย่างแรง คือผมอยากให้มันมีอวัยวะครบ 32 และคู่รักที่กำลังเลิกลา Jacob กับ Emma ในช่วงท้าย ๆ ของเรื่องผมว่าน่าจะมีการทำให้เกิดเรื่องราวที่ทั้งคู่ตกอยู่ในอันตรายแล้ว Jacob ก็ได้โชว์ตัวเองช่วยชีวิต Emma ทำให้ความรักของทั้งคู่ดูจะเป็นไปได้ตบท้ายด้วยฉากเลิฟซีนพร้อมกับเพลงไพเราะที่ดูจะไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศสยองขวัญอย่างเพลง Everything | SIØBHAN / Siobhan อย่างงาม ๆ (แอบเชียร์)

5. เนื้อเรื่องเกมค่อนข้างสั้นและไม่ละเอียดเท่าที่ควร บอสตัวสุดท้ายไม่เหมาะสมกับการเป็นบอส หาตัวเจอได้ยากอันนี้ผมให้ผ่าน แต่อ่อนแอซะงั้น โดนโค่นง่ายมากเลย ยังไม่ทันได้สู้ได้โชว์พลังให้สมกับเป็นลาสบอสของเกมนี้เลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่