คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 24
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ เราไม่ได้ชี้นำหรือบอกว่าพี่เราผิดแต่อย่างใดนะคะ จริงอยู่ที่มันเป็นเรื่องในครอบครัวและไม่น่าจะนำมาตั้งกระทู้ แต่เราเจอหลายเหตุการณ์จนมันสะสมแล้วต้องการความคิดเห็นบ้างเท่านั้นเองค่ะ หลายท่านๆปัญหาที่มีอาจไม่เท่ากัน เพราะต่างมุมมอง เราเคยทำงานค่ะและเจอคนมาค่อนข้างเยอะ เจอหลากหลายรูปแบบ พี่เราคงคิดว่าถ้าเราได้ทำงานเต็มตัวอาจจะเจอเยอะกว่านี้ ซึ่งมันก็จริงค่ะ ต่อให้ยังไม่ทำงาน ไปเรียนอย่างเดียวยังไงก็เจอค่ะ แต่ทุกสิ่งอย่างก็ขึ้นอยู่กับเราทั้งสิ้น เราเคยคิดมากจนถึงขั้นต้องเข้ารพ.เพราะความเครียดสะสม (ไม่ได้ทำร้ายตัวเองนะคะ แต่เกิดอาการเครียดแล้วหายใจได้ไม่เต็มที่ ทรมานมากค่ะ) จนเรารู้สึกได้ว่า เรื่องไหนที่เราทำแล้วมีความสุขก็ขอให้ได้ทำบ้างเถอะ ชีวิตคนเรามีลมหายใจได้อีกวันก็ถือว่ามีกำไรแล้ว บางคนพึ่งจบหมอมายังไม่ทันได้ใช้วิชาความรู้ ไปเที่ยวกันตกน้ำตายทั้งกลุ่ม คือชีวิตเรามันไม่แน่นอนเลยค่ะ เราอยากให้พี่เราคิดแบบนี้และปล่อยวางได้มากขึ้นบ้างค่ะ อะไรที่เป็นความสุขพี่เราไม่ได้ก้าวก่าย เพราะเค้าก็ไม่ได้ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน ของเราก็ไม่ได้เดือดร้อนเงินทองต้องหยิบยืมมาให้เป็นหนี้สิน
ที่ต้องการหมั้นก่อนในความคิดผู้ใหญ่คือคบหากันมานานพอสมควรแล้ว เรากับแฟนมองว่าต้องการให้เกียรติครอบครัวตามประเพณีการหมั้นหมายแต่ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนตอนก่อนหมั้นเหมือนเดิม คือต่างคนต่างอยู่ ไปมาหาสู่กันง่ายขึ้น และเพื่อแสดงความมั่นใจว่าเค้าจะมาขอตกแต่งในภายหลัง (ตรงนี้ก็เป็นเรื่องของอนาคต ถ้าเค้าเป็นฝ่ายผิดหรืออะไรก็ตาม ก็ต้องว่าไปตามนั้นค่ะ)
บางท่านคอมเมนท์เหมือนเราต้องการให้พี่เป็นฝ่ายผิด แต่เชื่อเถอะค่ะ คนเป็นน้องไม่ได้ต้องการให้ใครมาว่าพี่ตัวเองหรอกนะคะ แต่ที่เราพิมพ์ประมาณนั้นเพื่อที่จะยกตัวอย่างบทสนทนาให้เห็นภาพมาขึ้นว่าประมาณไหน เผื่อบางท่านจะมีคำตอบในการพูดคุยกับพี่ให้เข้าใจและไม่คิดมากได้บ้างค่ะ
ที่ต้องการหมั้นก่อนในความคิดผู้ใหญ่คือคบหากันมานานพอสมควรแล้ว เรากับแฟนมองว่าต้องการให้เกียรติครอบครัวตามประเพณีการหมั้นหมายแต่ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนตอนก่อนหมั้นเหมือนเดิม คือต่างคนต่างอยู่ ไปมาหาสู่กันง่ายขึ้น และเพื่อแสดงความมั่นใจว่าเค้าจะมาขอตกแต่งในภายหลัง (ตรงนี้ก็เป็นเรื่องของอนาคต ถ้าเค้าเป็นฝ่ายผิดหรืออะไรก็ตาม ก็ต้องว่าไปตามนั้นค่ะ)
บางท่านคอมเมนท์เหมือนเราต้องการให้พี่เป็นฝ่ายผิด แต่เชื่อเถอะค่ะ คนเป็นน้องไม่ได้ต้องการให้ใครมาว่าพี่ตัวเองหรอกนะคะ แต่ที่เราพิมพ์ประมาณนั้นเพื่อที่จะยกตัวอย่างบทสนทนาให้เห็นภาพมาขึ้นว่าประมาณไหน เผื่อบางท่านจะมีคำตอบในการพูดคุยกับพี่ให้เข้าใจและไม่คิดมากได้บ้างค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
เข้าใจในทัศนะของพี่สาวคุณค่ะ เขาเป็นห่วงน้องสาว การหมั้นก็คือการผูกมัดไว้อีกชั้นหนึ่ง ต้องสำรวมกายใจ มากกว่าเป็นแฟน แต่ไม่ถึงระดับภรรยา ถ้าวันหนึ่งคุณอยากจะถอดบ่วงก็ได้ แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องใหญ่กว่าเลิกกับแฟน แต่เล็กกว่าการหย่าร้าง ณ วันนี้คุณบอกไม่เห็นเป็นไร แต่วันหน้า ในด้านจิตใจและแรงกระแทกจากคนรอบข้าง แค่ไหนไม่รู้
ส่วนเรื่องส่วนตัวและนิสัย(ที่คุณมอง)ของพี่สาวที่คุณมาตีแผ่ในพันทิป อันนี้โนคอมเมนต์ เพราะเราก็ไม่ได้รู้จัก แต่พี่สาวมาอ่านคงหน้าชา ถ้าเราเป็นพี่สาวคุณ อาจจะต้องกลับมาคิดว่า เสียใจที่ห่วงน้อง เลิกยุ่ง กรรมใครกรรมมัน
ส่วนเรื่องส่วนตัวและนิสัย(ที่คุณมอง)ของพี่สาวที่คุณมาตีแผ่ในพันทิป อันนี้โนคอมเมนต์ เพราะเราก็ไม่ได้รู้จัก แต่พี่สาวมาอ่านคงหน้าชา ถ้าเราเป็นพี่สาวคุณ อาจจะต้องกลับมาคิดว่า เสียใจที่ห่วงน้อง เลิกยุ่ง กรรมใครกรรมมัน
ความคิดเห็นที่ 28
ขอโทษที่ความเห็นเราจะขัดใจใครหลายคนแต่พี่สาวคุณน่ะขี้อิจฉาจริงๆ
เพราะตัวเองไม่ได้มีโอกาสนั้น จะแต่งจะหมั้นก็ต้องเก็บเงินเอง ส่วนคุณน่ะผู้ชายเอาเงินเอาทองมาเกยประตูบ้าน แสดงออกว่ารักจริงหวังแต่ง ส่วนตัวเองส่อแววจะไม่ได้แต่งอยู่ร่อมร่อ
หมั้นคือการผูกมัดน่ะจริง แต่แล้วมันยังไงหรอ ก็ชอบคนนี้อยากแต่งกับคนนี้ มันผิดอะไร เดี๋ยวโตไปเจอคนดีกว่ารวยกว่าก็จะทิ้งคนนี้ไปงี้หรอ ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตเถอะ หมั้นแล้วไม่โอเคก็ถอนหมั้นได้ เหมือนคนเลิกกันนั่นแหล่ะ (เก็บของหมั้นไว้ก่อนนะ เผื่อได้คืนผู้ชาย) คนเราก็แปลกบางคนบ่นหนุ่มสาวสมัยนี้อยู่กินกันก่อนบ้าง ไม่รักษาประเพณีบ้าง พอคนเค้าจะรักษาประเพณีเข้าตามตรอกออกตามประตู ทำให้ผู้ใหญ่สบายใจ ดันบอกว่าไม่ต้อง มันผูกมัด เอองง
เพราะตัวเองไม่ได้มีโอกาสนั้น จะแต่งจะหมั้นก็ต้องเก็บเงินเอง ส่วนคุณน่ะผู้ชายเอาเงินเอาทองมาเกยประตูบ้าน แสดงออกว่ารักจริงหวังแต่ง ส่วนตัวเองส่อแววจะไม่ได้แต่งอยู่ร่อมร่อ
หมั้นคือการผูกมัดน่ะจริง แต่แล้วมันยังไงหรอ ก็ชอบคนนี้อยากแต่งกับคนนี้ มันผิดอะไร เดี๋ยวโตไปเจอคนดีกว่ารวยกว่าก็จะทิ้งคนนี้ไปงี้หรอ ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตเถอะ หมั้นแล้วไม่โอเคก็ถอนหมั้นได้ เหมือนคนเลิกกันนั่นแหล่ะ (เก็บของหมั้นไว้ก่อนนะ เผื่อได้คืนผู้ชาย) คนเราก็แปลกบางคนบ่นหนุ่มสาวสมัยนี้อยู่กินกันก่อนบ้าง ไม่รักษาประเพณีบ้าง พอคนเค้าจะรักษาประเพณีเข้าตามตรอกออกตามประตู ทำให้ผู้ใหญ่สบายใจ ดันบอกว่าไม่ต้อง มันผูกมัด เอองง
ความคิดเห็นที่ 1
ถ้าคุณเป็นน้องเราแล้วมาระบายลงพันทิบถึงเราแบบนี้เราคงเสียใจแย่
เพราะเหมือนคุณไม่พอใจที่พี่สาวเตือน เลยมาหาแนวร่วมตรงนี้
ด้วยการยอแฟนแต่เขียนเหมือนชี้นำว่าพี่อิจฉา รึเปล่า?
คือทั้งคุณและพี่สาวต่างก็คิดคนละแบบ เค้าก็แค่พูดตามทัศนะของเขา
เพราะคุณยังเรียนอยู่ ยังมีชีวิตการทำงานที่จะไปเจอคนอีกเยอะ
ถ้าตอนนี้ยังหาได้ดีขนาดนี้ ตอนทำงานคงได้เริ่ดกว่านี้อีก
และจริง ๆ ถ้าผู้ชายรักจริง ก็ไม่ต้องหมั้นก็ได้ ถ้าชัวร์ว่าเอาคนนี้แน่
วันไหนจะแต่งก็หมั้นเช้าแต่งเย็นไปเลย เดาว่าพี่คุณคงคิดแบบนี้
สิ่งที่เราจะบอกก็คือ ใช่ พี่สาวมีสิทธิห่วง แต่คุณก็ไม่ต้องเชื่อนี่นา
ฟังผ่าน ๆ ได้ไม่ต้องเอามาเป็นอารมณ์หรอก คุณแน่ใจว่ารักคนนี้
ก็หมั้นไปเถอะ คุณแม่ก็โอเคแล้ว เป็นเรา ๆ ไม่สนหรอกว่าพี่จะ
เห็นด้วยหรือไม่ แต่เราจะไม่เคืองพี่นะ เป็นพี่น้องกันต้องคุยกัน
เตือนกันได้สิ แต่การตัดสินใจเป็นของเรา
เพราะเหมือนคุณไม่พอใจที่พี่สาวเตือน เลยมาหาแนวร่วมตรงนี้
ด้วยการยอแฟนแต่เขียนเหมือนชี้นำว่าพี่อิจฉา รึเปล่า?
คือทั้งคุณและพี่สาวต่างก็คิดคนละแบบ เค้าก็แค่พูดตามทัศนะของเขา
เพราะคุณยังเรียนอยู่ ยังมีชีวิตการทำงานที่จะไปเจอคนอีกเยอะ
ถ้าตอนนี้ยังหาได้ดีขนาดนี้ ตอนทำงานคงได้เริ่ดกว่านี้อีก
และจริง ๆ ถ้าผู้ชายรักจริง ก็ไม่ต้องหมั้นก็ได้ ถ้าชัวร์ว่าเอาคนนี้แน่
วันไหนจะแต่งก็หมั้นเช้าแต่งเย็นไปเลย เดาว่าพี่คุณคงคิดแบบนี้
สิ่งที่เราจะบอกก็คือ ใช่ พี่สาวมีสิทธิห่วง แต่คุณก็ไม่ต้องเชื่อนี่นา
ฟังผ่าน ๆ ได้ไม่ต้องเอามาเป็นอารมณ์หรอก คุณแน่ใจว่ารักคนนี้
ก็หมั้นไปเถอะ คุณแม่ก็โอเคแล้ว เป็นเรา ๆ ไม่สนหรอกว่าพี่จะ
เห็นด้วยหรือไม่ แต่เราจะไม่เคืองพี่นะ เป็นพี่น้องกันต้องคุยกัน
เตือนกันได้สิ แต่การตัดสินใจเป็นของเรา
แสดงความคิดเห็น
ทำไมพี่เราคิดว่าหมั้นแล้วเหมือนเป็นการผูกมัด
แฟนได้มาคุยกับคุณแม่เราเรียบร้อยก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แม่ก็คือแล้วแต่แฟนเรา เราคบกันอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอดนะคะ แม่เรียกแค่แหวนกับทอง แฟนจะให้เงินสดด้วยแต่แม่ไม่เอาค่ะ แค่หมั้นเลยรับเป็นของแทน แฟนเราจัดการให้เรียบร้อยพร้อมทั้งออกค่าทุกอย่าง สถานที่ ค่าช่างภาพ แต่งหน้าทำผม ค่าชุด ค่าอาหาร จัดแบบเล็กๆภายในครอบครัวกับเพื่อนสนิทไม่กี่คน บอกก่อนว่า เค้าทำงาน 7 วันไม่มีวันหยุดเลยค่ะ รับงานรัวๆ เงินทุกบาทที่ใช้ในการจัดงานแม้แต่ค่าของหมั้น แฟนเราหามาด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่มีการขอพ่อแม่พี่น้อง หรือกู้ยืมมาเพื่อจัดงาน เราเลยภูมิใจมากแต่ก็พยายามบอกให้เค้าหาวันพักบ้าง เป็นห่วงสุขภาพค่ะ ทุกอย่างปกติดีแต่มีอยู่ด่านเดียวที่ต้องผ่านไปให้ได้คือ..พี่สาวเราค่ะ
ไม่ใช่ว่าพี่สาวเราร้ายหรือแฟนเรามีปัญหากับพี่สาวเรานะคะ ทุกคนเข้ากันได้ดีค่ะ แต่เมื่อแฟนเราได้ไปพูดเรื่องหมั้นกับพี่สาวเรา ว่างานจะจัดวันที่นี้อยากให้พี่เรามานั่งบนเวทีด้วยกัน พี่สาวเราก็ดูตกใจน่ะค่ะ แล้วก็พูดกับแฟนเราว่า จะรีบหมั้นไปทำไม ตัวพี่30กว่าแล้ว ยังไม่ได้หมั้น ไม่ได้แต่งเลย (พี่สาวเรามีแฟนนะคะ แต่ไม่แต่งค่ะ ถ้าจะแต่งพี่สาวเราต้องเก็บค่าสินสอดเอง เลยไม่แต่ง) แฟนเราก็พูดบอกไปว่า ขอหมั้นไว้ก่อน เราเรียนก็ส่วนเรียนไปเพราะเค้าคบกับเรามานานแล้ว เค้าอยากให้เกียรติเราและครอบครัวเรา ประมาณนี้ค่ะ จริงๆก่อนหน้านี้ ช่วงที่เราสอบเข้ามหาลัยแรกๆ พี่เราเค้าก็พูดกับเราว่า ไม่คิดว่าวันข้างหน้าจะเจอคนอื่นอีกเหรอ เผื่อเจอคนรวยนะ วาสนาดี หน้าตาดี เจอรวยๆสบาย พอเราย้อนถามว่าละทำไมพี่ไม่เลือกคนรวยเองล่ะ ไปเลือกทำไมคนที่เกาะกินแบบนั้น เค้าก็บอกว่าเค้าอายุเยอะแล้ว ไม่มีใครเอาเค้าหรอก แล้วก็บอกว่าผู้ชายหายาก จะให้เค้าไปคบกับยามหน้าประตูหรอ ทำนองนี้ค่ะ เราค่อนข้าง'งง' กับชุดความคิดพี่เรานะคะ แต่ใจนึงก็สงสารพี่ตัวเองค่ะ ว่าความคิดเค้ามันทำให้ตัวเค้าเองต้องลำบากอยู่ทุกวันนี้ เราเถียงไปว่า ผู้ชายไม่ได้หายากนะ แต่ผู้ชายที่ดีต่างหากที่หายาก เค้าก็เถียงๆๆไม่ยอมแพ้ เอาหลักประชากรมาอ้างว่าเพศหญิงมากกว่าเพศชาย บลาๆๆ (พี่เราจบป.โทน่ะค่ะ อาจจะเรียนเยอะเกินไป) จนเราขี้เกียจพูด ก็ปล่อยให้เค้าเชื่อแบบนั้นละ กรรมใครกรรมมัน
ตัดมาเรื่องหมั้น งานหมั้นเราก็ยืนยันจะจัดเหมือนเดิมค่ะ เรารู้นิสัยพี่เราว่าเป็นยังไง ไม่แน่ใจว่าเค้ามีปมเรื่องนี้รึเปล่า เพราะเค้าไม่ได้แต่งไม่ได้หมั้น บางวันมานั่งตัดพ้อกับเราว่า แฟนทุกคนดีหมดยกเว้นแฟนเค้า เราก็ไม่พูดอะไรแล้วค่ะ เรื่องหมั้นเค้าก็คงได้แค่บ่น เค้าคิดว่ามันคงเป็นการผูกมัดเรา แต่เราไม่ได้คิดแบบนั้นค่ะ ถ้าทางฝ่ายชายไม่ดี เราก็มีสิทธิ์จะเลิก ขนาดคนแต่งงานกันยังเลิกได้เลยค่ะ แล้วคนที่ไม่ได้แต่งงานกันก็ไม่เห็นเลิกกันก็มี เช่น พี่สาวเรากับแฟนเขา อีกอย่างแฟนเรานี่เป็นธุระให้ทุกอย่าง แม่เราป่วยก็ขับรถพาไปส่งรพ. มาเฝ้า มาเยี่ยม พาเราไปสอบ ขับรถจากที่ทำงาน 50กว่าโลมารพ.เพื่อมาเยี่ยมแม่เรา เรารู้ได้ค่ะว่าเค้าไม่ได้เฟค เพราะคบกัน 6 ปี นิสัยเค้าก็เหมือนเดิมตั้งแต่ครั้งแรกที่คบ ถึงจะหมั้น ก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าหมั้นแล้วจะมาอยู่กินกันเลยนะคะ บ้านเราถือค่ะ แฟนเราก็โอเค แต่งเมื่อไหร่ถึงจะอยู่กินได้ แต่ไปมาหาสู่ได้ปกติ พี่เราก็รับรู้ทุกอย่างค่ะตั้งแต่พาแม่เข้ารพ. พาเราไปสอบ คือเค้ารู้นะคะว่าแฟนเราดีกับเราและครอบครัวมาก แต่เค้าก็ยังคิดว่ามันเร็วไปไหมสำหรับเราและบอกว่ามันผูกมัด เค้าบอกถ้าเราเลิกกับแฟนไประหว่างหมั้นกัน โดนฆ่าทำไง เหมือนในข่าว ไม่เข้าใจจริงๆค่ะ กลัวว่าวันนึงพี่เราอาจเกิดอาการประสาทเพราะคิดเยะเกินไปค่ะ