สวัสดีสมาชิกทุกท่านอีกครั้ง หลังจากหายไปนาน ก็ตามหัวข้อเลย บังเอิญได้รถ Yamaha Grand Filano Hybrid มาใช้งานชั่วคราวเป็นเวลา 3 วัน เลยอยากมาแชร์ความแตกต่างจากตัว Grand Filano ธรรมดาที่สัมผัสได้จากการใช้งาน
ซึ่งไหนๆช่วงนี้ก็ว่าง เลยเอาไปลองสักหน่อย กำลังอยากกินกาแฟอยู่พอดี
ยังไม่ชินรถ เลยใกล้ๆพอ All About Coffee ซอยงามวงศ์วาน 47 หรือที่คนแถวนี้ชอบเรียกเหมารวมว่าชินเขตนั่นแหละ เผื่อใครอยู่แถวนี้แล้วอยากตามจิ้มดูใน Google Map ตรงนี้เลยนะฮะ >>
https://goo.gl/maps/J9wR4Er71LEPK9V37
เป็นคาเฟ่ชิลๆท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้า มีอาหารกับขนมด้วยนะ แต่อิ่มอยู่ เลยได้ลองแค่กาแฟ ซึ่งรสชาติก็ถือว่าใช้ได้ กับราคา 50 บาท แต่คนที่ไม่ชอบเข้มมากอาจจะไม่ถูกใจนัก
อเมริกาโนไม่หวานจ้า
วันแรกจบแค่นี้แหละ กลัวฝนตก สิ่งที่สัมผัสได้ก่อนเลยก็คือ เสียงสตาร์ทโคตรเงียบ เงียบจนนึกว่าไม่มีมอเตอร์สตาร์ทแล้ว ที่สำคัญเสียงเครื่องยนต์ก็เงียบลงกว่าตัวเดิมไปพอสมควร เรียกได้ว่าแอบสตาร์ทเครื่องออกจากบ้านกลางดึกก็ไม่น่าจะมีใครได้ยินอ่ะ 55555
มาต่อกันวันที่สอง คราวนี้เอาไปวิ่งไกลหน่อย อยากสัมผัสขุมพลังไฮบริด ที่แม้มันจะเป็นเพียงชุดมอเตอร์ไฟฟ้าอันเล็กๆที่เฟืองท้าย แต่เชื่อผมเถอะ มันกลับส่งกำลังให้รถสามารถออกตัวได้ดีกว่าเดิม แถมอัตราเร่งก็ดีกว่าเดิมไปด้วยซึ่งเครื่องยนต์น่าจะถูกปรับแต่งมาใหม่เพื่อให้มันทำงานสัมพันธ์กับพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากเฟืองท้าย เรียกได้ว่าหมดห่วงหากต้องการจะแซงรถช้า หรือต้องการทำเวลาขณะเดินทาง
สีรถก็หวาน สีหมวกก็หวาน รู้สึกขัดกับตัวเอง ฮ่าๆ
ก่อนเอาไปลองอัตราเร่ง ขอแวะพักหายใจแปป ร้อนเหลือเกิน! พอออกแดดแล้วสีสวยเหมือนกันนะเราอะ
และจุดนี้ก็ได้ลองอัตราเร่งเล็กน้อย บอกเลยว่าโคตรชอบ รอบดีเดินเครื่องไม่สะดุดไหลได้ยาวๆ แต่พอเข็มถึง 40 ก็ยกละจ้า ถนนสาธารณะ ไม่ดีๆ อันตราย เอาแค่พอได้สัมผัสขุมพลัง 125cc BlueCoreHybrid ก็พอ
เอาตรงๆนะ พอกลับถึงบ้าน อยากได้เพิ่มอีกคันเลย ถูกใจข้าน้อยยิ่งนัก!
และงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา วันสุดท้ายของการได้ครอบครองเจ้า Grand Filano Hybrid ก็มานั่งคิดว่าไปไหนดีนะ ก็มานึกขึ้นได้ว่ามีเพื่อนอีกคน มันก็เพิ่งลาออกจากงาน และกำลังรอผลสัมภาษณ์งานใหม่อยู่ เลยขอเป็นสายมูวันนึงแล้วกัน พอดีกับที่มีความอยากไปลองกาแฟที่คาเฟ่ของวัดเสมียนนารีอยู่พอดิบพอดี
ตี้เข้าวัดทำบุญและชิมกาแฟก็เลยเกิดขึ้นมา ไปครับ!!
วันนี้ขอเปลี่ยนหมวกหน่อย ชิลด์ใสมันแสบตา
ถึงแล้ว รถมอเตอร์ไซค์สามารถเข้ามาจอดข้างในตรงบริเวณหน้าร้านกาแฟได้นะ ส่วนร้านแฟชื่อเสมียนขำ คอฟฟี่ แต่ก่อนอื่น ขอไปทำบุญแปป
ศาลาสำหรับทำบุญ เรียกได้ว่าแทบจะ All in One ในที่เดียว ใครอยากถวายสังฆทาน/ถวายปัจจัย ด้านในมีพร้อม ส่วนใครมักน้อยด้านหน้าก็มีซุ้มบริจาคโลงศพ และเติมน้ำมันตะเกียง
และใช่ เรามักน้อย ฮ่าๆ ขอเติมน้ำมันตะเกียง 12 นักษัตรประจำปีเกิดพอ
ขอบคุณเพื่อนที่ถ่ายให้ นานๆจะมีรูปทำบุญกับเขามั่ง
แน่นอนฮะ จุดประสงค์หลักเราคือร้านกาแฟ เพราะเราอยากลองมานาน แต่ยังไม่มีโอกาส วันนี้มีโอกาสได้มาสักที
ภายในกว้างระดับนึง นั่งสบาย แอร์เย็นฉ่ำ
อีกมุมนั่งบริเวณทางเข้าร้าน
มีที่มาของชื่อเสมียนขำให้ศึกษากันด้วยล่ะ
เช่นเดิม อเมริกาโน่เย็นไม่หวาน รสชาติดีเลยล่ะ ฝาเป็นแบบยกดื่ม ใครไม่ชอบก็มีหลอดให้หยิบ เรียกว่าตามสะดวกกันได้เลย
ฮั่นแน่ แค่เพื่อนน่ะแม่ ปกติเพื่อนเราไม่ค่อยดื่มกาแฟนะ แต่นางบอกว่าร้านนี้โอเคเลย เพราะกินแล้วไม่ปวดหัว ปกติถ้าไปเจอร้านใช้เมล็ดกาแฟไม่ดีนางจะปวดหัวถ้ากินกาแฟ ฮ่าๆ
สุดท้ายก่อนจากลา
3 วันกับ Grand Filano Hybrid อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าอยากลองเทียบความต่างขณะขับขี่กับรถตัวเองซึ่งเป็น Grand Filano ตัวปกติ มาสรุปให้สั้นๆเลยก็ได้ว่า เครื่องดีกว่าเดิม อัตราเร่งมาไวกว่า รอบเครื่องยนต์เดินได้นิ่งกว่า
ระบบ One Push Start นอกจากจะสตาร์ทเครื่องได้ง่ายกว่าเดิมด้วยการกดลงไปเพียงครั้งเดียว ยังไร้เสียงมอเตอร์สตาร์ทรบกวนอีกด้วย ที่สำคัญเจ้านี่มีระบบ Stop&Start System มาให้แล้ว พอรถหยุดนิ่ง นับ 1-3 เครื่องยนต์ก็จะดับ ช่วยประหยัดน้ำมันขณะติดไฟแดงไปได้อีกพอสมควร และเพียงเราบิดคันเร่งเพียงเล็กน้อย เครื่องยนต์ก็จะกลับมาทำงานและออกตัวได้อย่างสมูท ไม่มีอาการสะดุดให้เห็น
เปิด-ปิดได้ด้วยนะ สำหรับ Stop&Start System เผื่อใครไม่ชอบให้รถเงียบขณะจอดติดไฟแดง ฮ่าาาา
สัญลักษณ์ระบบ Stop&Start System หากเราเปิดให้มันทำงาน นั่นก็คือไฟสีเขียวพร้อมอักษร A และ ลูกศรวนจะติดขึ้นมา และเมื่อเราจอดรถ เจ้าไฟนี้จะกระพริบเพื่อแสดงให้เราเห็นว่า ระบบกำลังทำงานและเครื่องยนต์ดับอยู่นะ แต่เมื่อบิดคันเร่งเพื่อออกตัวหรือให้เครื่องกลับมาติด ไฟนี้ก็จะติดค้างไม่กระพริบให้รู้สึกรำคาญสายตา
ความสะดวกสบายที่สุดก็คงต้องยกให้เจ้านี่ ระบบกุญแจแบบ Smart Key หรือที่เราชอบเรียกกันติดปากว่า คีย์เลส หรือ กุญแจรีโมต นั่นแหละ เพียงเราพกติดตัวไว้ แค่ใช้มือบิดสวิตช์ Multi Functions ที่มาแทนที่ช่องเสียบกุญแจ เราก็จะสามารถเปิด-ปิดระบบ เปิดใต้เบาะ เปิดฝาถังน้ำมัน และล็อกรถได้เพียงมือบิด
แต่อย่าทำหายเชียวล่ะ ไม่งั้นคงต้องวานให้เพื่อนที่มีรถกระบะมาขนไปให้แทน
สวิตช์ Multi Functions ที่ผมชอบเรียกมันว่าหัวเตาแก๊ส 55555 อ้อ มีช่อง USB ให้ชาร์จโทรศัพท์ด้วย เสียดายไม่ได้ลองใช้ เพราะไม่ได้ออกไปไหนไกล
ช่วงที่บิดจาก Off ไป Open มันจะต้องมีจังหวะกดลงไปเล็กน้อยให้มีเสียงแกร๊กแล้วค่อยบิด อย่าฝืนบิดไปซ้ายโดยไม่กดนะ เดี๋ยวมันจะพังก่อนเวลาอันควร
ตัวกุญแจ Smart Key ใช้ปลดล็อกและกดเรียกหารถได้เหมือนเดิม
สุดท้ายแบบท้ายสุด ใครอยากหารถคันเล็กๆไว้ใช้งาน แนะนำเลยฮะ ขี่สนุก ลุกนั่งสบาย ขนของก็ได้ ขี่ไกลก็ดี แถมประหยัดน้ำมันโคตรๆ ที่กล่าวไว้ว่าอยากมีเพิ่มอีกคันไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะรถมันตอบสนองการใช้งานทั่วไปได้อย่างดีเยี่ยมจริงๆ
ปล.แอบชอบเสียงเครื่องที่มีเสียงวี๊ดๆออกมาด้วย เสมือนกำลังขี่รถมอเตอร์ล้ำยุคในหนังแอ็คชั่น-ไซไฟ ฮ่าๆ ขอบคุณที่อ่านกันมาจนจบ
สวัสดีครับ
[CR] ความต่างที่สัมผัสได้ระหว่างสองล้อเครื่องไฮบริดกับสันดาปล้วน
ซึ่งไหนๆช่วงนี้ก็ว่าง เลยเอาไปลองสักหน่อย กำลังอยากกินกาแฟอยู่พอดี
ยังไม่ชินรถ เลยใกล้ๆพอ All About Coffee ซอยงามวงศ์วาน 47 หรือที่คนแถวนี้ชอบเรียกเหมารวมว่าชินเขตนั่นแหละ เผื่อใครอยู่แถวนี้แล้วอยากตามจิ้มดูใน Google Map ตรงนี้เลยนะฮะ >> https://goo.gl/maps/J9wR4Er71LEPK9V37
เป็นคาเฟ่ชิลๆท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้า มีอาหารกับขนมด้วยนะ แต่อิ่มอยู่ เลยได้ลองแค่กาแฟ ซึ่งรสชาติก็ถือว่าใช้ได้ กับราคา 50 บาท แต่คนที่ไม่ชอบเข้มมากอาจจะไม่ถูกใจนัก
อเมริกาโนไม่หวานจ้า
วันแรกจบแค่นี้แหละ กลัวฝนตก สิ่งที่สัมผัสได้ก่อนเลยก็คือ เสียงสตาร์ทโคตรเงียบ เงียบจนนึกว่าไม่มีมอเตอร์สตาร์ทแล้ว ที่สำคัญเสียงเครื่องยนต์ก็เงียบลงกว่าตัวเดิมไปพอสมควร เรียกได้ว่าแอบสตาร์ทเครื่องออกจากบ้านกลางดึกก็ไม่น่าจะมีใครได้ยินอ่ะ 55555
มาต่อกันวันที่สอง คราวนี้เอาไปวิ่งไกลหน่อย อยากสัมผัสขุมพลังไฮบริด ที่แม้มันจะเป็นเพียงชุดมอเตอร์ไฟฟ้าอันเล็กๆที่เฟืองท้าย แต่เชื่อผมเถอะ มันกลับส่งกำลังให้รถสามารถออกตัวได้ดีกว่าเดิม แถมอัตราเร่งก็ดีกว่าเดิมไปด้วยซึ่งเครื่องยนต์น่าจะถูกปรับแต่งมาใหม่เพื่อให้มันทำงานสัมพันธ์กับพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากเฟืองท้าย เรียกได้ว่าหมดห่วงหากต้องการจะแซงรถช้า หรือต้องการทำเวลาขณะเดินทาง
สีรถก็หวาน สีหมวกก็หวาน รู้สึกขัดกับตัวเอง ฮ่าๆ
ก่อนเอาไปลองอัตราเร่ง ขอแวะพักหายใจแปป ร้อนเหลือเกิน! พอออกแดดแล้วสีสวยเหมือนกันนะเราอะ
และจุดนี้ก็ได้ลองอัตราเร่งเล็กน้อย บอกเลยว่าโคตรชอบ รอบดีเดินเครื่องไม่สะดุดไหลได้ยาวๆ แต่พอเข็มถึง 40 ก็ยกละจ้า ถนนสาธารณะ ไม่ดีๆ อันตราย เอาแค่พอได้สัมผัสขุมพลัง 125cc BlueCoreHybrid ก็พอ
เอาตรงๆนะ พอกลับถึงบ้าน อยากได้เพิ่มอีกคันเลย ถูกใจข้าน้อยยิ่งนัก!
และงานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา วันสุดท้ายของการได้ครอบครองเจ้า Grand Filano Hybrid ก็มานั่งคิดว่าไปไหนดีนะ ก็มานึกขึ้นได้ว่ามีเพื่อนอีกคน มันก็เพิ่งลาออกจากงาน และกำลังรอผลสัมภาษณ์งานใหม่อยู่ เลยขอเป็นสายมูวันนึงแล้วกัน พอดีกับที่มีความอยากไปลองกาแฟที่คาเฟ่ของวัดเสมียนนารีอยู่พอดิบพอดี
ตี้เข้าวัดทำบุญและชิมกาแฟก็เลยเกิดขึ้นมา ไปครับ!!
วันนี้ขอเปลี่ยนหมวกหน่อย ชิลด์ใสมันแสบตา
ถึงแล้ว รถมอเตอร์ไซค์สามารถเข้ามาจอดข้างในตรงบริเวณหน้าร้านกาแฟได้นะ ส่วนร้านแฟชื่อเสมียนขำ คอฟฟี่ แต่ก่อนอื่น ขอไปทำบุญแปป
ศาลาสำหรับทำบุญ เรียกได้ว่าแทบจะ All in One ในที่เดียว ใครอยากถวายสังฆทาน/ถวายปัจจัย ด้านในมีพร้อม ส่วนใครมักน้อยด้านหน้าก็มีซุ้มบริจาคโลงศพ และเติมน้ำมันตะเกียง
และใช่ เรามักน้อย ฮ่าๆ ขอเติมน้ำมันตะเกียง 12 นักษัตรประจำปีเกิดพอ
ขอบคุณเพื่อนที่ถ่ายให้ นานๆจะมีรูปทำบุญกับเขามั่ง
แน่นอนฮะ จุดประสงค์หลักเราคือร้านกาแฟ เพราะเราอยากลองมานาน แต่ยังไม่มีโอกาส วันนี้มีโอกาสได้มาสักที
ภายในกว้างระดับนึง นั่งสบาย แอร์เย็นฉ่ำ
อีกมุมนั่งบริเวณทางเข้าร้าน
มีที่มาของชื่อเสมียนขำให้ศึกษากันด้วยล่ะ
เช่นเดิม อเมริกาโน่เย็นไม่หวาน รสชาติดีเลยล่ะ ฝาเป็นแบบยกดื่ม ใครไม่ชอบก็มีหลอดให้หยิบ เรียกว่าตามสะดวกกันได้เลย
ฮั่นแน่ แค่เพื่อนน่ะแม่ ปกติเพื่อนเราไม่ค่อยดื่มกาแฟนะ แต่นางบอกว่าร้านนี้โอเคเลย เพราะกินแล้วไม่ปวดหัว ปกติถ้าไปเจอร้านใช้เมล็ดกาแฟไม่ดีนางจะปวดหัวถ้ากินกาแฟ ฮ่าๆ
สุดท้ายก่อนจากลา
3 วันกับ Grand Filano Hybrid อย่างที่กล่าวไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าอยากลองเทียบความต่างขณะขับขี่กับรถตัวเองซึ่งเป็น Grand Filano ตัวปกติ มาสรุปให้สั้นๆเลยก็ได้ว่า เครื่องดีกว่าเดิม อัตราเร่งมาไวกว่า รอบเครื่องยนต์เดินได้นิ่งกว่า
ระบบ One Push Start นอกจากจะสตาร์ทเครื่องได้ง่ายกว่าเดิมด้วยการกดลงไปเพียงครั้งเดียว ยังไร้เสียงมอเตอร์สตาร์ทรบกวนอีกด้วย ที่สำคัญเจ้านี่มีระบบ Stop&Start System มาให้แล้ว พอรถหยุดนิ่ง นับ 1-3 เครื่องยนต์ก็จะดับ ช่วยประหยัดน้ำมันขณะติดไฟแดงไปได้อีกพอสมควร และเพียงเราบิดคันเร่งเพียงเล็กน้อย เครื่องยนต์ก็จะกลับมาทำงานและออกตัวได้อย่างสมูท ไม่มีอาการสะดุดให้เห็น
เปิด-ปิดได้ด้วยนะ สำหรับ Stop&Start System เผื่อใครไม่ชอบให้รถเงียบขณะจอดติดไฟแดง ฮ่าาาา
สัญลักษณ์ระบบ Stop&Start System หากเราเปิดให้มันทำงาน นั่นก็คือไฟสีเขียวพร้อมอักษร A และ ลูกศรวนจะติดขึ้นมา และเมื่อเราจอดรถ เจ้าไฟนี้จะกระพริบเพื่อแสดงให้เราเห็นว่า ระบบกำลังทำงานและเครื่องยนต์ดับอยู่นะ แต่เมื่อบิดคันเร่งเพื่อออกตัวหรือให้เครื่องกลับมาติด ไฟนี้ก็จะติดค้างไม่กระพริบให้รู้สึกรำคาญสายตา
ความสะดวกสบายที่สุดก็คงต้องยกให้เจ้านี่ ระบบกุญแจแบบ Smart Key หรือที่เราชอบเรียกกันติดปากว่า คีย์เลส หรือ กุญแจรีโมต นั่นแหละ เพียงเราพกติดตัวไว้ แค่ใช้มือบิดสวิตช์ Multi Functions ที่มาแทนที่ช่องเสียบกุญแจ เราก็จะสามารถเปิด-ปิดระบบ เปิดใต้เบาะ เปิดฝาถังน้ำมัน และล็อกรถได้เพียงมือบิด
แต่อย่าทำหายเชียวล่ะ ไม่งั้นคงต้องวานให้เพื่อนที่มีรถกระบะมาขนไปให้แทน
สวิตช์ Multi Functions ที่ผมชอบเรียกมันว่าหัวเตาแก๊ส 55555 อ้อ มีช่อง USB ให้ชาร์จโทรศัพท์ด้วย เสียดายไม่ได้ลองใช้ เพราะไม่ได้ออกไปไหนไกล
ช่วงที่บิดจาก Off ไป Open มันจะต้องมีจังหวะกดลงไปเล็กน้อยให้มีเสียงแกร๊กแล้วค่อยบิด อย่าฝืนบิดไปซ้ายโดยไม่กดนะ เดี๋ยวมันจะพังก่อนเวลาอันควร
ตัวกุญแจ Smart Key ใช้ปลดล็อกและกดเรียกหารถได้เหมือนเดิม
สุดท้ายแบบท้ายสุด ใครอยากหารถคันเล็กๆไว้ใช้งาน แนะนำเลยฮะ ขี่สนุก ลุกนั่งสบาย ขนของก็ได้ ขี่ไกลก็ดี แถมประหยัดน้ำมันโคตรๆ ที่กล่าวไว้ว่าอยากมีเพิ่มอีกคันไม่ใช่เรื่องโกหก เพราะรถมันตอบสนองการใช้งานทั่วไปได้อย่างดีเยี่ยมจริงๆ
ปล.แอบชอบเสียงเครื่องที่มีเสียงวี๊ดๆออกมาด้วย เสมือนกำลังขี่รถมอเตอร์ล้ำยุคในหนังแอ็คชั่น-ไซไฟ ฮ่าๆ ขอบคุณที่อ่านกันมาจนจบ
สวัสดีครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้