มีกลิ่นตัว ไม่ได้กลิ่นตัวเอง แต่คนรอบข้างได้กลิ่น แต่พ่อแม่ครอบครัวคนใกล้ชิดไม่ได้กลิ่น / อยู่ใกล้ใคร คนรอบข้างจะมีอาการแพ้ ถูจมูก คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล คุณอาจจะเป็นโรค Trimethylaminuria (TMAU) หรือโรค People Are Allergic to Me (PATM)
เราเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อให้ข้อมูลแก่คนที่มีอาการเหล่านี้ คือ มีกลิ่นตัว / มีกลิ่นตัว ไม่ได้กลิ่นตัวเอง แต่คนรอบข้างได้กลิ่น แต่พ่อแม่ครอบครัวคนใกล้ชิดไม่ได้กลิ่น / อยู่ใกล้ใคร คนรอบข้างจะมีอาการแพ้ ถูจมูก คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล และกำลังตามหาคำตอบว่าตัวเองกำลังเป็นโรคอะไร
เราขอแยกออกเป็น 2 โรค คือ
1.
Trimethylaminuria (TMAU) หรือ Fish Odor Syndrome/Fish Malodor Syndrome (FOS) โรคกลิ่นตัวเหม็น โรคกลิ่นตัวเหม็นเน่า โรคกลิ่นปลาเน่า
2.
People Are Allergic to Me (PATM)
ถ้าคุณเป็นคนที่มีกลิ่นตัว รักษาความสะอาดก็แล้ว ทำอะไรก็แล้ว ก็ยังไม่หายสักที คุณอาจจะกำลังเป็นโรค Trimethylaminuria หรือเรียกย่อๆว่า TMAU หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า Fish Odor Syndrome/Fish Malodor Syndrome (FOS) โรคกลิ่นปลาเน่า
Trimethylaminuria (TMAU) เป็นโรคทาง metabolic หายาก เกิดจากการที่ร่างกายมีเอนไซน์ชื่อว่า flavin-containing monooxygenase 3 (FMO3) ไม่เพียงพอในการเปลี่ยน trimethylamine (TMA)(สารที่มีกลิ่นเหม็น) ไปเป็น trimethylamine oxide(TMAO)(สารที่ไม่มีกลิ่นเหม็น) เมื่อมี TMA(สารที่มีกลิ่นเหม็น)มาก ร่างกายก็จะขับสารนี้ออกมาทางเหงื่อ ปัสสาวะ และลมหายใจ ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น เป็นกลิ่นตัวออกมา
TMAU แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. Primary trimethylaminuria เกิดจากการ mutation ของ FMO3 gene ทำให้ร่างกายมี FMO3 เอนไซน์ไม่เพียงพอ
ต่อการเปลี่ยน TMA เป็น TMAO (สารเหม็นเป็นสารไม่เหม็น)
2. Secondary trimethylaminuria แบบที่ 2 นี้ไม่ได้เกิดจาก genetic แต่เกิดจากการที่ร่างกายของเรามี TMA มากเกินไป
จนทำให้ร่างกายมี FMO3 เอนไซน์ไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยน TMA เป็น TMAO (สารเหม็นเป็นสารไม่เหม็น)
สาเหตุอาจเกิดจาก gut dysbiosis, altered metabolism หรือ hormonal causes
อันแรก
Primary TMAU เกิดจากการ mutation ของ FMO3 gene บางคนอาจจะคิดว่า ต้องมีกลิ่นตัวเหม็นมาตั้งแต่เป็นทารกเลย เพราะมันเกิดจากการผิดปกติของ gene แต่จริงๆแล้วไม่จำเป็น บางคนอาจจะมามีอาการช่วงวัยรุ่นหรือตอนโตก็ได้ เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งมั่นใจแล้วคิดว่าเราไม่ได้มีกลิ่นตัวมาตั้งแต่เด็ก เราไม่ได้เป็น Primary TMAU หรอก
อันที่สอง
Secondary TMAU อันนี้ไม่ได้เกิดจาก genetic แต่เกิดจากที่ร่างกายเรามีสาร TMA มากเกินไปจนไม่มี FMO3 enzyme เพียงพอที่จะเปลี่ยน TMA เป็น TMAO เกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนมากที่เห็นคือ gut dysbiosis
TMA เกิดจากการที่ bacteria ใน gut ของเราย่อยอาหารหลายชนิดที่เรากินเข้าไป เช่น ไข่ เนื้อ ถั่ว ผักต่างๆ เกิดเป็น TMA ซึ่งปกติแล้วจะถูกย่อยด้วย FMO3 enzyme แต่พอเรามี TMA มากเกินไปมากๆ FMO3 enzyme ที่เรามีก็ไม่เพียงพอในการย่อย เราเลยขับ TMA ออกมาทางเหงื่อ ปัสสาวะ และลมหายใจของเรา
gut dysbiosis ก็คือการที่ gut ของเรามี bacteria ที่ไม่ดีมากกว่า bacteria ที่ดี ซึ่ง bacteria พวกนี้ก็จะไปย่อยอาหารที่เรากินเข้าไป เป็น TMA ถ้ามี bacteria ที่ไม่ดีมากๆ เราก็จะผลิต TMA ออกมามากเกิน จนเราต้องขับออกทางเหงื่อ ปัสสาวะ และลมหายใจ
บางคนเกิด secondary tmau หลังจากการกิน antibiotic หรือยาปฏิชีวนะ เวลาเรากิน antibiotic เข้าไป มันเข้าไปฆ่า bacteria ทั้งหมด ทั้ง bacteria ดีและไม่ดี ส่งผลกระทบต่อ gut ของเรา ทำให้เกิด gut dysbiosis แล้วก็เกิดเป็น secondary tmau ตามมา
เราเขียนไว้ที่หัวกระทู้ว่า
มีกลิ่นตัว ไม่ได้กลิ่นตัวเอง แต่คนรอบข้างได้กลิ่น แต่พ่อแม่ครอบครัวคนใกล้ชิดไม่ได้กลิ่น อยากจะขออธิบายอย่างนี้
ปกติแล้ว เวลามีกลิ่นตัว เราก็จะได้กลิ่นตัวเอง หรือบางทีเราไม่ได้กลิ่นตัวเอง แต่คนรอบข้างใกล้ชิดก็จะได้กลิ่นใช่ไหม? แต่ TMA เนี่ยมันบ้ามาก เพราะบางคนก็ได้กลิ่น TMA บางคนก็ไม่ได้กลิ่น TMA ขึ้นอยู่กับ sense of smell ของแต่ละคน และบางคนอาจจะส่งกลิ่นไม่ตลอดเวลา อาจจะมีกลิ่นมาเป็นช่วงๆ ก็ได้
มีคนที่เป็น TMAU หลายๆคนมากๆ ถูกมองว่าบ้า หรือคิดไปเอง เพียงแค่เพราะว่า หมอหรือคนใกล้ชิดไม่ได้กลิ่นTMA คุณลองไปหาดูได้ในหลายๆเคสที่ผลตรวจปัสสาวะ หรือ gene ออกมาแล้วเป็น TMAU จริง แต่หมอผู้ที่ตรวจไม่ได้กลิ่นเลย เพราะฉะนั้นการที่จะตัดสินว่า มีกลิ่นจริงหรือไม่มีกลิ่น หรือการตัดสินว่าเป็น TMAU จริงหรือไม่นั้น ไม่สามารถตัดสินด้วยการดมกลิ่นได้ ถ้าคุณไปหาหมอ แล้วหมอบอกว่าคุณไม่ได้เป็น TMAU หรอก คุณคิดวิตกกังวลไปเอง เพียงเพราะว่า หมอดมแล้วไม่มีกลิ่น คุณตัดหมอคนนั้นไปได้เลย นั่นแสดงให้เห็นว่าหมอคนนั้นไม่มีความรู้เพียงพอ หรือไม่ก็ไม่รู้จักโรคนี้เลย เรามั่นใจได้เลยว่าหมอกว่า 90% ไม่รู้จักโรคนี้ (ก็ใช่น่ะสิ มันเป็นโรคหายากหนิ555)
โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าโรคนี้ไม่ได้เป็นโรคหายาก เราคิดว่าคนเป็นกันเยอะแต่แค่ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้เฉยๆมากกว่า จากการศึกษาพบว่าอุบัติการของโรคนี้ในประชากรที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งประกอบด้วยชนชาติอย่างน้อย 3 ชาติ ด้วยกัน คือ พม่า ไทย และ ลาว มีมากถึงร้อยละ 4 (อ้างอิงจากวารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ 27 ฉบับที่ 1
http://legacy.orst.go.th/wp-content/uploads/royin-ebook/93/FileUpload/103_1407.PDF ) ตอนนี้ประชากรไทยมี 66 ล้านคน (อ้างอิงจากประกาศสำนักทะเบียน ปี65) ลองคิดดูสิว่า ถ้ามีคนเป็นโรคนี้จะมีคนเป็นโรคนี้มากเท่าไหร่ในประเทศไทย? แต่มีเพียงแค่ไม่กี่เคสเท่านั้นที่ถูกรีพอร์ทในประเทศไทย ยกตัวอย่างเช่น
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4563423/ เคสนี้ที่พบที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
เราเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อให้คนไทยที่เป็นโรคนี้ที่กำลังหาว่าตัวเองเป็นอะไร ได้เจอข้อมูลที่เป็นภาษาไทย เพราะตัวเรากว่าจะหาโรคนี้เจอก็ใช้เวลามากกว่าสิบปีและเจอโดยการบังเอิญเจอบทความเกี่ยวกับโรคนี้เป็นภาษาอังกฤษ เราลองมาหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้เป็นภาษาไทย แล้วมีน้อยมากๆจนแทบไม่มี ซึ่งเราคิดว่ากว่าคนไทยที่เป็นโรคนี้จะพบว่าตัวเองเป็นโรคอะไร ก็คงจะต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเจอ
อีกโรคนึงที่อยากจะพูดถึง คือ People Are Allergic to Me หรือเรียกย่อๆว่า PATM ก็ตรงๆตัวตามชื่อเลยว่า people(คน) are allergic(แพ้) to me(ฉัน)
อาการของโรคนี้ก็คือ คนรอบข้าง จะมีอาการแพ้(allergic)ตัวเรา เวลาไปใกล้ใคร คนรอบข้างจะมีอาการแพ้ ถูจมูก คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล เชื่อกันว่ามีสารบางอย่างจากใน gut ของเรา ออกมาจากตัวเรา ทำให้คนรอบข้างเกิดอาการแพ้ โรคนี้ยังมีข้อมูลไม่มาก ก็ต้องรอต้องทำ research กันต่อไป ที่อยากพูดถึงโรคนี้ก็เพื่อให้คนที่กำลังเป็นโรคนี้ที่หาข้อมูลอยู่ ได้รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร เผชิญอยู่กับอะไร คุณไม่ได้ตัวคนเดียว และคุณไม่ได้เป็นบ้าหรือคิดไปเอง
ทั้งสองโรคนี้ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนที่เป็นอย่างมาก มีปัญหาต่างๆมากมาย เช่น ปัญหาทางสังคม ปัญหาทางครอบครัว ปัญหาทางจิตใจ โดยเฉพาะปัญหาทางจิตใจ หลายคนมีอาการ เครียด วิตกกังวล ไม่เข้าสังคม โรคซึมเศร้า คิดฆ่าตัวตาย บางคนอาจจะคิดว่ามันเป็นแค่ปัญหาเล็กๆน้อยๆ แค่ปัญหากลิ่นตัว แต่สิ่งที่คนที่เป็นต้องเผชิญมันทรมานมากเลยนะ ลองคิดดูสิว่าถ้าคนรอบข้างปฏิบัติกับคุณเหมือนขี้เดินได้อยู่ตลอดเวลา สังคมรังเกียจคุณ คนรอบตัวรังเกียจคุณ คุณจะรู้สึกยังไง ไม่มีใครรู้สึกดีหรอก จริงไหม? ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้หลายๆคนเห็นใจคนที่มีกลิ่นตัวเหม็นหน่อย ทั้งที่เป็นจากโรคนี้หรือโรคอื่นๆ หรือบางคนอาจจะไม่ได้เป็นโรคแต่มีกลิ่นตัวเหม็น ไม่มีใครอยากตัวเหม็นหรอกนะ เค้าอาจจะไม่ได้ไม่อาบน้ำอย่างที่คุณคิดก็ได้
คุณสามารถหาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ TMAU และ PATM เพิ่มเติม ได้จาก MEBO Research
https://www.meboblog.com/
https://meboresearch.org/
https://mebopatm.blogspot.com/
https://www.rareconnect.org/en/community/trimethylaminuria
*ถ้าเราเขียนอะไรผิดพลาดไป เราขอโทษด้วย
**เราไม่ใช่หมอ บางอย่างที่เขียนมาเป็นแค่ความคิดเห็นเราเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการเชื่อรับสาร
***คุณสามารถศึกษาข้อมูลทุกอย่างเพิ่มเติมได้ที่ MEBO Research
****หากมีคุณหมอหรือผู้ที่มีความรู้ท่านไหนอยากจะแก้ไขข้อมูลหรือไม่เห็นด้วยกับเราที่ตรงไหน สามารถบอกเราให้แก้ไขได้ตลอด ขอบคุณค่ะ
มีกลิ่นตัว ไม่ได้กลิ่นตัวเอง แต่คนรอบข้างได้กลิ่น แต่พ่อแม่ครอบครัวคนใกล้ชิดไม่ได้กลิ่น/อยู่ใกล้ใครคนรอบข้างจะมีอาการแพ้
เราเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อให้ข้อมูลแก่คนที่มีอาการเหล่านี้ คือ มีกลิ่นตัว / มีกลิ่นตัว ไม่ได้กลิ่นตัวเอง แต่คนรอบข้างได้กลิ่น แต่พ่อแม่ครอบครัวคนใกล้ชิดไม่ได้กลิ่น / อยู่ใกล้ใคร คนรอบข้างจะมีอาการแพ้ ถูจมูก คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล และกำลังตามหาคำตอบว่าตัวเองกำลังเป็นโรคอะไร
เราขอแยกออกเป็น 2 โรค คือ
1. Trimethylaminuria (TMAU) หรือ Fish Odor Syndrome/Fish Malodor Syndrome (FOS) โรคกลิ่นตัวเหม็น โรคกลิ่นตัวเหม็นเน่า โรคกลิ่นปลาเน่า
2. People Are Allergic to Me (PATM)
ถ้าคุณเป็นคนที่มีกลิ่นตัว รักษาความสะอาดก็แล้ว ทำอะไรก็แล้ว ก็ยังไม่หายสักที คุณอาจจะกำลังเป็นโรค Trimethylaminuria หรือเรียกย่อๆว่า TMAU หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า Fish Odor Syndrome/Fish Malodor Syndrome (FOS) โรคกลิ่นปลาเน่า
Trimethylaminuria (TMAU) เป็นโรคทาง metabolic หายาก เกิดจากการที่ร่างกายมีเอนไซน์ชื่อว่า flavin-containing monooxygenase 3 (FMO3) ไม่เพียงพอในการเปลี่ยน trimethylamine (TMA)(สารที่มีกลิ่นเหม็น) ไปเป็น trimethylamine oxide(TMAO)(สารที่ไม่มีกลิ่นเหม็น) เมื่อมี TMA(สารที่มีกลิ่นเหม็น)มาก ร่างกายก็จะขับสารนี้ออกมาทางเหงื่อ ปัสสาวะ และลมหายใจ ทำให้เกิดกลิ่นเหม็น เป็นกลิ่นตัวออกมา
TMAU แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. Primary trimethylaminuria เกิดจากการ mutation ของ FMO3 gene ทำให้ร่างกายมี FMO3 เอนไซน์ไม่เพียงพอ
ต่อการเปลี่ยน TMA เป็น TMAO (สารเหม็นเป็นสารไม่เหม็น)
2. Secondary trimethylaminuria แบบที่ 2 นี้ไม่ได้เกิดจาก genetic แต่เกิดจากการที่ร่างกายของเรามี TMA มากเกินไป
จนทำให้ร่างกายมี FMO3 เอนไซน์ไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยน TMA เป็น TMAO (สารเหม็นเป็นสารไม่เหม็น)
สาเหตุอาจเกิดจาก gut dysbiosis, altered metabolism หรือ hormonal causes
อันแรก Primary TMAU เกิดจากการ mutation ของ FMO3 gene บางคนอาจจะคิดว่า ต้องมีกลิ่นตัวเหม็นมาตั้งแต่เป็นทารกเลย เพราะมันเกิดจากการผิดปกติของ gene แต่จริงๆแล้วไม่จำเป็น บางคนอาจจะมามีอาการช่วงวัยรุ่นหรือตอนโตก็ได้ เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งมั่นใจแล้วคิดว่าเราไม่ได้มีกลิ่นตัวมาตั้งแต่เด็ก เราไม่ได้เป็น Primary TMAU หรอก
อันที่สอง Secondary TMAU อันนี้ไม่ได้เกิดจาก genetic แต่เกิดจากที่ร่างกายเรามีสาร TMA มากเกินไปจนไม่มี FMO3 enzyme เพียงพอที่จะเปลี่ยน TMA เป็น TMAO เกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่วนมากที่เห็นคือ gut dysbiosis
TMA เกิดจากการที่ bacteria ใน gut ของเราย่อยอาหารหลายชนิดที่เรากินเข้าไป เช่น ไข่ เนื้อ ถั่ว ผักต่างๆ เกิดเป็น TMA ซึ่งปกติแล้วจะถูกย่อยด้วย FMO3 enzyme แต่พอเรามี TMA มากเกินไปมากๆ FMO3 enzyme ที่เรามีก็ไม่เพียงพอในการย่อย เราเลยขับ TMA ออกมาทางเหงื่อ ปัสสาวะ และลมหายใจของเรา
gut dysbiosis ก็คือการที่ gut ของเรามี bacteria ที่ไม่ดีมากกว่า bacteria ที่ดี ซึ่ง bacteria พวกนี้ก็จะไปย่อยอาหารที่เรากินเข้าไป เป็น TMA ถ้ามี bacteria ที่ไม่ดีมากๆ เราก็จะผลิต TMA ออกมามากเกิน จนเราต้องขับออกทางเหงื่อ ปัสสาวะ และลมหายใจ
บางคนเกิด secondary tmau หลังจากการกิน antibiotic หรือยาปฏิชีวนะ เวลาเรากิน antibiotic เข้าไป มันเข้าไปฆ่า bacteria ทั้งหมด ทั้ง bacteria ดีและไม่ดี ส่งผลกระทบต่อ gut ของเรา ทำให้เกิด gut dysbiosis แล้วก็เกิดเป็น secondary tmau ตามมา
เราเขียนไว้ที่หัวกระทู้ว่า มีกลิ่นตัว ไม่ได้กลิ่นตัวเอง แต่คนรอบข้างได้กลิ่น แต่พ่อแม่ครอบครัวคนใกล้ชิดไม่ได้กลิ่น อยากจะขออธิบายอย่างนี้
ปกติแล้ว เวลามีกลิ่นตัว เราก็จะได้กลิ่นตัวเอง หรือบางทีเราไม่ได้กลิ่นตัวเอง แต่คนรอบข้างใกล้ชิดก็จะได้กลิ่นใช่ไหม? แต่ TMA เนี่ยมันบ้ามาก เพราะบางคนก็ได้กลิ่น TMA บางคนก็ไม่ได้กลิ่น TMA ขึ้นอยู่กับ sense of smell ของแต่ละคน และบางคนอาจจะส่งกลิ่นไม่ตลอดเวลา อาจจะมีกลิ่นมาเป็นช่วงๆ ก็ได้
มีคนที่เป็น TMAU หลายๆคนมากๆ ถูกมองว่าบ้า หรือคิดไปเอง เพียงแค่เพราะว่า หมอหรือคนใกล้ชิดไม่ได้กลิ่นTMA คุณลองไปหาดูได้ในหลายๆเคสที่ผลตรวจปัสสาวะ หรือ gene ออกมาแล้วเป็น TMAU จริง แต่หมอผู้ที่ตรวจไม่ได้กลิ่นเลย เพราะฉะนั้นการที่จะตัดสินว่า มีกลิ่นจริงหรือไม่มีกลิ่น หรือการตัดสินว่าเป็น TMAU จริงหรือไม่นั้น ไม่สามารถตัดสินด้วยการดมกลิ่นได้ ถ้าคุณไปหาหมอ แล้วหมอบอกว่าคุณไม่ได้เป็น TMAU หรอก คุณคิดวิตกกังวลไปเอง เพียงเพราะว่า หมอดมแล้วไม่มีกลิ่น คุณตัดหมอคนนั้นไปได้เลย นั่นแสดงให้เห็นว่าหมอคนนั้นไม่มีความรู้เพียงพอ หรือไม่ก็ไม่รู้จักโรคนี้เลย เรามั่นใจได้เลยว่าหมอกว่า 90% ไม่รู้จักโรคนี้ (ก็ใช่น่ะสิ มันเป็นโรคหายากหนิ555)
โดยส่วนตัวแล้ว เราคิดว่าโรคนี้ไม่ได้เป็นโรคหายาก เราคิดว่าคนเป็นกันเยอะแต่แค่ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้เฉยๆมากกว่า จากการศึกษาพบว่าอุบัติการของโรคนี้ในประชากรที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งประกอบด้วยชนชาติอย่างน้อย 3 ชาติ ด้วยกัน คือ พม่า ไทย และ ลาว มีมากถึงร้อยละ 4 (อ้างอิงจากวารสารราชบัณฑิตยสถาน ปีที่ 27 ฉบับที่ 1 http://legacy.orst.go.th/wp-content/uploads/royin-ebook/93/FileUpload/103_1407.PDF ) ตอนนี้ประชากรไทยมี 66 ล้านคน (อ้างอิงจากประกาศสำนักทะเบียน ปี65) ลองคิดดูสิว่า ถ้ามีคนเป็นโรคนี้จะมีคนเป็นโรคนี้มากเท่าไหร่ในประเทศไทย? แต่มีเพียงแค่ไม่กี่เคสเท่านั้นที่ถูกรีพอร์ทในประเทศไทย ยกตัวอย่างเช่น https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC4563423/ เคสนี้ที่พบที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
เราเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อให้คนไทยที่เป็นโรคนี้ที่กำลังหาว่าตัวเองเป็นอะไร ได้เจอข้อมูลที่เป็นภาษาไทย เพราะตัวเรากว่าจะหาโรคนี้เจอก็ใช้เวลามากกว่าสิบปีและเจอโดยการบังเอิญเจอบทความเกี่ยวกับโรคนี้เป็นภาษาอังกฤษ เราลองมาหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้เป็นภาษาไทย แล้วมีน้อยมากๆจนแทบไม่มี ซึ่งเราคิดว่ากว่าคนไทยที่เป็นโรคนี้จะพบว่าตัวเองเป็นโรคอะไร ก็คงจะต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเจอ
อีกโรคนึงที่อยากจะพูดถึง คือ People Are Allergic to Me หรือเรียกย่อๆว่า PATM ก็ตรงๆตัวตามชื่อเลยว่า people(คน) are allergic(แพ้) to me(ฉัน)
อาการของโรคนี้ก็คือ คนรอบข้าง จะมีอาการแพ้(allergic)ตัวเรา เวลาไปใกล้ใคร คนรอบข้างจะมีอาการแพ้ ถูจมูก คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล เชื่อกันว่ามีสารบางอย่างจากใน gut ของเรา ออกมาจากตัวเรา ทำให้คนรอบข้างเกิดอาการแพ้ โรคนี้ยังมีข้อมูลไม่มาก ก็ต้องรอต้องทำ research กันต่อไป ที่อยากพูดถึงโรคนี้ก็เพื่อให้คนที่กำลังเป็นโรคนี้ที่หาข้อมูลอยู่ ได้รู้ว่าตัวเองกำลังเป็นอะไร เผชิญอยู่กับอะไร คุณไม่ได้ตัวคนเดียว และคุณไม่ได้เป็นบ้าหรือคิดไปเอง
ทั้งสองโรคนี้ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนที่เป็นอย่างมาก มีปัญหาต่างๆมากมาย เช่น ปัญหาทางสังคม ปัญหาทางครอบครัว ปัญหาทางจิตใจ โดยเฉพาะปัญหาทางจิตใจ หลายคนมีอาการ เครียด วิตกกังวล ไม่เข้าสังคม โรคซึมเศร้า คิดฆ่าตัวตาย บางคนอาจจะคิดว่ามันเป็นแค่ปัญหาเล็กๆน้อยๆ แค่ปัญหากลิ่นตัว แต่สิ่งที่คนที่เป็นต้องเผชิญมันทรมานมากเลยนะ ลองคิดดูสิว่าถ้าคนรอบข้างปฏิบัติกับคุณเหมือนขี้เดินได้อยู่ตลอดเวลา สังคมรังเกียจคุณ คนรอบตัวรังเกียจคุณ คุณจะรู้สึกยังไง ไม่มีใครรู้สึกดีหรอก จริงไหม? ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้หลายๆคนเห็นใจคนที่มีกลิ่นตัวเหม็นหน่อย ทั้งที่เป็นจากโรคนี้หรือโรคอื่นๆ หรือบางคนอาจจะไม่ได้เป็นโรคแต่มีกลิ่นตัวเหม็น ไม่มีใครอยากตัวเหม็นหรอกนะ เค้าอาจจะไม่ได้ไม่อาบน้ำอย่างที่คุณคิดก็ได้
คุณสามารถหาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับ TMAU และ PATM เพิ่มเติม ได้จาก MEBO Research
https://www.meboblog.com/
https://meboresearch.org/
https://mebopatm.blogspot.com/
https://www.rareconnect.org/en/community/trimethylaminuria
*ถ้าเราเขียนอะไรผิดพลาดไป เราขอโทษด้วย
**เราไม่ใช่หมอ บางอย่างที่เขียนมาเป็นแค่ความคิดเห็นเราเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการเชื่อรับสาร
***คุณสามารถศึกษาข้อมูลทุกอย่างเพิ่มเติมได้ที่ MEBO Research
****หากมีคุณหมอหรือผู้ที่มีความรู้ท่านไหนอยากจะแก้ไขข้อมูลหรือไม่เห็นด้วยกับเราที่ตรงไหน สามารถบอกเราให้แก้ไขได้ตลอด ขอบคุณค่ะ