ทำไมเวลาชายดูแลตัวเองไปจนถึงดูแลหญิงได้จึงดูมีคุณค่า แต่หญิงดูแลตัวเองได้และยังมาดูแลชายทำไมดูด้อยค่า ที่ไม่เห็นคุณค่าและไม่หันมารักตัวเอง
คือเอาใจใส่ ทำงานหาเงินจ่ายค่าใช้จ่ายหลัก ค่ากิน ค่าเสื้อผ้า น้ำมัน ค่าน้ำค่าไฟ ตั้งแต่ตอนเริ่มคบ  ไปจนถึงมีครอบครัว จ่ายค่าใช้จ่ายในบ้าน ดูแลลูก
ความคิดนี้ล้าหลังไหม เพราะสมัยก่อนชายใดเมียมากก็หมายถึงศักยภาพ ความสามารถที่จะดูแลปกป้องคนได้จำนวนมาก สมัยนี้เศรษกิจแย่
ผู้ชายที่ดูแลเป็นที่พึ่งของผู้หญิงได้ดูเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีคุณค่าน่ายกย่องชื่นชมอย่างมาก เพราะมีศักยภาพมีกำลังที่จะดูแลช่วยเหลือและพึ่งพาฝากชีวิตไว้ได้ 
ในทางกลับกัน ถ้าผู้หญิงเป็นที่พึ่งให้ผู้ชาย ต้องดูแลเป็นหลักให้ครอบครัว ต้องขอเงินผู้หญิงใช้จ่าย แต่รายได้ไม่พอมาดูแลใคร ค่ากิน ค่าน้ำมัน ค่าเสื้อผ้า เหล้า บุหรี่ จ้างคนช่วยงานก็ไม่พอใช้แล้ว 
หญิงดูด้อยตรงที่ต้องง้อต้องตามใจผู้ชายให้เค้ายังอยู่ ไม่มีทางเลือกคุณภาพชีวิต  ผู้ชายจะถูกมองว่าศักยภาพด้อยกว่าฝ่ายหญิง และถูกมองว่าฝ่ายหญิงเก่งจนข่มความสามารถในการเป็นผู้นำ หายไปหมด
หรือเป็นวิทยาศาสตร์ สารเคมีในร่างกายที่แตกต่างระหว่างชายและหญิง ที่กำหนดสรีระ ความรู้สึก แรงกระตุ้น หรือเป็นสัญชาติญาณ
เช่น ชายที่มีแฟนรวยกว่า ฝ่ายหญิงมักเจอปัญหานอกใจซ้ำซาก มีแฟนเก่งรวยเจ้าของกิจการ ส่วนผู้ชายทำงานรับเงินเดือน ไม่พอใช้  คนก็ยกย่องฝ่ายหญิง ส่วนฝ่ายชายก็วาสนาดีมีบุญ นารีอุปถัมภ์  บางทีก็ถูกประณามเกาะหญิง แมงดามั่ง ไปจนสู่การนอกใจ ปัญหาหย่าร้าง 
พอคนใกล้ชิดรับรู้ ก็มองว่าชายจิตใจไม่มั่นคงและรู้สึกด้อยกว่า จนต้องไปหาหญิงอื่นมาเติมเต็ม 
ส่วนหญิงก็สวยรวย แต่มาเสียเวลา เสียโอกาส ทั้งที่สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีและเป็นผู้เลือกกำหนดชีวิตตนเองได้ หันมารักและเห็นคุณค่าของตัวเองบ้าง แต่กลับไปจมปัญหาเดิมๆและบ่นปัญหาในครอบครัว การดูแล การบริหารการเงิน การหยิบยืมแล้วไม่ยอมชดใช้กับคนใกล้ชิดให้ทุกข์ใจ ให้คอยช่วยปรึกษาปัญหาคอยปลอบใจ ไปจนถึงขั้นคดีความหลอกลวงคดโกง  ทำไมถึงต้องหลอกต้องโกง   ก็เพราะฉันต้องหาเลี้ยงลูกเลี้ยงสามี 
ถ้ามีคนหลอกขายสินค้า แต่ไม่ส่งของให้ ยืมเงินแล้ว ไม่คืน มีการฟ้องร้อง แล้วขอให้ให้อภัยเลิกแล้วต่อกัน แต่ไม่ขอคืนเงินให้ เหตุผลเพราะว่าผัวหาเงินมาไม่เคยพอจุนเจือครอบครัว เมียก็ทำงานด้วยเลี้ยงลูกเลี้ยงผัวด้วยก็ไม่พอกินจึงจำเป็นต้องทำ  เหตุผลเพียงพอไหมที่จะถอนฟ้อง