ตอนที่ ปอล ป็อกบา ย้ายจาก ยูเวนตุส กลับสู่ แมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2016 ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติ 89 ล้านปอนด์ หนึ่งในรายแรกๆที่เปิดปากวิจารณ์ดีลนี้คือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล
"ทีมอื่นๆสามารถใช้เงินมหาศาลซื้อนักเตะชั้นยอดได้ ใช่ หากคุณดึงนักเตะค่าตัว 100 ล้านปอนด์เข้ามาแล้วเขาบาดเจ็บ มันก็จะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" กุนซือชาว เยอรมัน เอ่ยกับสื่อ
"ผมจะทำในสิ่งที่แตกต่างไปหรือเปล่า? แน่นอน ผมต้องการทำในสิ่งที่แตกต่างไป หากผมต้องใช้เงิน ผมก็ต้องการสร้างทีมสปิริตเพราะฟุตบอลคือการเล่นร่วมกัน"
เพื่อไขความกระจ่าง เราจะใช้ช้อมูลจาก Transfermarkt มาเป็นตัวชี้ขาดว่าสโมสรไหนใช้เงินไปมากที่สุดนับตั้งแต่ หงส์แดง แต่งตั้งให้ คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีมเมื่อเดือนต.ค.2015 โดยเริ่มจากตลาดเดือนม.ค.2016 จนจบซีซั่น 2021/22
1.แมนฯ ซิตี้ 967 ล้านปอนด์
แน่นอนอยู่แล้วที่ แมนฯ ซิตี้ ใช้เงินเป็นเบี้ยนับตั้งแต่กลุ่ม อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรในปี 2008
และนับตั้งแต่ซีซั่น 2016/17 เป็นตันมาก็มีแค่ซีซั่นเดียวเท่านั้นที่ เรือใบสีฟ้า เทกระเป๋าไม่ถึงตัวเลขเก้าหลัก
สำหรับซีซั่นก่อน แชมป์ พรีเมียร์ลีก ใช้เงินไปทั้งสิ้น 121 ล้านปอนด์โดย 100 ล้านปอนด์เป็นการคว้า แจ็ค กรีลิช ดาวเตะทีมชาติ อังกฤษ มาร่วมก๊วน
นับตั้งแต่ปี 2016 บอกได้เลยว่าซีซั่นที่ แมนฯ ซิตี้ ถลุงเงินไปมากที่สุดได้แก่ซีซั่น 2017/18 ซึ่งพวกเขาลงทุนด้วยเม็ดเงิน 285 ล้านปอนด์
ในจำนวนนี้ นักเตะที่ แมนฯ ซิตี้ ดึงตัวเข้ามาประกอบไปด้วยสตาร์ดังอย่าง เอมเมอริค ลาปอร์กต์ (58ล้านปอนด์) , แบงฌาแม็ง เมนดี้ (51 ล้านปอนด์) , ไคล วอล์คเกอร์ (47 ล้านปอนด์) , แบร์นาร์โด้ ซิลวา (45 ล้านปอนด์) และ เอแดร์ซอน (36 ล้านปอนด์) เป็นอาทิ
2.เชลซี 912 ล้านปอนด์
เป็นที่รู้กันดีว่า เชลซี ใช้เงินแบบมือเติบ และสร้างสีสันให้กับวงการลูกหนังอังกฤษหลังการเข้ามาซื้อสโมสรของ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาว รัสเซีย-อิสราเอล
อดีตเจ้าของทีม สิงห์บลูส์ ไม่เคยลังเลการควักกระเป๋าเสริมทัพให้กับทีมดังแห่งกรุงลอนดอน และนับตั้งแต่ปี 2016 มีอยู่สองซีซั่นที่เขาช็อปปิ้งนักเตะทะลุหลัก 200 ล้านปอนด์
ซีซั่นแรกคือซีซั่น 2017/18 และตามด้วยซีซั่น 2020/21 ซึ่ง ไค ฮาแวร์ตซ์ ย้ายมาในราคา 72 ล้านปอนด์เช่นเดียวกับ ติโม แวร์เยอร์ (47 ล้านปอนด์) และ เบน ชิลเวลล์ (45 ล้านปอนด์)
3.แมนฯ ยูไนเต็ด 830 ล้านปอนด์
น่าทึ่งไม่น้อยที่ 5 นักเตะค่าตัวแพงที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ย้ายมาร่วมทีมนับตั้งแต่ปี 2016 โดยมี ปอล ป็อกบา นำหน้าเป็นจ่าฝูงในเรื่องค่าตัว
ส่วนอีกรายที่มีราคาแพงหูฉี่อย่าบอกใครได้แก่ เจดอน ซานโช่ ซึ่งถูกดึงมาร่วมทัพด้วยตัวเลข 76 ล้านปอนด์เมื่อไม่นานมานี้
สำหรับซีซั่นที่ ผีแดง จ่ายหนักที่สุดได้แก่ซีซั่น 2019/20 ซึ่งพวกเขาลงทุนเป็นจำนวน 211 ล้านปอนด์เซ็นสัญญากับพ่อค้าแข้งหลายรายอย่างเช่น แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (78 ล้านปอนด์) ,บรูโน่ แฟร์นันด์ส (56 ล้านปอนด์) และ อาร่อน วาน บิสซาก้า (49 ล้านปอนด์) เป็นต้น
4.อาร์เซน่อล 692 ล้านปอนด์
แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในระยะหลัง และไม่ดีพอที่จะต่อสู้แย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ แต่ อาร์เซน่อล ก็ใช้จ่ายชนิดเท่าไหร่เท่ากันไม่น้อยหน้าสโมสรอื่น
โดยเฉพาะซีซั่นที่ผ่านมา เดอะ กันเนอร์ส ควักกระเป๋าเป็นสถิติสโมสรเกินกว่า 150 ล้านปอนด์เป็นครั้งแรกเซ็นสัญญากับทั้ง เบน ไวท์ (52 ล้านปอนด์) , มาร์ติน โอเดการ์ด (31 ล้านปอนด์) และ อาร่อน แรมสเดล (25 ล้านปอนด์) เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ซีซั่น 2019/20 และ 2017/18 ทีม ปืนโต จ่ายหนักไม่ใช่เล่นจากการผลาญเงินช็อปปิ้งนักเตะเป็นจำนวน 144 ล้านปอนด์ และ 137 ล้านปอนด์ตามลำดับ
5.ลิเวอร์พูล 557 ล้านปอนด์
นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมในปี 2015 คล็อปป์ ใช้เงินคว้านักเตะไปแล้ว 557 ล้านปอนด์ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเป็น 605 ล้านปอนด์หากรวมเงินพิเศษต่างๆที่ถูกระบุเอาไว้ในสัญญา
มันแสดงให้เห็นว่ากุนซือชาวเมืองเบียร์ใช้เงินมากกว่า สเปอร์ส ซึ่งรั้งอันดับหก (518 ล้านปอนด์) และน้อยกว่า อาร์เซน่อล ไม่เท่าไหร่เลย
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ หงส์แดง ได้รับตอบแทนกลับมาจากนายใหญ่ชาวเมืองไส้กรอกคือความสำเร็จที่สามารถจับต้องได้
และที่สำคัญ คล็อปป์ ไม่ได้ยี่หระการใช้เงินจำนวนมหาศาลแม้แต่น้อยดังจะเห็นว่าเขาทุ่มทุนคว้า เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ในราคา 75 ล้านปอนด์ รวมทั้ง อลิสซง เบ็คเกอร์ (65 ล้านปอนด์) และเมื่อไม่นานมานี้กับ หลุยส์ ดิอาซ (50 ล้านปอนด์) แม้เมื่อรวมเม็ดเงินแล้วอาจไม่มากเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด , เชลซี หรือ แมนฯ ซิตี้ ก็ตาม
ถึงกระนั้นก็อย่าลืมว่า ลิเวอร์พูล ภายใต้การกุมบังเหียนของนายใหญ่ด๊อยทช์กำลังจะได้ ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้า อุรุกวัย ของทีม เบนฟิก้า ย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่อีกรายด้วยค่าตัวที่แพงที่สุดของสโมสร 85 ล้านปอนด์
credit : www.siamsport.co.th
ลิเวอร์พูลรั้งอันดับไหน? 5 ทีมพรีเมียร์ลีกใช้เงินมากที่สุดนับตั้งแต่คล็อปป์คุมหงส์แดง
"ทีมอื่นๆสามารถใช้เงินมหาศาลซื้อนักเตะชั้นยอดได้ ใช่ หากคุณดึงนักเตะค่าตัว 100 ล้านปอนด์เข้ามาแล้วเขาบาดเจ็บ มันก็จะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ" กุนซือชาว เยอรมัน เอ่ยกับสื่อ
"ผมจะทำในสิ่งที่แตกต่างไปหรือเปล่า? แน่นอน ผมต้องการทำในสิ่งที่แตกต่างไป หากผมต้องใช้เงิน ผมก็ต้องการสร้างทีมสปิริตเพราะฟุตบอลคือการเล่นร่วมกัน"
เพื่อไขความกระจ่าง เราจะใช้ช้อมูลจาก Transfermarkt มาเป็นตัวชี้ขาดว่าสโมสรไหนใช้เงินไปมากที่สุดนับตั้งแต่ หงส์แดง แต่งตั้งให้ คล็อปป์ เป็นผู้จัดการทีมเมื่อเดือนต.ค.2015 โดยเริ่มจากตลาดเดือนม.ค.2016 จนจบซีซั่น 2021/22
1.แมนฯ ซิตี้ 967 ล้านปอนด์
แน่นอนอยู่แล้วที่ แมนฯ ซิตี้ ใช้เงินเป็นเบี้ยนับตั้งแต่กลุ่ม อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรในปี 2008
และนับตั้งแต่ซีซั่น 2016/17 เป็นตันมาก็มีแค่ซีซั่นเดียวเท่านั้นที่ เรือใบสีฟ้า เทกระเป๋าไม่ถึงตัวเลขเก้าหลัก
สำหรับซีซั่นก่อน แชมป์ พรีเมียร์ลีก ใช้เงินไปทั้งสิ้น 121 ล้านปอนด์โดย 100 ล้านปอนด์เป็นการคว้า แจ็ค กรีลิช ดาวเตะทีมชาติ อังกฤษ มาร่วมก๊วน
นับตั้งแต่ปี 2016 บอกได้เลยว่าซีซั่นที่ แมนฯ ซิตี้ ถลุงเงินไปมากที่สุดได้แก่ซีซั่น 2017/18 ซึ่งพวกเขาลงทุนด้วยเม็ดเงิน 285 ล้านปอนด์
ในจำนวนนี้ นักเตะที่ แมนฯ ซิตี้ ดึงตัวเข้ามาประกอบไปด้วยสตาร์ดังอย่าง เอมเมอริค ลาปอร์กต์ (58ล้านปอนด์) , แบงฌาแม็ง เมนดี้ (51 ล้านปอนด์) , ไคล วอล์คเกอร์ (47 ล้านปอนด์) , แบร์นาร์โด้ ซิลวา (45 ล้านปอนด์) และ เอแดร์ซอน (36 ล้านปอนด์) เป็นอาทิ
2.เชลซี 912 ล้านปอนด์
เป็นที่รู้กันดีว่า เชลซี ใช้เงินแบบมือเติบ และสร้างสีสันให้กับวงการลูกหนังอังกฤษหลังการเข้ามาซื้อสโมสรของ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาว รัสเซีย-อิสราเอล
อดีตเจ้าของทีม สิงห์บลูส์ ไม่เคยลังเลการควักกระเป๋าเสริมทัพให้กับทีมดังแห่งกรุงลอนดอน และนับตั้งแต่ปี 2016 มีอยู่สองซีซั่นที่เขาช็อปปิ้งนักเตะทะลุหลัก 200 ล้านปอนด์
ซีซั่นแรกคือซีซั่น 2017/18 และตามด้วยซีซั่น 2020/21 ซึ่ง ไค ฮาแวร์ตซ์ ย้ายมาในราคา 72 ล้านปอนด์เช่นเดียวกับ ติโม แวร์เยอร์ (47 ล้านปอนด์) และ เบน ชิลเวลล์ (45 ล้านปอนด์)
3.แมนฯ ยูไนเต็ด 830 ล้านปอนด์
น่าทึ่งไม่น้อยที่ 5 นักเตะค่าตัวแพงที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ย้ายมาร่วมทีมนับตั้งแต่ปี 2016 โดยมี ปอล ป็อกบา นำหน้าเป็นจ่าฝูงในเรื่องค่าตัว
ส่วนอีกรายที่มีราคาแพงหูฉี่อย่าบอกใครได้แก่ เจดอน ซานโช่ ซึ่งถูกดึงมาร่วมทัพด้วยตัวเลข 76 ล้านปอนด์เมื่อไม่นานมานี้
สำหรับซีซั่นที่ ผีแดง จ่ายหนักที่สุดได้แก่ซีซั่น 2019/20 ซึ่งพวกเขาลงทุนเป็นจำนวน 211 ล้านปอนด์เซ็นสัญญากับพ่อค้าแข้งหลายรายอย่างเช่น แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (78 ล้านปอนด์) ,บรูโน่ แฟร์นันด์ส (56 ล้านปอนด์) และ อาร่อน วาน บิสซาก้า (49 ล้านปอนด์) เป็นต้น
4.อาร์เซน่อล 692 ล้านปอนด์
แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในระยะหลัง และไม่ดีพอที่จะต่อสู้แย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ แต่ อาร์เซน่อล ก็ใช้จ่ายชนิดเท่าไหร่เท่ากันไม่น้อยหน้าสโมสรอื่น
โดยเฉพาะซีซั่นที่ผ่านมา เดอะ กันเนอร์ส ควักกระเป๋าเป็นสถิติสโมสรเกินกว่า 150 ล้านปอนด์เป็นครั้งแรกเซ็นสัญญากับทั้ง เบน ไวท์ (52 ล้านปอนด์) , มาร์ติน โอเดการ์ด (31 ล้านปอนด์) และ อาร่อน แรมสเดล (25 ล้านปอนด์) เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ซีซั่น 2019/20 และ 2017/18 ทีม ปืนโต จ่ายหนักไม่ใช่เล่นจากการผลาญเงินช็อปปิ้งนักเตะเป็นจำนวน 144 ล้านปอนด์ และ 137 ล้านปอนด์ตามลำดับ
5.ลิเวอร์พูล 557 ล้านปอนด์
นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมในปี 2015 คล็อปป์ ใช้เงินคว้านักเตะไปแล้ว 557 ล้านปอนด์ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเป็น 605 ล้านปอนด์หากรวมเงินพิเศษต่างๆที่ถูกระบุเอาไว้ในสัญญา
มันแสดงให้เห็นว่ากุนซือชาวเมืองเบียร์ใช้เงินมากกว่า สเปอร์ส ซึ่งรั้งอันดับหก (518 ล้านปอนด์) และน้อยกว่า อาร์เซน่อล ไม่เท่าไหร่เลย
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ หงส์แดง ได้รับตอบแทนกลับมาจากนายใหญ่ชาวเมืองไส้กรอกคือความสำเร็จที่สามารถจับต้องได้
และที่สำคัญ คล็อปป์ ไม่ได้ยี่หระการใช้เงินจำนวนมหาศาลแม้แต่น้อยดังจะเห็นว่าเขาทุ่มทุนคว้า เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ในราคา 75 ล้านปอนด์ รวมทั้ง อลิสซง เบ็คเกอร์ (65 ล้านปอนด์) และเมื่อไม่นานมานี้กับ หลุยส์ ดิอาซ (50 ล้านปอนด์) แม้เมื่อรวมเม็ดเงินแล้วอาจไม่มากเท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด , เชลซี หรือ แมนฯ ซิตี้ ก็ตาม
ถึงกระนั้นก็อย่าลืมว่า ลิเวอร์พูล ภายใต้การกุมบังเหียนของนายใหญ่ด๊อยทช์กำลังจะได้ ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้า อุรุกวัย ของทีม เบนฟิก้า ย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่อีกรายด้วยค่าตัวที่แพงที่สุดของสโมสร 85 ล้านปอนด์
credit : www.siamsport.co.th