อีก1หนังรักตัวท็อป จากแดนปลาดิบหรือประเทศญี่ปุ่นที่ควรค่าแก่การรับชมอย่างมาก
//ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้เขียนรีวิวหนังมานาน หากผิดพลาด ตกหล่น หรือไม่ลื่นไหลอย่างไร ขออภัยด้วยครับ//
เนื้อเรื่อง
ถึงตัวหนังช่วงแรกจะดูอืดและยืดไปหน่อยถ้าเทียบกับหนังรักปกติ แต่สำหรับผมที่ได้ดูหนังเรื่องนี้จนจบ ทุกวินาทีที่ตัวหนังถ่ายออกมามันมีความหมายทั้งหมด
จริงๆชื่อเรื่องก็สปอยเราไว้อยู่แล้วว่าไม่ว่าทางไหนนางเอกหรือ มัตสึริ ก็ต้องจากไปอยู่ดี แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือในเวลาที่เหลืออยู่ของเธอ จะปล่อยผ่านไปและหวังแค่ว่าจุดจบมันจะมาถึงก่อนเธอจะเริ่มรู้สึก"อยากมีชีวิตต่อ" หรือ สร้างความทรงจำที่สวยงามแม้จะเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากตายแต่ก็คิดว่าดีแล้วที่ได้ทำแม้จะตายไป ถือเป็นทางเลือกที่ตัวหนังสื่อออกมาได้ดีจริงๆ โดยตัวหนังจะคล้ายๆ ไล่โทนสีจากมืดมิดไปสู่สีที่สว่างสดใสจากการแสดงและตัวบท
ในช่วงแรกจะเล่าถึง2ตลค.คือ คาซูโตะ และ มัตสึริ ที่ทั้งคู่เองต่างก็มีชีวิตที่อยู่เพื่อความตาย จะต่างกันเพียงแค่ คาซุ ไม่ได้เป็นโรคอะไรแต่ต้องการจะตายเพราะหมดอาลัยตายอยาก ศูนย์เสียเป้าหมายที่รู้สึกอยากมีชีวิตอยู่ ส่วนมัตสึริ ที่รู้ว่าตัวเองอยู่ได้ไม่นานจึงไม่อยากสร้างหรือผูกสัมพันธ์กับใครเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่กลัวที่จะตาย
จากนั้นโทนหนังจะเปลี่ยนตั้งแต่ทั้ง2มาเจอกันที่งานเลี้ยงรุ่น ได้พูดคุยกัน ได้รู้ปัญหาของกันและกัน ทำให้รู้สึกพูกพันธ์ แม้ตัวมัตสึริเองจะรู้สึกว่ามีใจให้ แต่ก็คอยปฏิเสธหัวใจตัวเองตลอด นอกจากนี้ตัวหนังเองก็ให้เราได้เห็นโมเม้นต่างๆที่ทำเอาอดไม่ได้จริงๆที่คนดูอย่างเรารู้สึกมีความสุขจนร้องไห้ จนเผลอลืมไปว่านางเอกเราสุดท้ายก็ต้องตาย จุดนี้เองที่ทำให้เรามีความพูกพันธ์กับตลค.แบบไม่ทันตั้งตัว
ในโค้งสุดท้ายก่อนหนังจบ ผมไม่สามารถอธิบายให้ละเอียดได้จริงๆ มันเป็นความรู้สึกที่ว่า ทั้ง2คนที่มีจุดเริ่มต้นคือหมดแพทชั่นในการมีชีวิต ได้มาเจอกัน มีโมเม้นและความรู้สึกดีๆร่วมกันจนวาระสุดท้ายของอีกฝ่าย ทั้ง2ผลัดกันฉุดแต่ละฝ่ายขึ้นมาให้ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง แม้จะแลกมาด้วยความเศร้าที่ไม่อาจทำให้ความสัมพันธ์นี้ไปถึงจุดที่สมบูรณ์แบบที่สุดได้ แต่ก็รู้สึกว่ามันดีแล้วจริงๆที่ตัดสินใจทำแบบนั้น ทุกความรู้สึกที่พุ่งเข้าใส่คนดูอย่างเรามันเกินกว่าจะกลั้นน้ำตาที่เต็มไปด้วยความสุขและเศร้านี้ได้
โดยรวมตัวหนังวางองค์ประกอบมาอย่างพิถีพิถันมาก และยังทำให้เราเห็นว่าชีวิตธรรมดาๆของใครสักคนอาจเป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษที่มีค่าอย่างมหาศาลโดยที่เราไม่เคยรู้สึกมาก่อน เวลาที่เรามีให้คนที่วิเศษสำหรับเรามันมีค่าทุกวินาทีจนไม่อยากที่จะลืมและไม่อยากที่จะให้มันหายไปแม้จะเหลือเพียงวิดิโอ ภาพถ่าย หรือเพียงความทรงจำและความรู้สึกที่ยังตราตรึงในจิตใจก็ตาม
เพลง
ในส่วนของเพลงประกอบที่ได้RADWIMPSมาบรรเลงให้นั้น ส่วนตัวให้ฟีลแบบviolet evergardenผสมกับsummer ghostมากๆ ทั้งทำนองและความรู้สึกที่ได้ มันทำให้ตัวหนังสื่ออารมณ์แต่ละฉากได้ดีอย่างหาที่สุดมิได้ และที่ต้องอวยเป็นพิเศษคือเพลงจบอย่างうるうびと ตอนไปดูในโรงแล้วเพลงนี้ขึ้นในฉากสุดท้าย ผมนั่งร้องไห้หนักมากๆแบบถ้าไม่กลั้นเสียงไว้มีโดนด่าแน่ๆ ฮา
ลิงค์เพลง
งานภาพ
ความพยายาม1ปีในการถ่ายภาพ4ฤดูนั้น ไม่ศูนย์เปล่าเลยครับ ทุกฉากล้วนเต็มไปด้วยความหมาย ความรู้สึกที่เอ่อล้นจนกลั้นไม่อยู่ ความพูกพันธ์ที่เล่าผ่านฤดูกาลที่ผ่านพ้น แม้จะเป็นนาฬิกานับถอยหลังแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความสวยงามของฤดูกาลที่ผ่านไปจนเผลอคิดว่า นี้มันหนังรักที่ทั้งคู่จะสมหวังสินะ เลยล่ะครับ
เสริม
มีบางช่วงในหนังจะบอกกับเราอยู่ว่า ชีวิตเรามีแค่ชีวิตเดียว ใช้ชีวิตให้เต็มที่นะ
ถึงจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็อย่าลืมสนุกกับการใช้ชีวิตละ” แต่โลกจริงมันไม่ได้สวยหรูหรือง่ายดายแบบที่พูดมาเลย ทั้งการทำตามฝันแลัการใช้ชีวิตถึงแบบนั้นตัวหนังเองก็ให้กำลังใจเรา จะยอมแพ้บ้างก็ได้ แต่ต้องมูฟออนและทำมันให้สำเร็จล่ะ
คำว่า "ลาก่อน" ถ้าในหนังรักๆแบบนี้ก็เจอกันบ่อยใช่มั้ยครับ แต่กับเรื่องนี้มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างทุกครั้งที่ตลค.หลักเราพูดคำนี้ มันเหมือนไม่ใช่แค่ลาก่อน ไว้เจอกันใหม่ แต่เป็นการลาก่อนที่ไม่หวนคืนกลับมา คงเพราะเราสลัดชื่อเรื่องออกจากหัวไม่ได้ด้วยแหละมั้งครับ ฮา
สรุป ผมยอมรับว่าฉากท้ายเรื่องนั้นคือที่สุดของการเรียกน้ำตาคนดู จากใจคนดูหนังดราม่ามาเยอะ ไม่เคยมีเรื่องไหนทำผมร้องไห้หนักตั้งแต่กลางเรื่องยันจบ ขนาดที่ว่าออกนอกโรงมายังร้องไห้ไม่หยุด เรื่องนี้คือที่สุดสำหรับผมจริงๆ เอาจริงคือร้องตั้งแต่ต้นยันจบมากกว่าออกจากโรงมาคือตาแดงไม่มีแรงเดินเลย ฮา
หากคุณเป็นคอหนังดราม่าอยู่แล้ว อยากให้ลองดูเรื่องนี้จริงๆครับ ดึงอารมณ์ได้ดีทีเดียว
สุดท้ายนี้ นานะและเคนทาโร เข้ากันมากจนน่าอิจฉาเลยครับบ!!
#TheLast10Years
ภาพยนตร์รักเรียกน้ำตาที่สุดแห่งปี
#สุดท้ายและตลอดไป
วันนี้ ในโรงภาพยนตร์
[CR] [ไม่มีสปอย]THE LAST 10 YEARS ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้ตลอด..แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน
//ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้เขียนรีวิวหนังมานาน หากผิดพลาด ตกหล่น หรือไม่ลื่นไหลอย่างไร ขออภัยด้วยครับ//
เนื้อเรื่อง
ถึงตัวหนังช่วงแรกจะดูอืดและยืดไปหน่อยถ้าเทียบกับหนังรักปกติ แต่สำหรับผมที่ได้ดูหนังเรื่องนี้จนจบ ทุกวินาทีที่ตัวหนังถ่ายออกมามันมีความหมายทั้งหมด
จริงๆชื่อเรื่องก็สปอยเราไว้อยู่แล้วว่าไม่ว่าทางไหนนางเอกหรือ มัตสึริ ก็ต้องจากไปอยู่ดี แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือในเวลาที่เหลืออยู่ของเธอ จะปล่อยผ่านไปและหวังแค่ว่าจุดจบมันจะมาถึงก่อนเธอจะเริ่มรู้สึก"อยากมีชีวิตต่อ" หรือ สร้างความทรงจำที่สวยงามแม้จะเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากตายแต่ก็คิดว่าดีแล้วที่ได้ทำแม้จะตายไป ถือเป็นทางเลือกที่ตัวหนังสื่อออกมาได้ดีจริงๆ โดยตัวหนังจะคล้ายๆ ไล่โทนสีจากมืดมิดไปสู่สีที่สว่างสดใสจากการแสดงและตัวบท
ในช่วงแรกจะเล่าถึง2ตลค.คือ คาซูโตะ และ มัตสึริ ที่ทั้งคู่เองต่างก็มีชีวิตที่อยู่เพื่อความตาย จะต่างกันเพียงแค่ คาซุ ไม่ได้เป็นโรคอะไรแต่ต้องการจะตายเพราะหมดอาลัยตายอยาก ศูนย์เสียเป้าหมายที่รู้สึกอยากมีชีวิตอยู่ ส่วนมัตสึริ ที่รู้ว่าตัวเองอยู่ได้ไม่นานจึงไม่อยากสร้างหรือผูกสัมพันธ์กับใครเพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่กลัวที่จะตาย
จากนั้นโทนหนังจะเปลี่ยนตั้งแต่ทั้ง2มาเจอกันที่งานเลี้ยงรุ่น ได้พูดคุยกัน ได้รู้ปัญหาของกันและกัน ทำให้รู้สึกพูกพันธ์ แม้ตัวมัตสึริเองจะรู้สึกว่ามีใจให้ แต่ก็คอยปฏิเสธหัวใจตัวเองตลอด นอกจากนี้ตัวหนังเองก็ให้เราได้เห็นโมเม้นต่างๆที่ทำเอาอดไม่ได้จริงๆที่คนดูอย่างเรารู้สึกมีความสุขจนร้องไห้ จนเผลอลืมไปว่านางเอกเราสุดท้ายก็ต้องตาย จุดนี้เองที่ทำให้เรามีความพูกพันธ์กับตลค.แบบไม่ทันตั้งตัว
ในโค้งสุดท้ายก่อนหนังจบ ผมไม่สามารถอธิบายให้ละเอียดได้จริงๆ มันเป็นความรู้สึกที่ว่า ทั้ง2คนที่มีจุดเริ่มต้นคือหมดแพทชั่นในการมีชีวิต ได้มาเจอกัน มีโมเม้นและความรู้สึกดีๆร่วมกันจนวาระสุดท้ายของอีกฝ่าย ทั้ง2ผลัดกันฉุดแต่ละฝ่ายขึ้นมาให้ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง แม้จะแลกมาด้วยความเศร้าที่ไม่อาจทำให้ความสัมพันธ์นี้ไปถึงจุดที่สมบูรณ์แบบที่สุดได้ แต่ก็รู้สึกว่ามันดีแล้วจริงๆที่ตัดสินใจทำแบบนั้น ทุกความรู้สึกที่พุ่งเข้าใส่คนดูอย่างเรามันเกินกว่าจะกลั้นน้ำตาที่เต็มไปด้วยความสุขและเศร้านี้ได้
โดยรวมตัวหนังวางองค์ประกอบมาอย่างพิถีพิถันมาก และยังทำให้เราเห็นว่าชีวิตธรรมดาๆของใครสักคนอาจเป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษที่มีค่าอย่างมหาศาลโดยที่เราไม่เคยรู้สึกมาก่อน เวลาที่เรามีให้คนที่วิเศษสำหรับเรามันมีค่าทุกวินาทีจนไม่อยากที่จะลืมและไม่อยากที่จะให้มันหายไปแม้จะเหลือเพียงวิดิโอ ภาพถ่าย หรือเพียงความทรงจำและความรู้สึกที่ยังตราตรึงในจิตใจก็ตาม
เพลง
ในส่วนของเพลงประกอบที่ได้RADWIMPSมาบรรเลงให้นั้น ส่วนตัวให้ฟีลแบบviolet evergardenผสมกับsummer ghostมากๆ ทั้งทำนองและความรู้สึกที่ได้ มันทำให้ตัวหนังสื่ออารมณ์แต่ละฉากได้ดีอย่างหาที่สุดมิได้ และที่ต้องอวยเป็นพิเศษคือเพลงจบอย่างうるうびと ตอนไปดูในโรงแล้วเพลงนี้ขึ้นในฉากสุดท้าย ผมนั่งร้องไห้หนักมากๆแบบถ้าไม่กลั้นเสียงไว้มีโดนด่าแน่ๆ ฮา
ลิงค์เพลง
งานภาพ
ความพยายาม1ปีในการถ่ายภาพ4ฤดูนั้น ไม่ศูนย์เปล่าเลยครับ ทุกฉากล้วนเต็มไปด้วยความหมาย ความรู้สึกที่เอ่อล้นจนกลั้นไม่อยู่ ความพูกพันธ์ที่เล่าผ่านฤดูกาลที่ผ่านพ้น แม้จะเป็นนาฬิกานับถอยหลังแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความสวยงามของฤดูกาลที่ผ่านไปจนเผลอคิดว่า นี้มันหนังรักที่ทั้งคู่จะสมหวังสินะ เลยล่ะครับ
เสริม
มีบางช่วงในหนังจะบอกกับเราอยู่ว่า ชีวิตเรามีแค่ชีวิตเดียว ใช้ชีวิตให้เต็มที่นะ
ถึงจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็อย่าลืมสนุกกับการใช้ชีวิตละ” แต่โลกจริงมันไม่ได้สวยหรูหรือง่ายดายแบบที่พูดมาเลย ทั้งการทำตามฝันแลัการใช้ชีวิตถึงแบบนั้นตัวหนังเองก็ให้กำลังใจเรา จะยอมแพ้บ้างก็ได้ แต่ต้องมูฟออนและทำมันให้สำเร็จล่ะ
คำว่า "ลาก่อน" ถ้าในหนังรักๆแบบนี้ก็เจอกันบ่อยใช่มั้ยครับ แต่กับเรื่องนี้มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างทุกครั้งที่ตลค.หลักเราพูดคำนี้ มันเหมือนไม่ใช่แค่ลาก่อน ไว้เจอกันใหม่ แต่เป็นการลาก่อนที่ไม่หวนคืนกลับมา คงเพราะเราสลัดชื่อเรื่องออกจากหัวไม่ได้ด้วยแหละมั้งครับ ฮา
สรุป ผมยอมรับว่าฉากท้ายเรื่องนั้นคือที่สุดของการเรียกน้ำตาคนดู จากใจคนดูหนังดราม่ามาเยอะ ไม่เคยมีเรื่องไหนทำผมร้องไห้หนักตั้งแต่กลางเรื่องยันจบ ขนาดที่ว่าออกนอกโรงมายังร้องไห้ไม่หยุด เรื่องนี้คือที่สุดสำหรับผมจริงๆ เอาจริงคือร้องตั้งแต่ต้นยันจบมากกว่าออกจากโรงมาคือตาแดงไม่มีแรงเดินเลย ฮา
หากคุณเป็นคอหนังดราม่าอยู่แล้ว อยากให้ลองดูเรื่องนี้จริงๆครับ ดึงอารมณ์ได้ดีทีเดียว
สุดท้ายนี้ นานะและเคนทาโร เข้ากันมากจนน่าอิจฉาเลยครับบ!!
#TheLast10Years
ภาพยนตร์รักเรียกน้ำตาที่สุดแห่งปี
#สุดท้ายและตลอดไป
วันนี้ ในโรงภาพยนตร์
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้