ก่อนเสียเงินเรียนภาษาอังกฤษให้ปรึกษาคุณ Chris ว่าครู ติวเตอร์ หรือ โรงเรียนสอนภาษาไหนสอนดี555+++

เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วช่วงเวลาที่โควิดเริ่มจะระบาดเราโดน pantip banned ไปรอบที่ 3 หรือ 4 นี่แหละ เราเลยเริ่มเล่น facebook ตอนแรกๆก็ไปเข้า groups หรือ pages  สอนภาษาอังกฤษตั้งหลายแห่ง (เพราะเมื่อก่อนเคยตอบกระทู้ภาษาอังกฤษห้องสมุดบ่อยๆ) แล้วก็ไปเขียน comments แนะนำติชมตลกๆขำๆ ปรากฎว่าครูหรือติวเตอร์ที่เป็นเจ้าของ groups หรือ pages ที่สอนอังกฤษผิดๆ แล้วโดนเราทักท้วง ต่างก็ ban เราไปนับไม่ถ้วน แต่มีรายหนึ่งเล่นหนักมากๆ คือ "ขู่ว่าจะดำเนินคดีกับเราข้อหาหมิ่นประมาท"  เราดูเนื้อหาที่เราทักท้วงแล้ว (จะไม่ลงรายละเอียด) อะไรที่เค้าบอกว่าผิด grammar เราก็ไปหาตัวอย่างประโยคจาก online dictionaries มาให้ดู เพื่อพิสูจน์ว่ามันถูก grammar อะไรที่เค้าบอกว่าถูก grammar เราก็ไปหาข้อความบนเว็บต่างประเทศที่ฝรั่งถกเถียงกันและสรุปว่ามันผิด grammar มาให้เค้าดู ซึ่งถ้าขึ้นศาลกันจริงๆเราน่าจะชนะคดีนะ แต่มันเสียเวลาเรา

เราเลยออกจาก groups และ pages พวกนั้นหมด แล้วใช้เวลาค้นข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ online เพิ่อเรียนรู้อะไรใหม่ๆดีกว่า ตอนนั้นเราอายุ 69 เราอยากลดความอ้วน แต่เราชอบกินเนื้อวัวติดมันกับเนื้อแกะติดมันมากๆ เราเลยจิตผูกติดกับ keywords คือ "ทำไงจะกินเนื้อวัวติดมันกับเนื้อแกะติดมันแล้วผอมเอาผอมเอาได้" อยู่ดีๆพอมือเราแตะ keyboard แล้วฝึกใช้พลังจิตแบบว่า สะกดจิตให้ตัวเองเชื่อว่า "คิดอย่างไรก็ได้อย่างนั้น" เราก็วาดภาพจินตนาการว่า "เรากินเนื้อวัวติดมันหรือเนื้อแกะติดมันทุกวันแล้วผอมเอาผอมเอา" อยู่ดีๆ facebook ของ Dr. Stephen Hussey ก็เด้งขึ้นมา เราเลยไป follow เค้า แล้วซื้อหนังสือที่เค้าเขียนคือ The Health Evolution มาอ่าน 
นี่คือข้อมูลหนังสือเล่มนี้
https://www.amazon.com/Health-Evolution-Why-Understanding-Vibrant/dp/1726747964

เราอ่านหนังสือเล่มนี้ของ Dr. Stephen Hussey แล้วคิดถึง keywords ในหนังสือของเค้า พอมือแตะ keyboard ทีไรก็มีข้อมูลตั้งมากมายจากหมอฝรั่งยุคใหม่อีกหลายคน เกี่ยวกับ keywords ในหนังสือของ Dr. Stephen Hussey และเกี่ยวข้องกับ carnivore diet กับ  ketogenic diet เด้งขึ้นมา ให้เราเรียนรู้ตั้งมากมาย จนในที่สุดเราก็กินเนื้อวัว + เนื้อแกะติดมันเป็นอาหารหลัก แล้วผอมลงเรื่อยๆได้สมดังปรารถนา!  เท่านั้นไม่พอวิถีการกินแบบใหม่ของเรากลายเป็นทำให้โรคคนแก่ทั้งหมดที่เป็นอยู่หายไปเกลี้ยง รายละเอียดอยู่ในกระทู้นี้
https://ppantip.com/topic/41468648

ถ้าใครสนใจอยากเรียนแนวคิดใหม่ๆเรื่องอาหารและโภชนาการ ก็ไป follow Dr. Stephen Hussey ได้ที่ facebook เค้าคืออันนี้
https://web.facebook.com/DrStephenHussey

คราวนี้กลับเข้าเรื่องเรียนภาษาอังกฤษแล้ว555
 
พอเราเปลี่ยนวิถีการกิน ตามแนวคิดหมอฝรั่งยุคใหม่ แล้วหายป่วยจากโรคคนแก่ทั้งหมด เรามีความสุขมากขึ้นทุกัน จิตเราหวนคิดถึงโรงเรียนสอนภาษาที่เจ้าของขู่จะดำเนินคดีกับเรา เราอยากจะขอบคุณเค้าที่เค้าช่วยให้เราหายป่วยแล้วกลายเป็นสุขภาพดีเยี่ยมตั้งแต่อายุ 69 มาจนถึงตอนนี้อายุ 71  แล้วก็สงสัยว่าตอนโควิดระบาดหนักๆธุรกิจเค้าจะเป็นอย่างไรบ้าง?  เลยไปที่อาคารพาณิชย์ที่โรงเรียนเค้าตั้งอยู่ ปรากฎว่า "ปิดตาย น่าจะเจ้งไปแล้วเพราะพิษโควิด!" ตอนนั้นเรามีความคิดหลายอย่างระคนกันปนเปกัน มันมีพลังดึงดูด (ตาม the law of attraction (กฎแรงดึงดูด)) ให้ facebook ของคุณ Chris เด้งขึ้นมา โห กิจกรรมเค้าน่าทึ่งสุดๆอะ! 

C้hris เป็นคนไทยที่ไปอยู่ในออสเตรเลียตั้งแต่เด็กๆ เค้าทำงานเป็นช่าง แต่ทักษะภาษาอังกฤษเค้าเหนือชั้นเกินคำบรรยาย เค้ารู้วิธีใช้คำศัพท์ชั้นสูงปนๆกับ slang terms แล้วเขียนภาษาอังกฤษแบบมุกประหลาดๆตลกเหนือชั้นทาบรัศมีนักเขียนฝรั่งชื่อดังที่เขียน bestsellers ได้!  วันๆ Chris กลายเป็นทำกิจกรรมเดิมที่เราเคยทำ นั่นก็คือเข้าไปเขียน comments ตาม facebook pages/groups ของ Thai English teachers (คนไทยที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ) เยอะมากๆ  Chris ทำลายสถิติเราในการโดน banned ขาดลอย555+++ นั่นก็คือเราโดนคนไทยที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ banned ไปแค่ประมาณ 20 ครั้งเอง แต่ Chris โดน banned ไปแล้วน่าจะเกิน 200 ครั้ง! เค้าสามารถระบุข้อผิดพลาดในบทเรียนภาษาอังกฤษของ ครู หรือ ติวเตอร์ หรือแม้กระทั่งโรงเรียนสอนภาษาดังๆได้  แต่ในขณะเดียวกันเค้าก็ชมเชยครูสอนภาษาอังกฤษที่สอนเก่งนะ โดยการเอาบทเรียนดีๆมาแปะให้ผู้เรียนได้ดูว่า ครูหรือติวเตอร์ที่เก่งๆเค้าสอนภาษาอังกฤษกันอย่างไร 

ต้องนับว่าคุณ Chris ทำคุณประโยชน์ให้แก่วงการศึกษาไทยเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้คนที่จะเลือกครูหรือติวเตอร์ภาษาอังกฤษหรือโรงเรียนสอนภาษา ได้ตาสว่าง ฉุกคิดได้ว่า การดูแต่ระดับการศึกษาตัดสินความเก่งครูหรือติวเตอร์ไม่ได้ เพราะครูหรือติวเตอร์ ที่โดน Chris แฉว่าสอนผิดนั้น หลายๆคนจบ ป.โท จาก ม. ดังๆ บางคนจบจากต่างประเทศ แล้วเอาวุฒิการศึกษามาบังหน้า แต่จริงๆแล้วไม่รู้ภาษาอังกฤษมากพอที่จะสอนใครได้!

ซึ่งตอนนี้ Chris สนุกกับกิจกรรมของเค้ามากๆ เพราะเค้าอยู่ออสเตรเลียนั่นเอง ถ้าเค้าอยู่เมืองไทย แล้วโดนครู ติวเตอร์ กับโรงเรียนสอนภาษาตั้งหลายคนระดมกำลังกันฟ้องเค้าข้อหาหมิ่นประมาท Chris อาจไม่สนุกกับมันนักก็ได้ พิมพ์ๆมาถึงตอนนี้ทำให้คิดถึงว่า เวลาจะมีใครแฉว่านักการเมืองไทยคนไหนทุจริต ตัวนักการเมืองเองก็จะรีบฟ้องคนแฉข้อหาหมิ่นประมาททันทีเพื่อปิดปาก  ทำให้คนแฉถ้าไม่ร่ำรวยหรือมีอิทธิพลมากพอ ก็คงไม่กล้าแฉเพราะเสี่ยงติดคุก ทำให้คิดว่ากฎหมายหมิ่นประมาทของไทยน่าจะได้รับการแก้ไข ให้เป็นแค่คดีแพ่ง เหมือนในประเทศที่เจริญแล้ว คือไปฟ้องร้องกันว่าที่มาแฉนี้มันเรื่องจริงหรือเท็จ แล้วใครเสียหายเป็นตัวเงินเท่าไหร่ก็ไปว่ากันที่ศาล 

ตกลงใครสนใจอยากรู้ว่าครู ติวเตอร์ หรือโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่ไหนสอนดีหรือมั่ว ก็ให้ไป follow คุณ Chris ได้ที่ facebook เค้า คือ ที่นี่ 
https://web.facebook.com/chris.sakulthongbai
หรือจะเข้าไปทักทายพูดคุยขอความรู้ภาษาอังกฤษจากเค้าก็ได้ ตอนนี้เค้า popular มากๆ มีผู้สนใจเรียนภาษาอังกฤษติดตามเค้าตั้งมากมาย

แต่เรื่องที่น่าเศร้าก็คือว่าคุณ Chris อายุเริ่มมากและป่วยเป็น NCDs (โรคไม่ติดเชื้อแต่เป็นโรคเรื้อรัง) หลายโรค ซึ่งส่วนใหญ่คนแก่เป็นกัน (ซึ่งเราก็เคยเป็นแต่ตอนนี้หายหมดแล้วเพราะโดนขู่จะฟ้องคดีหมิ่นประมาทตามที่เล่าให้ฟัง)  เราเคยเล่าให้ Chris ฟังเรื่องเราเกือบโดนโรงเรียนสอนภาษาฟ้องหมิ่นประมาท เลยเปลี่ยนจากการจับผิดครูหรือติวเตอร์สอนอังกฤษ ไปเป็นค้นข้อมูลเรียนรู้จาก ebooks และ youtube clips ที่หมอฝรั่งยุคใหม่ debunk myths (สลายความเชื่อผิดๆ) เรื่องอาหารและโภชนาการ แล้วเปลี่ยนวิถีการกินแบบหน้ามือเป็นหลังมือ จนทำให้เราหายป่วยจากโรคคนแก่หมดทุกโรค! และชวนคุณ Chris ให้ลดการจับผิด Thai English teachers แล้วหันไปเรียนรู้เรื่องที่เราเรียนรู้ เพื่อดูแลสุขภาพเค้าจะดีกว่า แต่เค้าทำท่าจะโกรธเรานะ เราก็เลยต้องหยุดเตือนเค้า แล้วปล่อยให้เค้าสนุกเพลิดเพลินไปกับการจับผิด Thai English teachers ต่อไป ซึ่งในขณะที่พิมพ์อยู่ ก็รู้สึกเป็นห่วงเค้าอยู่นะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่