เมื่อพบว่าเป็นมะเร็งไทรอยด์แบบ Papillary และ Follicular ค่ะ

มาแบ่งปันประสบการณ์การรักษาเผื่อเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังรักษาอยู่นะคะ เพราะตอนที่รู้ว่าเป็นก็เข้ามาหาข้อมูลจากกระทู้ในนี้แล้วรู้สึกได้ความรู้และมีความหวังในการรักษามากค่ะ

ย้อนไป ปี 2558 อยู่ดีๆ น้ำหนักลด ทั้งที่ทานตามปกติ เลยเข้ารพ. ตรวจเลือด พบว่าเป็นไฮเปอร์ไทรอยด์ รักษาทานยาต่อเนื่องประมาณ 1 ปี คิดว่ารักษาหายแล้วค่ะ ไม่ได้ติดตามโรคต่อค่ะ คิดว่า บ๊ายบายไฮเปอร์ไทรอยด์แล้วนะ

จนปีที่แล้ว ก.ค. 2564 รู้สึกน้ำหนักลดลง เป็นช่วงที่เริ่มดูแลตัวเอง นอนเร็ว วิ่ง คุมอาหาร ยังคิดว่าดีจัง ในที่สุด ลด นน.สำเร็จ แต่พอ ส.ค. รู้สึก นน. ลดเร็วเกิน  ลองจับคอดู ทำไมมีก้อนเล็กๆ ขึ้นลงเวลากลืนน้ำลาย เริ่มกลัวละ ไปหาหมอตรวจดีกว่าค่ะ

ก็เริ่มจาก ไปหาหมอ โรงพยาบาลที่ทำประกันสังคม  21 ส.ค. 2564 เจาะเช็คเลือดค่าปกติไม่เป็นไฮเปอร์ไทรอยด์นะ แต่มีก้อนจริง หมอบอกก้อนอาจจะไม่ใช่เนื้อร้ายต้องอัลตร้าซาวน์เจาะ FNA ดูก่อน ตอนนั้นร้อนใจมาก กลัวคิวของ รพ.ประกันสังคมกว่าจะได้เจาะช้าเกินไป คุณหมอก็เกริ่นว่าอาจจะช้านะ ช่วงนี้ไม่ปกติ สถานการณ์โควิด คิวอาจรอนิดนึง ร้อนใจละค่ะตอนนั้น

วันที่ 2 ก.ย. 2564 เลยไป โรงพยาบาลรัฐ ที่มีคลิกนิกนอกเวลาจ่ายเงินเจาะดูก่อน 15 ก.ย. 2564 หมอนัดฟังผล ผลออกมา ดีใจมาก หมอบอกเป็นแค่เลือดกับถุงน้ำ ไม่มีเนื้อร้ายใดๆ รู้สึกตอนนั้นโล่งเลยค่ะ หมอบอกไม่ต้องผ่าออกก็ได้ หมอนัดอีก 3 เดือนค่อยมาเจอกัน ดูขนาดอีกที

จากนั้นไม่นาน ก็ถึงเวลานัดที่ต้องตรวจกับคุณหมอของ รพ.ประกันสังคม ตอนนั้นก็คิดว่าเป็น second opinion กันเหนียวไว้หน่อยค่ะ อยากให้หมอย้ำว่าก้อนเนื้อเราไม่ใช่เนื้อร้ายนะ ไม่ได้เล่าให้คุณหมอ รพ.ประกันสังคมฟังว่าแอบไปเจาะมาแล้วนะ

คุณหมอของ รพ.ประกันสังคมก็แจ้งว่าเดี๋ยวจะส่งไป CT Scan ก้อนที่คอก่อนนะ ไม่อยากให้เจ็บตัวเจาะก้อนเนื้อที่คอ คุณหมอไม่รู้ว่ามีประสบการณ์เจาะ FNA แล้ว ไม่เจ็บเลยค่า (เปิดเส้นเลือดตอน CT Scan เจ็บกว่าค่ะT-T)

ผล CT Scan ออกมา ลักษณะผิวก้อนเนื้อไม่น่าไว้วางใจ หมอเลยนัดเจาะ FNA คิวเจาะวันที่ 27 ธ.ค.2564 คราวนี้มีฉีดยาชา และเจาะไปดู 2 จุดค่ะ ผลออกมาคือ 60%  เป็นเนื้อร้าย ต้องผ่าออกทั้งสองข้าง ตอนหมอบอกก็รู้สึกวูบค่ะ มองหน้าสามี คิดถึงลูกชาย แต่ก็มีความหวังว่าเรารักษาเร็ว รักษาหาย จากที่เคยหาข้อมูลในกูเกิ้ลมาค่ะ

บอกหมอนัดผ่าเร็วที่สุดค่ะ คือขอเสียตังค์แบบผ่าคลินิกนอกเวลา กลัวช้าไป โอเคได้คิวผ่าอาทิตย์ถัดไป ก่อนผ่าก็ต้องเจาะเลือดตรวจสุขภาพ ดูเม็ดเลือดต่างๆ  ปรากฏ ค่าไฮเปอร์ไทรอยด์พุ่งขึ้นค่ะ สูงกว่าตอนเป็นเมื่อ ปี 2558 เยอะมาก ยังงงว่าเจาะเลือดตรวจตลอด ค่าเลือดปกติ พอจะผ่าเพิ่งมาเจอ ทีนี้ต้องทานยากดให้ค่าไฮเปอร์ต่ำก่อน ไม่งั้นดมยาสลบไม่ได้ค่ะ

วางแผนใหม่หมด กว่าจะทานยาจนค่าไฮเปอร์ปกติได้ นัดผ่าวันที่ 25 มี.ค. 2565 ใช้เวลาผ่า ประมาณ 4 ชม. ขั้นตอนการผ่านี่สบายๆ ดมยานับ 1-10 หลับไปเลยค่ะ ตื่นมาก็เจ็บแผลผ่าตัดนิดหน่อยค่ะ  รู้สึกระบมในคอที่สอดท่อบ้างเท่านั้นค่ะ ไม่ต้องกลัวการผ่าตัดเลยค่ะ เสียงก็ปกติ มีวันแรกๆ แหบนิดหน่อยค่ะ  นอนไปทั้งหมด 3 คืน กลับบ้านได้

หลังผ่าตัด 7 วัน หมอนัดตัดไหม และฟังผล วันที่ 2 เม.ย. หมอแจ้งว่าเป็นควบค่ะทั้ง papillary และ follicular ค่ะ แต่ไม่แพร่กระจาย หรือลุกลามไปที่อื่นค่ะ หมอแจ้งว่า 2 ชนิดนี้ตอบสนองการกลืนแร่ได้ดี กลืนแร่แล้วก็หายไม่ต้องกังวล หมอทำเรื่องส่งตัวไปกลืนแร่ที่ รพ. ที่มีห้องกักตัวคนไข้กลืนแร่ นัดคิวกลืนแร่วันที่ 24 พ.ค. 2565 เพราะกว่าจะได้เอกสารส่งตัว บวกกับช่วงนั้นวันหยุดราชการเยอะ รพ. ให้กลืนแร่ในปริมาณ 30 mci หมอแจ้งว่ามะเร็งไม่มีการลุกลาม ครั้งแรกจะไม่ให้เยอะ เผื่ออนาคตต้องให้อีก และไม่ต้องนอนค้างคืน เพราะปริมาณน้อยค่ะ (ซึ่งจริงๆ รพ.ประกันสังคมทำให้ได้ แค่ไม่มีห้องกักตัวแบบค้างคืน)

สำหรับ จขกท. รู้สึกขั้นตอนการรักษาลำบากสุดตรงนี้ค่ะ ต้องคุมอาหารไม่มีไอโอดีนก่อนกลืน 14 วัน หลังกลืน 7 วันค่ะ ตอนกลืนน้ำแร่เข้าคอก็รู้สึกฝาดๆ นิดหน่อยค่ะ กลืนเสร็จก็หยุดงาน 7 วัน กักตัว แยกห้องนอน แยกชั้นเราอยู่ข้างบน สามีกับลูกอยู่ข้างล่าง เพราะลูกชาย 14 ปี กลัวเค้าได้รับรังสีจากเราค่ะ อาการข้างเคียง  หลังกลืนแร่ คลื่นไส้ เวียนหัว มีหนาวๆ บ้าง ลิ้นรับรสเพี้ยนๆ เบื่ออาหาร ประมาณนี้ เป็นอยู่ 4-5 วันก็หาย แต่การรับรสนี่ต่อเนื่องเกือบ 2 อาทิตย์ค่ะ

กลืนครบ 7 วันก็ ไป ถ่ายภาพ Total Body Scan และก็นัดอีก 6 เดือน มาเจาะเลือดดูค่า Thyrogloburin กับ Anti-Thyrogloburin กันต่อ ว่าค่ามะเร็งสงบไหมค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่