อยากทราบเหตุผลของคนเป็นพ่อแม่ว่าทำไมถึงไม่อยากให้ลูกนอนค้างกับแฟน กลัวเรื่องอะไรกันคะ?

แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
แบบ จขกท. นี่  ตอนยังไม่เกิดเรื่อง  ก็มักจะเก่งแบบนี้แหละ  มีเหตุมีผลรองรับหมด  ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก  สตองพอ
จขกท. จะ "มั่น" ของจริงหรือไม่  ต้องรอดูตอนโดนฝ่ายชายได้แล้วทิ้งไปมีใหม่  ท้องตอนที่ยังไม่พร้อม  หรือท้องแล้วฝ่ายชายไม่รับผิดชอบนั่นแหละ  ถึงจะเห็นสัจธรรมของชีวิตว่าทำไมพวกพ่อแม่เขาถึงชอบห้ามเรื่องพวกนี้นักหนา
ความคิดเห็นที่ 22
ที่เขียนมาเยอะๆ สรุปคือมีเหตุผลเดียวคือ horny  ถ้าว่ากันตามจริงคุณก็อยู่ในวัยเจริญพันธุ์และอย่างที่คุณว่าคือบรรลุนิติภาวะแล้ว ก็มีสิทธิ์ที่จะบ๊ะๆอย่างถูกกฏหมาย สมยอมจะบ๊ะกัน ถ้าคุณไม่ได้ขอเงินที่บ้านใช้ คุณก็ถือเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็มีสิทธิ์ตัดสินใจตามที่เห็นควร  และไม่จำเป็นต้องแสวงหาความชอบธรรมจากครอบครัว เพราะเขาไม่ได้เห็นว่าสิ่งที่คุณทำมันชอบธรรมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว  ในทำนองเดียวกันคุณก็ไม่คิดว่าความคิดพ่อแม่เป็นสิ่งชอบธรรมเหมือนกัน  คุณไม่สามารถไปเรียกร้องให้พ่อแม่เข้าใจว่าคุณจำเป็นต้องบ๊ะ ในเมื่อในมุมองเขามันไม่จำเป็น ก่อนจะให้คนอื่นเคารพความเห็นตัวเอง หลักการง่ายๆคือการเคารพความเห็นคนอื่นเช่นกัน มันพื้นฐานของ agree to disagree

แล้วสิ่งที่อ้างว่า “อยากให้พ่อแม่เชื่อใจ” คือเชื่อใจอะไร อ่านแล้วยังนึกไม่ออกเลยว่ายังเหลืออะไรให้เชื่อใจได้อีก

1. เชื่อใจว่าไม่ท้อง? วิธีเดียวที่จะเชื่อได้ว่าไม่ท้อง คือไม่บ๊ะ นี่หลักวิทยาศาสตร์ ทุกวิธีป้องกันคือท้องได้หมด ความน่าจะเป็นแตกต่างกันออกไป กลับไปเรียนสุขศึกษาใหม่ (ยังมีในหลักสูตรมั้ยนะ?)
2. เชื่อใจว่าต่อให้ท้อง ก็เรียนจบ โอเคงั้นทำ proposal มาว่าจะจัดการกับเด็กยังไง ทำแท้ง ยกให้บ้านเด็กสงเคราะห์ เลี้ยงเอง มีแผนในการเรียนในตอนทั้งท้องอย่างไร
3. ถ้าเลี้ยงเอง เสนอ extended proposal มา ว่า timeline, source of income ที่ครอบคลุมตัวเองและลูกมาจากไหน

ถ้าอ้างแบบสก๊อยว่าท้องได้เลี้ยงได้ โอเค มันคือปัญหาของคุณ แม้ว่าแม่คงเสียวๆว่าชั้นคงต้องมาตามเก็บตามเช็ด แต่คุณก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะให้แม่เชื่อใจได้เลย พูดว่าเชื่อใจชั้นสิ ใครๆก็พูดได้  สรุปคือจะบ๊ะ ก็บ๊ะไปเลย ไม่ต้องพยายามไปหาความชอบทำ justify ข้างๆคูๆให้แม่เชื่อใจอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่เห็นว่ามันจะเชื่อใจได้ตรงไหน  ถ้าสงสารแม่ อยากให้แม่สบายใจ ก็ไม่ต้องไปคิดว่าความคิดแม่มันเต่า มันไดโนเสาร์หรืออะไร ก็ไม่ต้องบ๊ะ รักแม่ อยากให้แม่มีความสุข รอไปก่อนจนทำงาน หรือแต่งงาน อะไรก็ว่ากันไป  

คำตอบมันก็ง่ายๆ 2 ทาง อย่าไปยัดเยียดความเชื่อตัวเองให้คนอื่น ถ้าตัวเองยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายเชื่อ
ความคิดเห็นที่ 12
ท้องขึ้นมาไม่พ้นพ่อแม่สักราย
ผัวก็อยากมี แต่เงินยังแบมือขอแม่อยู่เลย
อยากโตอยากมีผัวเรียนให้จบหางานทำให้ได้ก่อนเถอะ
ความคิดเห็นที่ 35
ดูแลตัวเองได้ระดับหนึ่งนี่คือระดับไหนอ่ะ? ระดับของแต่ละคนไม่เท่ากัน
การโตเป็นผู้ใหญ่ควรดูแลตัวเองได้แบบไม่ต้องพึ่งพาอะไรใครแล้ว
เข้าใจความคิดของคนอื่น โดยไม่เรียกร้องให้คนอื่นต้องเข้าใจความคิดเรา ไม่เอาความคิดตัวเองเป็นศูนย์กลาง

การที่จขกท. ไม่เข้าใจว่าแบบไหนคือ โตแล้ว ก็เพราะตัวคุณยังไม่โตจริงๆ นั่นแหละ ถึงได้ไม่เข้าใจ
การโตเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้วัดที่ตัวเลขอายุ แต่วัดที่ความสามารถในการรับผิดชอบตัวเอง
ถ้าคุณทำงาน หาเงิน เลี้ยงตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องพึ่งพ่อแม่แล้ว
เกิดปัญหาแล้วแก้ไขเองได้ ถ้าพลาดท้องจริงเลี้ยงลูกเองได้ ถึงจะเรียกได้ว่าโตแล้ว
การที่คุณคิดว่า "ไม่มีวันพลาดแน่นอน" ก็เป็นอีก 1 ข้อบ่งบอกว่าคุณยังมีความคิดแบบเด็ก มั่นใจแบบผิดๆ
คนคิดแบบผู้ใหญ่ต้องมองครอบคลุมไปถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น มองถึงทางแก้และการรับมือให้ได้ด้วยตัวเอง
จะไม่มั่นใจในตัวเองแบบ 100% เพราะคนที่เข้าใจโลกมากพอจะรู้ว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เราคิดได้ 100% สักอย่าง
มันจะมีสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเราเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ความคิดเห็นที่ 5
คุณจะเป็นผู้ใหญ่เมื่อมีลูกครับ อายุ 30 ถ้ายังไม่มีลูกก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว กลับกันอายุ 20 มีลูกแล้ว ต้องทำงานหาเงินเลี้ยงลูกก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วครับ

อยากเป็นผู้ใหญ่เร็วๆ แนะนำให้ท้องกับแฟนมีลูกแล้วลาออกจากที่เรียนอยู่ มาใช้ชีวิตในโลกความเป็นจริง ทำงานหาเงินเลี้ยงลูกได้เลยครับ

จะได้ไม่ต้องเสียเวลาให้พ่อแม่มองว่าเรายังเป็นเด็กอยู่ อีกตั้งหลายปีกว่าจะเรียนจบ

คิดจะทำแล้ว ต้องทำให้สุดครับ อย่าทำอะไรครึ่งๆกลางๆ กลัวพลาดกลัวท้อง กลัวคนอื่นรู้ ทำอะไรลับๆล่อๆ ในเมื่ออยากจัดก็ต้องไม่กลัวท้อง มีลูกเปิดเผยให้โลกรู้ไปเลยครับ

คนจริงต้องแสดงตัวในที่แจ้งได้อย่างเปิดเผยในทุกการกระทำครับ อะไรที่ทำแล้วกลัวคนอื่นรู้ต้องแอบทำลับๆล่อๆ คิดเอาเองครับว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่