Kim Hak-bum (คิม ฮักบอม) อดีตหัวหน้าโค้ชชาวเกาหลีใต้ U23 สร้างประวัติศาสตร์นําเกาหลีใต้ชุด U23 คว้าแชมป์ U23 AFC Championship 2020 และเหรียญทองในเอเชียนเกมส์ 2018 คนนี้น่าจะเป็นเพื่อนเดอะตุ๊ก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เห็นชอบบอกบ่อยๆว่ามีเพื่อนเป็นโค้ชทีมระดับทีมชาติ ได้แชมป์เอเชียนเกมส์ ถ้าทีมชาติ ทีมไทยลีก สนใจให้ติดต่อมาได้เลย และคนนี้แหละที่มีข่าวลือจากเวียดนามว่าอาจจะมาเสียบแทน"ปาร์คฮังซอ"
สำนักข่าวนิวส์ 1 ของเกาหลีใต้ระบุว่า ชื่อของ "คิม ฮัก บอม" ที่มีฉายา "เฟอร์กี้แห่งเกาหลี" ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับการเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ของทีมช้างศึกหลังจากการปลด"อากิระ นิชิโนะ" โดยสำนักข่าวนิวส์ 1 ของเกาหลีใต้ยังรายงานแบบเดียวกับสื่อเวียดนามด้วยว่า คิม ฮัก บอม ได้ยื่นหนังสือถึงสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยแล้ว ซึ่งดีลนี้จะสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลชาวไทยได้อย่างแน่นอน
แต่สุดท้ายอย่างที่ทราบ มาดามเลือกมาโน่ โพลกิ้ง เป็นกุนซือใหญ่ทีมชาติไทย
กุนซือรายนี้ มีเกียรติประวัติไม่ธรรมดา เคยพาซองนัม เอฟซี คว้าแชมป์เคลีก เกาหลีใต้มาแล้วในปี 2006 ซึ่งก่อนหน้านั้น เจ้าตัวก็อยู่ในทีมงานสตาฟฟ์โค้ช พาทีมซองนัมได้แชมป์เคลีก 3 สมัยติดต่อกัน ช่วงระหว่างปี 2001-2003 ก่อนจะพาซองนัมได้แชมป์เอฟเอคัพ อีกในปี 2014
จากนั้นในปี 2018 พาทีมพลังโสมชุดU-23 ปี ที่นำทัพโดย ซอน เฮือง มิน กองหน้าสเปอร์ส คว้าเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ 2018 และยังนำทีมเกาหลีใต้ชุด U-23 ปี ได้แชมป์เอเชียในปี 2020 อีกด้วย แต่หลังจากพาทีมตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลชายโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่เพิ่งจบลงไป ด้วยการแพ้ เม็กซิโก 3-6 สถานการณ์ในเวลานี้ก็เปลี่ยนไป
และสื่อแดนโสมดังกล่าวระบุว่า คิม รู้สึกว่า การทำทีม 23 ปีของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นช่วงยุคทองฟุตบอลเยาวชนของเกาหลีใต้ มาถึงลิมิตแล้ว และต้องการหาความท้าทายใหม่ ๆ โดยหลังจากเดินทางมาที่ประเทศไทยเมื่อปีก่อนในเกม 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย โค้ชคิมบอกว่า ได้เห็นนักเตะที่มีศักยภาพมากมาย แสดงให้เห็นว่า"คิม ฮัก บอม"มีความสนใจประเทศไทยจริงๆ ถึงได้เลือกเจาะจงไทยเป็นประเทศแรกๆ
หลังจากที่โค้ช "Kim Hak bum"ไขก๊อกลาออกจากการทำฟุตบอลเยาวชนมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่เปลี่ยนทีมงานใหม่ชุดใหม่ วงการฟุตบอลเยาวชนเกาหลีใต้เริ่มตกต่ำ เกาหลีใต้พัฒนารูปร่างนักเตะ แต่ไม่พัฒนาระบบวิธีการเล่น ซึ่งระบบวิธีการเล่นสำคัญมากๆสำหรับฟุตบอลยุคใหม่ ดูตัวอย่างญี่ปุ่น ชุดเยาวชนตัวค่อนข้างเล็กบางคล้ายๆไทย แต่นักเตะญี่ปุ่นมีเบสิคฟุตบอลที่ดี มีความรวดเร็ว ประกอบทั้งระบบวิธีการเล่นเป็นฟุตบอลสมัยใหม่ จากฟุตบอลที่น่าเบื่อเน้นผลในยุคโค้ชโมริยาสุ เฮดโค้ชใหญ่ที่วางแผนงานทุกชุดของญี่ปุ่น พอเปลี่ยนทีมงานชุดเยาวชนใหม่โดยการนำของโค้ช"โกโออิวะ" (แชมป์ACL2018) กลายเป็นว่า ฟุตบอลเล่นสนุกขึ้นเป็นอย่างมาก ทำให้ฟุตบอลเยาวชนของญี่ปุ่นช่วงนี้ดูดีผิดหูผิดตากว่าช่วงก่อนหน้านี้ ล่าสุดทั้งชุด U-23 และ U-16 ญีุ่่ปุ่นสามารถชนะเกาหลีใต้ ด้วยสกอร์ 3-0 ได้ทั้ง 2 รุ่น
ถ้าโค้ช "Kim Hak bum" เฟอร์กี้ แห่งแดนโสมขาว ยังทำทีมเยาวชนอยู่ เชื่อว่าผลงานชุดเยาวชนเกาหลีใต้คงไม่ตกต่ำขนาดนี้
โค้ช"คิม ฮัก บอม" วินัยเข้มข้นมาก ถ้าคิดว่าปาร์คฮังซอ วินัยเฮียบแล้ว แต่สำหรับ"คิม ฮัก บอม"ต้อง x3 เข้าไป แต่โค้ชคิมเป็นโค้ชแนวสายวิชาการ เน้นแทคติก รูปแบบระบบทีมเป็นหลัก(คล้ายๆโค้ชอิชิอิ) ไม่ใช่โค้ชสายลุย สายบ้าพลัง ที่จะต้องมาขุนนักเตะให้บ้าพลังเหมือนโค้ชปาร์ค ดังนั้น เรื่องการทำโทษนักเตะถึงเนื้อถึงตัว ไม่มีให้เห็นอย่างแน่นอน
ถ้าทีมชาติไทยอยากก้าวไปสู่ระดับเอเชียต้องมีการยกเครื่องเปลี่ยนแปลง ณ เวลานี้ยังทัน มีเวลาให้สร้างทีมอีก1ปี ก่อนถึงรายการใหญ่อย่างเอเชียนคัพ 2023 รอบสุดท้าย ควรจ้างโค้ชที่มีประสบการณ์ลูงและประสบความสำเร็จในระดับเอเชีย โค้ชที่ทุ่มเททำงาน ไม่ใช่จ้างโค้ชตกยุค บินกลับบ้านเกิดบ่อยๆ
อยากจะก้าวไปสู้ระดับเอเชีย หรืออยู่แค่ในระดับอาเซียน ลองถามใจกันดู
เปลี่ยนโค้ชใหม่ยังทัน! สนใจหรือไม่ "Kim Hak bum" เฟอร์กี้ แห่งแดนโสมขาว ดีกรีเหรียญทองในเอเชียนเกมส์ และแชมป์เคลีก 3สมัย
สำนักข่าวนิวส์ 1 ของเกาหลีใต้ระบุว่า ชื่อของ "คิม ฮัก บอม" ที่มีฉายา "เฟอร์กี้แห่งเกาหลี" ได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับการเป็นเฮดโค้ชคนใหม่ของทีมช้างศึกหลังจากการปลด"อากิระ นิชิโนะ" โดยสำนักข่าวนิวส์ 1 ของเกาหลีใต้ยังรายงานแบบเดียวกับสื่อเวียดนามด้วยว่า คิม ฮัก บอม ได้ยื่นหนังสือถึงสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยแล้ว ซึ่งดีลนี้จะสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอลชาวไทยได้อย่างแน่นอน
แต่สุดท้ายอย่างที่ทราบ มาดามเลือกมาโน่ โพลกิ้ง เป็นกุนซือใหญ่ทีมชาติไทย
กุนซือรายนี้ มีเกียรติประวัติไม่ธรรมดา เคยพาซองนัม เอฟซี คว้าแชมป์เคลีก เกาหลีใต้มาแล้วในปี 2006 ซึ่งก่อนหน้านั้น เจ้าตัวก็อยู่ในทีมงานสตาฟฟ์โค้ช พาทีมซองนัมได้แชมป์เคลีก 3 สมัยติดต่อกัน ช่วงระหว่างปี 2001-2003 ก่อนจะพาซองนัมได้แชมป์เอฟเอคัพ อีกในปี 2014
จากนั้นในปี 2018 พาทีมพลังโสมชุดU-23 ปี ที่นำทัพโดย ซอน เฮือง มิน กองหน้าสเปอร์ส คว้าเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ 2018 และยังนำทีมเกาหลีใต้ชุด U-23 ปี ได้แชมป์เอเชียในปี 2020 อีกด้วย แต่หลังจากพาทีมตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลชายโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่เพิ่งจบลงไป ด้วยการแพ้ เม็กซิโก 3-6 สถานการณ์ในเวลานี้ก็เปลี่ยนไป
และสื่อแดนโสมดังกล่าวระบุว่า คิม รู้สึกว่า การทำทีม 23 ปีของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นช่วงยุคทองฟุตบอลเยาวชนของเกาหลีใต้ มาถึงลิมิตแล้ว และต้องการหาความท้าทายใหม่ ๆ โดยหลังจากเดินทางมาที่ประเทศไทยเมื่อปีก่อนในเกม 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย รอบสุดท้าย โค้ชคิมบอกว่า ได้เห็นนักเตะที่มีศักยภาพมากมาย แสดงให้เห็นว่า"คิม ฮัก บอม"มีความสนใจประเทศไทยจริงๆ ถึงได้เลือกเจาะจงไทยเป็นประเทศแรกๆ
หลังจากที่โค้ช "Kim Hak bum"ไขก๊อกลาออกจากการทำฟุตบอลเยาวชนมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่เปลี่ยนทีมงานใหม่ชุดใหม่ วงการฟุตบอลเยาวชนเกาหลีใต้เริ่มตกต่ำ เกาหลีใต้พัฒนารูปร่างนักเตะ แต่ไม่พัฒนาระบบวิธีการเล่น ซึ่งระบบวิธีการเล่นสำคัญมากๆสำหรับฟุตบอลยุคใหม่ ดูตัวอย่างญี่ปุ่น ชุดเยาวชนตัวค่อนข้างเล็กบางคล้ายๆไทย แต่นักเตะญี่ปุ่นมีเบสิคฟุตบอลที่ดี มีความรวดเร็ว ประกอบทั้งระบบวิธีการเล่นเป็นฟุตบอลสมัยใหม่ จากฟุตบอลที่น่าเบื่อเน้นผลในยุคโค้ชโมริยาสุ เฮดโค้ชใหญ่ที่วางแผนงานทุกชุดของญี่ปุ่น พอเปลี่ยนทีมงานชุดเยาวชนใหม่โดยการนำของโค้ช"โกโออิวะ" (แชมป์ACL2018) กลายเป็นว่า ฟุตบอลเล่นสนุกขึ้นเป็นอย่างมาก ทำให้ฟุตบอลเยาวชนของญี่ปุ่นช่วงนี้ดูดีผิดหูผิดตากว่าช่วงก่อนหน้านี้ ล่าสุดทั้งชุด U-23 และ U-16 ญีุ่่ปุ่นสามารถชนะเกาหลีใต้ ด้วยสกอร์ 3-0 ได้ทั้ง 2 รุ่น
ถ้าโค้ช "Kim Hak bum" เฟอร์กี้ แห่งแดนโสมขาว ยังทำทีมเยาวชนอยู่ เชื่อว่าผลงานชุดเยาวชนเกาหลีใต้คงไม่ตกต่ำขนาดนี้
โค้ช"คิม ฮัก บอม" วินัยเข้มข้นมาก ถ้าคิดว่าปาร์คฮังซอ วินัยเฮียบแล้ว แต่สำหรับ"คิม ฮัก บอม"ต้อง x3 เข้าไป แต่โค้ชคิมเป็นโค้ชแนวสายวิชาการ เน้นแทคติก รูปแบบระบบทีมเป็นหลัก(คล้ายๆโค้ชอิชิอิ) ไม่ใช่โค้ชสายลุย สายบ้าพลัง ที่จะต้องมาขุนนักเตะให้บ้าพลังเหมือนโค้ชปาร์ค ดังนั้น เรื่องการทำโทษนักเตะถึงเนื้อถึงตัว ไม่มีให้เห็นอย่างแน่นอน
ถ้าทีมชาติไทยอยากก้าวไปสู่ระดับเอเชียต้องมีการยกเครื่องเปลี่ยนแปลง ณ เวลานี้ยังทัน มีเวลาให้สร้างทีมอีก1ปี ก่อนถึงรายการใหญ่อย่างเอเชียนคัพ 2023 รอบสุดท้าย ควรจ้างโค้ชที่มีประสบการณ์ลูงและประสบความสำเร็จในระดับเอเชีย โค้ชที่ทุ่มเททำงาน ไม่ใช่จ้างโค้ชตกยุค บินกลับบ้านเกิดบ่อยๆ
อยากจะก้าวไปสู้ระดับเอเชีย หรืออยู่แค่ในระดับอาเซียน ลองถามใจกันดู