สวัสดีค่ะมาเจอกันอีกแล้วในทริปนี้เราไปกันที่!
" กาญจนบุรี๊! "
ตามชื่อเลยเราจะเที่ยวตามฉบับนักศึกษาจบใหม่งบน้อยแต่ก็ไม่น้อยขนาดนั้นนะคะอยู่ที่คนละ3,000บาททริปนี้เราไปกับเพื่อนอีก3คน
พึ่งสอบเสร็จกันหมาดๆก็ขอเที่ยวส่งท้ายเรียนจบกันหน่อยเถอะ!
ลืมบอกเราเปิดเพจแล้วนะชื่อว่า ข้าขอสาบานว่าข้านั้นจะเที่ยวตลอดไป หรือ I swear that I will travel forever. ไปติดตามกันได้นะคะ
ในทริปนี้เราไปกัน4คนด้วยรถส่วนตัวเที่ยวกาญจนบุรี3วัน2คืน
เนื่องด้วยวันที่เราไปคือปี2565ปีที่นำ้มันโครตจะแพงเราเลยไปแค่ไทรโยคและเที่ยวให้ประหยัดน้ำมันและเงินที่สุด ตามนี้เลย
- คาเฟ่ Mulberry Mellow
- ไทรโยค มันตรา รีสอร์ท Saiyok Mantra Resort
- ถ้ำกระแซ เส้นทางรถไฟสายมรณะ
- ดิน คาเฟ่ DIN Cafe
- The River Kwai Bridge Resort
- The Village Farm To Café
- Keeree Tara Retreat
- วัดถ้ำเสือ
- ตำลั่นทุ่ง
เริ่มกันเลยดีกว่าเราใช้เวลาประมาน2ชั่วโมงกว่ามาถึงกาญเพราะเรามาจากอยุธยาและก็เปิดประเดิมด้วย Mulberry Mellow cafe เดินทางมาเหนื่อยๆขอแวะพักถ่ายรูปสวยๆกินน้ำเมา เอ้ย! มัลเบอร์รี่กันหน่อย
บรรยากาศภายในก็ประมานนี้นะทุกคนที่จริงเราสั่งน้ำมัลเบอร์รี่ มากินด้วยแต่ว่าลืมถ่ายจะบอกว่าอร่อยนะว่าไม่ได้
เราสั่งน้ำมาคนละแก้วราคาก็อยู่ประมาน70บาทขึ้นไปมีขนมมีเค้กและห้องน้ำที่นี่ดีเลยมีแอร์ด้วย
หลังจากนั่งพักถ่ายรูปเล่นชั่วโมงกว่าก็รีบขึ้นไทรโยคเพราะกะจะไปให้ทันล่องแพที่รีสอร์ทตอน4โมงเราเลยรีบขึ้นไทรโยคเพราะว่ากว่าจะถึงต้องไปอีกชั่วโมงกว่าระหว่างทางก็ชมวิวข้างทางกันไปจนในที่สุดเราก็ถึง
" Saiyok Mantra Resort : ไทรโยค มันตรา รีสอร์ท "
มาถึงก็check-in ที่ Receptionเพื่อเอากุญแจห้องกันก่อนแแล้วก็เดินลงแพไปห้องพักกันเลย!
ขอออภัยที่ภาพไม่ชัด
ที่พักเราหาจากกลุ่มเที่ยวกาญนะทุกคนแล้วเลือกกันกับเพื่อนและสอบถามราคาและโทรไปจองกับรีสอร์ทเลย
เราจอง2ห้องห้องละ2คน
เนื่องจากวันที่เราไปเป็นวันธรรมดา ค่าที่พักจะอยู่ที่หัวละ1,000 บาท
1,000นี้จะมีห้องพัก แพลอยคอ อาหารเย็น อาหารเช้า คุ้มมากๆ
ตอนเอากุญแกห้องจะเสียค่ามัดจำกุญแจ200บาทต่อห้องพอcheck outก็รับเงินคืน
ที่สำคัญที่นี่ห้ามเอาก่อเตาทำอาหารและห้ามเอาเครื่องดื่มพวกน้ำอัดลมและเบียร์เข้ามาแต่มีขายนะเอาพวกไวน์หรือเหล้าเข้ามาได้
ในห้องก็จะมีผ้าเช็ดตัว ไดร์เป่าผม สบู่ ยาสระผมให้ปลั๊กไฟก็จะมีแค่สองที่ถ้าใครต้องการชาตกล้องหรือชาตเยอะแนะนำให้เอาปลั๊กไฟมาต่อเพิ่มค่ะ
ห้องไฟส้มนะคะบอกไว้เพื่อสาวๆที่แต่งหน้า
อยากจะบอกว่าห้องไม่เก็บเสียงนะเพื่อนที่อยู่ห้องข้างๆคุยกันเราอาจจะได้ยินได้และที่สำคัญตอนกลางคืนน้องตุ๊กแกร้องดังม๊วกกกก
นี่คือบริเวณหน้าห้องเราเองหน้าห้องจะมีโต๊ะให้นั่งชิวนะคะ
ส่วนการล่องแพในเพจบอก4โมงแต่ว่าพอไปถึงเค้าจะจัดเป็นรอบตามจำนวนคนอย่างวันที่เราไปรอบ4โมงคนเต็มแล้วเราเลยได้ไปรอบ4.30
พอถึงเวลาจะมีพี่พนักงานเดินประกาศบอก
แพเรามาแล้ววววว
เราก็เดินลงไปเลือกชูชีพสีเขียวให้เหมาะกันตัวเราแล้วพี่พนักงานจะเช็คคนจากเลขห้องพักก่อนจะออก
รางานตัวสมาชิกในทริปนี้กันก่อน...จำไว้นะคะคำพูดของเพื่อนเชื่อถือไม่ได้
แพจะขับทวนน้ำขึ้นไปและไปปล่อยเราให้ไหลตามน้ำจนมาถึงหน้าที่พักระหว่างที่ไหลลงมาตามน้ำจะมีพี่ๆพนักงานที่ดูแลใส่ชูชีพสีแดงคอยบอกว่าเราจะต้องไปทางไหนและคอยช่วยเราค่ะ
เอาละค่ะถึงจุดตัวแล้ว!
อย่างที่บอกคำพูดเพื่อนเชื่อถือไม่ได้มา4ลง2และคนที่ลงคือผู้หญิงอย่างเรานั่นเองส่วนเพื่อนผู้ชายนั้นขอนั่งล่องแพชิวๆ
ส่วนใครที่ยังคิดว่าเล่นน้ำไม่พอหน้าที่พักมีสระสำหรับเด็กและมีบริเวณให้เล่นน้ำกันอีกนะคะ
แต่เล่นน้ำเสร็จก็หิวแล้วค่ะเลยนอนรอเวลากินอาหารเย็นกันดีกว่าอารายเย็นจะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์เริ่ม6โมงจัดเป็นรอบๆเพื่อจำกัดจำนวนคน
แต่เรื่องก็ดันมีอยู่ว่าไม่มีพนักงงานบอกเราว่าจัดเป็นรอบและเราอยู่รอบไหนเราก็คิดว่าเริ่ม6โมงเลยออกไปกินช่วง6โมง50พอไปถึงพนักงานก็ถามเลขห้องและบอกว่าของเรารอบ1ทุ่มเราก็งงแต่เพราะว่าคนไม่เกินจำนวนต่อรอบเราเลยได้กินเลย
อาหารอร่อยเลยโต๊ะให้นั่งก็เยอะแต่ว่าถ้าใครอยากจะกินแบบเป็นส่วนตัวเค้าก็มีบริการสั่งไปส่งถึงห้องได้แต่ไม่ใช่บุฟเฟ่ต์นะคะต้องเสียเงินจ่ายเอง
กินเสร็จพวกเราก็กะจะไปนั่งชิวๆดูท้องฟ้าเปลี่ยนสีก็เดินลงมานั่งริมแพที่เป็นบาร์ในส่วนนี้
ใครยังไม่อิ่มก็สั่งอาหารมากินได้และมีบริการหมูกระทะด้วยมีเครื่องดื่มจำหน่าย
อากาศเย็นสบายเพราะก่อนที่เราจะถึงก็มีฝนตกบ้างช่วงที่เราไปคือมิถุนายน
กินกันเสร็จก็กลับมานั่งเล่นกันที่ห้องพักกันต่อก่อนจะแยกย้ายกันนอนเพื่อจะมาดูหมอกตอนเช้า
และเช้าวันใหม่ก็มาถึงเราตื่นมารอดูหมอกตอนตี5.40และอย่างที่บอกคำพูดเพื่อนเชื่อถือไม่ได้เราตื่นมาคนเดียวนั่งชิวๆอินดี้ๆอยู่หน้าห้องจนถึง7โมง
ตามรีวิวอื่นหมอกอยู่หน้าที่พักเลยแต่ด้วยคืนนั้นฝนไม่ได้ตกทำให้มีหมอกแค่ตรงภูเขา
สำหรับเราแค่นี้ก็พอแล้วอากาศกำลังสบายนั่งมองฟ้าเปลี่ยนสีนั่งรอดูหมอกที่ปกคลุมภูเขาจนมันค่อยๆจางไปกับเสียน้ำไหลนกร้องและเสียงคุณป้าแพข้างๆที่ตื่นมาพร้อมเรา...แค่นี้ก็มีความสุขพอแล้ว
เรานัดกันว่า8โมงจะไปกินข้าวเช้าเพราะจะได้รีบออกจากที่พักตอน9โมง
อาหารเช้าเป็นบุฟเฟ่ต์ เริ่ม6โมง - 10โมง เดินไปแจ้งพี่พนักงานว่าอยู่ห้องไหนตรงที่ตักอาหารและก็ตักได้เลย
อาหารเช้าเค้าเยอะอยู่นะว่าไม่ได้มีข้าวต้ม ข้าวผัด ผัดซีอิ๊ว ขนมปังปิ้ง ซีเรียล สลัด ชากาแฟ น้ำส้ม
พอกินเสร็จก็ก่อนไปก็ขอถ่ายรูปเล่นกันสักหน่อยด้วยวิวเดิมก่อนกลับ
ใครจไปพิกัดนี้เลยฮะ
หลังจากนั้นเราก็ขับลงมาเพื่อเข้าเมืองกาญและระหว่างทางกลับเราก็แวะ
" ถ้ำกระแซ เส้นทางรถไฟสายมรณะ "
จอดรถและเดินไปหน่อยก็จะมีร้านข้าวร้านค้าขายของระหว่างทางเดินไปเข้าถ้ำกระแซและเส้นทางรถไฟสายมรณะ
เดินลงไปนิดนึงก็จะเป็นถ้ำกระแซภายในเป็นที่ให้ไหว้พระมีธูปเทียนขายและบอกประวัติเส้นทางรถไฟสายมรณะนี้
สายบุญอย่างเราที่ทำบาปมาเยอะแล้วก็ขอไหว้พระสักหน่อย
ไหว้พระเสร็จเราก็เดินขึ้นมาเพื่อมาถ่ายรูปเส้นทางสายมรณะกันน
ใครที่กลัวความสูงจนขึ้นสมองอย่างเราก็ระวังๆหน่อยแล้วกันนะคะ
ตอนเราไปไม่เป็นช่วงเช้าประมาน11โมงทำให้ไม่เจอรถไฟนะรถไฟจะมาช่วงเที่ยงแต่ว่าก็ต้องทนกับแดดร้อนๆเอานะ
[googlemaps]https:/
[CR] " เที่ยวกาญจนบุรีฉบับนักศึกษาจบใหม่งบน้อย! "
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้