เรื่องที่จะเล่า และขอคำปรึกษาเป็นเรื่องของเราโดยตรง
เรื่องเกิดจากที่เราออกมาหาทำงานที่ใหม่เพราะต้องการมาทำงานกับเพื่อน จะได้ไม่เหงาเพื่อนมาชวนไปทำงานที่ใหม่ เราก็ไปสมัครกับเพื่อน เค้าก็รับเราทั้งคู่เข้าทำงานเพราะเห็นเป็นเพื่อนกัน และพูดเก่ง กล้าแสดงออก งานที่ไปสมัครคืองานในมินิมาร์ทเกาหลี เค้ารับทั้งคู่เป็นพาร์ทไทม์นะ
➡ คือเรื่องจะเล่าต่อจากนี้เป็นเรื่องที่เราไม่พอใจทางร้านและต้องการหาทางออกของปัญหานี้ และอยากขอคำปรึกษา
แนะนำตัวละครก่อนละกัน A เป็นเจ้าร้าน ส่วน B เป็นแม่เจ้าร้าน ตัวหลักก็ประมาณนี้นะ
วันแรกของการทำงาน เค้าให้เริ่มไปจัดของวางขึ้นชั้น เค้าให้ไปทำงานตั้งแต่(8.00 น. -21.00 น.) ซึ่งเราตกใจเวลามาก เพราะในสัญญาเค้ากล่าวว่า ให้ทำงานไม่เกิน10ชม. ตอนแรกเราคิดว่าอ๋อจะใช้ให้คุ้มสินะ เพราะจ้างวันละ400บาท และอาจจะเพราะว่าวันแรกๆ ร้านยังไม่เรียบร้อยดีต้องใช้เวลาทำงานมากนิดนึง แต่เอาเข้าจริงนะ เลิกสามทุ่มไม่มีอยู่จริงค่ะ เวลาที่ปล่อยพนง.กลับบ้านคือ สี่ทุ่ม เราก็ได้แต่ทำใจเพราะแรกๆอาจจะต้องปรับตัวกันไปก่อน พอผ่านไปสักเกือบๆ1อาทิตย์ เวลาเข้างานเริ่มมีการปรับเปลี่ยน คือร้านจะเปิด(8.30 น. - 20.30 น.) และแบ่งให้พนง. Full time เข้าเต็มวันไม่มีวันหยุดจนกว่าจะสิ้นเดือน ส่วนพาร์ทไทม์ (16.00น.-20.30น. (Part time ผลัดกันเข้าคนละวัน)) มันดูหนักสำหรับประจำใช่ไหมค่ะ ใช่ค่ะหนักมากห้ามลาป่วย ลาโดยเด็ดขาดจนกว่าจะครบเดือน เราที่พาร์ทไทม์คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมค่ะ (แต่ที่เราติดใจคือ สัญญาก่อนเริ่มงานจริงเขียนไว้ว่าวันละ400 เราก็งงว่าถ้าเราได้เท่าพนง.ประจำเราเอาเปรียบเค้านะ แต่ความเป็นจริงที่เจ้าของร้าน(บี)บอกคือ 400หารออก10 จะเหลือ 40 ใช่ ชม.ละ40บาท ทำกี่ชมก็คูณเข้าไป ใช่ค่ะ พาร์ทไทม์จะตกวันละ160บาทนั้นเอง) คือพนง.พาร์ทไทม์เพิ่งมารู้หลังจากเงินเดือนออกนะคะ เพราะติดใจในเงินเดือน เจ้าของร้านเลยมาอธิบายถึงเข้าใจ (160บาทของพาร์ทไทม์ของแต่ละคนไม่เท่ากันนะคะเพราะสลับกันเข้าสามคน) และทางร้านจะมีเงิน + ให้ค่าอาหาร แต่ว่าให้ซื้อของในร้านทานเท่านั้น และเงินที่ได้ต่าอาหารทั้งเดือนคือ 150 บาท รวมๆนะพนง.ประจำได้เงิน (10,000-12,000) และพาร์ทไทม์ (3,000-3,500) และคือตัวเราไม่พอใจมากๆ เพราะเราต้องเอาเงินไปจุนเจือครอบครัวไง 3พัน มันน้อยสุดๆ แต่ขอวันทำงานเพิ่มหรือเวลาเพิ่มไม่ได้นะ เพราะเค้าจะไม่จ่ายเงินให้ คือถ้าเข้าไปทำก็ทำฟรี และที่งงมากคือการปิดร้านเพราะเค้าจะดูที่ยอดต่อวันขายไม่ถึงตามเป้าหมายก็ไม่ปิดร้านนะ จนกว่าจะได้ตามเป้าค่อยปิดร้านดึกแค่ไหนก็จะเปิดร้าน
>>เรื่องที่สอง อย่างที่บอกไปข้างต้นนะเราออกจากที่เดิมเพราะว่าเราอยากมาทำงานกับเพื่อนวันไหน ที่เราเข้าตรงกันกับเพื่อนเราก็จะเดินไปหาคุยกันบ้าง แต่เราก็รอให้ลูกค้าน้อยก่อนนะ คือไม่อยากโดนเจ้านายดุไง แต่ความเจ้าของร้าน(บี)เค้าอาจจะกลัวเสียผลประโยชน์แหละ เค้าไม่ได้เข้าร้านนะ แต่เค้าจะแคปหน้าจอกล้องวงจรปิดมาให้ดุไม่ให้คุยกันและให้เดินห่างกันอย่าอยู่ใกล้กัน เรากับเพื่อนโดนดุตลอดนะแอบอึดอัดมากๆ (เราก็ไม่รู้นะว่าทำไมถ้าเรากับเพื่อนคุยกันที่ไรโดนดุตลอดเลย แต่เราไปคุยกับพนง.คนอื่นเราไม่โดนดุเลย) และคืออึดอัดมากเพราะเค้าคอยดูกล้องวงจรปิดตลอดและแคปหน้าจอส่งมาในไลน์ตลอด และว่าเข้าร้านหลังเลิกงานต้องเรียกไปดุเรื่องคุยกัน อันนี้ขอกล่าวเสริม มีน้องที่ทำงานคนหนึ่ง น้องเป็นที่รักของพนง.คนอื่นๆนะ(ช่วงแรก) ตอนนี้ไม่ละ เพราะน้องชอบไปฟ้องเรื่องเล็กๆน้อยๆกับแม่เจ้าของร้านมากๆ และคือเค้าเห็นดีเห็นงามด้วยไง อาทิ เราเป็นคนพูดน้อย น้องมันชอบชวนคุยแต่เราก็ฟังๆแบบไม่ได้สนในนาง แต่แล้วนางไปฟ้องนางบี เราไม่รู้ว่าเค้าคุยกันว่าไร แต่นางบีคุยกับเราว่าเราไม่ชอบน้องเหรอ?ทำไมไม่คุยกับน้อง ไม่คุยกับคนอื่นในร้าน เราคืองงมากกก คือเราอยากคุยนะแต่คุยไม่เก่งด้วย อีกอย่างเราคุยกับพี่ในร้านปกติเลยนะ และยิ่งชอบโดนดุเรื่องคุยในที่ทำงานเราเลยพยายามไม่คุย และเราก็โดนเรื่องนี้ตลอดไม่หยุดจ้าา หลังๆมาน้องก็เริ่มนินทาพนง.คนนั้นคนนี้ให้เราฟัง คือเราได้แต่ฟังเพราะคิดว่าไม่ดีแน่ๆถ้าเราเอาไปพูดต่อ เราพยายามเก็บเรื่องที่น้องพูดไว้ไม่บอกใครแม้กระทั่งเพื่อนตัวเอง แต่ความน้องก็เป็นคนพูดเก่งไปนินทาให้นางบีฟัง นางบีเลยมาด่าพนง.ทุกคนเลยจ้าา เราเองก็งงว่ามันจะไปบอกนางบีทำไมแค่นินทากันเองก็พอแล้วมั้ง (และที่ทำให้คนอื่นไม่ชอบน้องมากขึ้นเพราะน้องชอบลากะทันหันแบบต้องหาคนเข้าแทนแบบปุ๊บปั๊บ บางทีทำให้คนอื่นไม่ได้หยุดแถมต้องทำหนักขึ้นด้วยนะ แต่ใดๆนางบีไม่เคยว่าเลยนะ แต่ถ้าเป็นคนอื่นไม่ให้ลาแถมโทรตามอีก)คือเรื่องมันยังไม่จบนะแต่มันเยอะมากจนเล่าออกมาไม่หมด เราเจอปัญหาทั้งเงินเดือนและเพื่อนร่วมงานแบบนี้ เราควรแก้ปัญหาหรือหางานใหม่ดีค่ะ
ขอวิธีแก้ปัญหาในที่ทำงานหรือควรยื่นใบลาออกดี
เรื่องเกิดจากที่เราออกมาหาทำงานที่ใหม่เพราะต้องการมาทำงานกับเพื่อน จะได้ไม่เหงาเพื่อนมาชวนไปทำงานที่ใหม่ เราก็ไปสมัครกับเพื่อน เค้าก็รับเราทั้งคู่เข้าทำงานเพราะเห็นเป็นเพื่อนกัน และพูดเก่ง กล้าแสดงออก งานที่ไปสมัครคืองานในมินิมาร์ทเกาหลี เค้ารับทั้งคู่เป็นพาร์ทไทม์นะ
➡ คือเรื่องจะเล่าต่อจากนี้เป็นเรื่องที่เราไม่พอใจทางร้านและต้องการหาทางออกของปัญหานี้ และอยากขอคำปรึกษา
แนะนำตัวละครก่อนละกัน A เป็นเจ้าร้าน ส่วน B เป็นแม่เจ้าร้าน ตัวหลักก็ประมาณนี้นะ
วันแรกของการทำงาน เค้าให้เริ่มไปจัดของวางขึ้นชั้น เค้าให้ไปทำงานตั้งแต่(8.00 น. -21.00 น.) ซึ่งเราตกใจเวลามาก เพราะในสัญญาเค้ากล่าวว่า ให้ทำงานไม่เกิน10ชม. ตอนแรกเราคิดว่าอ๋อจะใช้ให้คุ้มสินะ เพราะจ้างวันละ400บาท และอาจจะเพราะว่าวันแรกๆ ร้านยังไม่เรียบร้อยดีต้องใช้เวลาทำงานมากนิดนึง แต่เอาเข้าจริงนะ เลิกสามทุ่มไม่มีอยู่จริงค่ะ เวลาที่ปล่อยพนง.กลับบ้านคือ สี่ทุ่ม เราก็ได้แต่ทำใจเพราะแรกๆอาจจะต้องปรับตัวกันไปก่อน พอผ่านไปสักเกือบๆ1อาทิตย์ เวลาเข้างานเริ่มมีการปรับเปลี่ยน คือร้านจะเปิด(8.30 น. - 20.30 น.) และแบ่งให้พนง. Full time เข้าเต็มวันไม่มีวันหยุดจนกว่าจะสิ้นเดือน ส่วนพาร์ทไทม์ (16.00น.-20.30น. (Part time ผลัดกันเข้าคนละวัน)) มันดูหนักสำหรับประจำใช่ไหมค่ะ ใช่ค่ะหนักมากห้ามลาป่วย ลาโดยเด็ดขาดจนกว่าจะครบเดือน เราที่พาร์ทไทม์คงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมค่ะ (แต่ที่เราติดใจคือ สัญญาก่อนเริ่มงานจริงเขียนไว้ว่าวันละ400 เราก็งงว่าถ้าเราได้เท่าพนง.ประจำเราเอาเปรียบเค้านะ แต่ความเป็นจริงที่เจ้าของร้าน(บี)บอกคือ 400หารออก10 จะเหลือ 40 ใช่ ชม.ละ40บาท ทำกี่ชมก็คูณเข้าไป ใช่ค่ะ พาร์ทไทม์จะตกวันละ160บาทนั้นเอง) คือพนง.พาร์ทไทม์เพิ่งมารู้หลังจากเงินเดือนออกนะคะ เพราะติดใจในเงินเดือน เจ้าของร้านเลยมาอธิบายถึงเข้าใจ (160บาทของพาร์ทไทม์ของแต่ละคนไม่เท่ากันนะคะเพราะสลับกันเข้าสามคน) และทางร้านจะมีเงิน + ให้ค่าอาหาร แต่ว่าให้ซื้อของในร้านทานเท่านั้น และเงินที่ได้ต่าอาหารทั้งเดือนคือ 150 บาท รวมๆนะพนง.ประจำได้เงิน (10,000-12,000) และพาร์ทไทม์ (3,000-3,500) และคือตัวเราไม่พอใจมากๆ เพราะเราต้องเอาเงินไปจุนเจือครอบครัวไง 3พัน มันน้อยสุดๆ แต่ขอวันทำงานเพิ่มหรือเวลาเพิ่มไม่ได้นะ เพราะเค้าจะไม่จ่ายเงินให้ คือถ้าเข้าไปทำก็ทำฟรี และที่งงมากคือการปิดร้านเพราะเค้าจะดูที่ยอดต่อวันขายไม่ถึงตามเป้าหมายก็ไม่ปิดร้านนะ จนกว่าจะได้ตามเป้าค่อยปิดร้านดึกแค่ไหนก็จะเปิดร้าน
>>เรื่องที่สอง อย่างที่บอกไปข้างต้นนะเราออกจากที่เดิมเพราะว่าเราอยากมาทำงานกับเพื่อนวันไหน ที่เราเข้าตรงกันกับเพื่อนเราก็จะเดินไปหาคุยกันบ้าง แต่เราก็รอให้ลูกค้าน้อยก่อนนะ คือไม่อยากโดนเจ้านายดุไง แต่ความเจ้าของร้าน(บี)เค้าอาจจะกลัวเสียผลประโยชน์แหละ เค้าไม่ได้เข้าร้านนะ แต่เค้าจะแคปหน้าจอกล้องวงจรปิดมาให้ดุไม่ให้คุยกันและให้เดินห่างกันอย่าอยู่ใกล้กัน เรากับเพื่อนโดนดุตลอดนะแอบอึดอัดมากๆ (เราก็ไม่รู้นะว่าทำไมถ้าเรากับเพื่อนคุยกันที่ไรโดนดุตลอดเลย แต่เราไปคุยกับพนง.คนอื่นเราไม่โดนดุเลย) และคืออึดอัดมากเพราะเค้าคอยดูกล้องวงจรปิดตลอดและแคปหน้าจอส่งมาในไลน์ตลอด และว่าเข้าร้านหลังเลิกงานต้องเรียกไปดุเรื่องคุยกัน อันนี้ขอกล่าวเสริม มีน้องที่ทำงานคนหนึ่ง น้องเป็นที่รักของพนง.คนอื่นๆนะ(ช่วงแรก) ตอนนี้ไม่ละ เพราะน้องชอบไปฟ้องเรื่องเล็กๆน้อยๆกับแม่เจ้าของร้านมากๆ และคือเค้าเห็นดีเห็นงามด้วยไง อาทิ เราเป็นคนพูดน้อย น้องมันชอบชวนคุยแต่เราก็ฟังๆแบบไม่ได้สนในนาง แต่แล้วนางไปฟ้องนางบี เราไม่รู้ว่าเค้าคุยกันว่าไร แต่นางบีคุยกับเราว่าเราไม่ชอบน้องเหรอ?ทำไมไม่คุยกับน้อง ไม่คุยกับคนอื่นในร้าน เราคืองงมากกก คือเราอยากคุยนะแต่คุยไม่เก่งด้วย อีกอย่างเราคุยกับพี่ในร้านปกติเลยนะ และยิ่งชอบโดนดุเรื่องคุยในที่ทำงานเราเลยพยายามไม่คุย และเราก็โดนเรื่องนี้ตลอดไม่หยุดจ้าา หลังๆมาน้องก็เริ่มนินทาพนง.คนนั้นคนนี้ให้เราฟัง คือเราได้แต่ฟังเพราะคิดว่าไม่ดีแน่ๆถ้าเราเอาไปพูดต่อ เราพยายามเก็บเรื่องที่น้องพูดไว้ไม่บอกใครแม้กระทั่งเพื่อนตัวเอง แต่ความน้องก็เป็นคนพูดเก่งไปนินทาให้นางบีฟัง นางบีเลยมาด่าพนง.ทุกคนเลยจ้าา เราเองก็งงว่ามันจะไปบอกนางบีทำไมแค่นินทากันเองก็พอแล้วมั้ง (และที่ทำให้คนอื่นไม่ชอบน้องมากขึ้นเพราะน้องชอบลากะทันหันแบบต้องหาคนเข้าแทนแบบปุ๊บปั๊บ บางทีทำให้คนอื่นไม่ได้หยุดแถมต้องทำหนักขึ้นด้วยนะ แต่ใดๆนางบีไม่เคยว่าเลยนะ แต่ถ้าเป็นคนอื่นไม่ให้ลาแถมโทรตามอีก)คือเรื่องมันยังไม่จบนะแต่มันเยอะมากจนเล่าออกมาไม่หมด เราเจอปัญหาทั้งเงินเดือนและเพื่อนร่วมงานแบบนี้ เราควรแก้ปัญหาหรือหางานใหม่ดีค่ะ