เหนื่อยกับการอยู่กับรูมเมท เพิ่งรู้ตัวว่าเราชอบอยู่คนเดียวมากกว่า..

สวัสดีค่ะทุกคนที่ผ่านเข้ามาอ่านกระทู้ของเรา ก่อนอื่นต้องขอเล่าเลยว่า เรากับรูมเมทคนนี้รู้จักกันได้ยังไง เรากับเขารู้จักกันผ่านเฟสนี่แหละค่ะ จนจะเปิดเทอมเขาก็มาชวนเราให้ไปอยู่หอนอกด้วยกันไหม ด้วยสถานการณ์โควิดทำให้เราก็ไม่ค่อยอยากนอนหอใน เราเลยตอบโอเครไป โดยส่วนตัวแล้วที่เรารู้จักกับนางครั้งแรกในเฟส ดูเผินๆคือนางเรียนเก่ง มีความรับผิดชอบ แต่พอได้มาเจอกันในชีวิตจริงได้ใช้ชีวิตอยู่กับนางคือไม่ใช่แค่นั้น ถึงนางจะเรียนเก่งแล้วก็มีความรับผิดชอบ แต่คือนางค่อนข้างขี้กังวล แล้วก็ไม่ชอบอยู่คนเดียว ... และมันก็เป็นช่วงแรกที่ต้องจากบ้านมาเรียนมหาลัยทำให้เป็นHome sick นางจะร้องไห้แทบทุกวันเลย กังวลว่าจะเรียนไม่ได้ คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ เราก็ต้องมานั่งปลอบแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหามาก แค่หนักใจนิดหน่อยเพราะบางทีนางก็มาร้องไห้ตอนที่เรากำลังผ่อนคลายอยู่ เช่นตอนดูหนัง กินข้าว ทำให้เรารุ้สึกดราม่าไปด้วย กินไม่ลง ดูอะไรก็ไม่สนุกเลย อีกอย่างนึงเลยคือนางบอกว่าถ้านางไม่มีเรานางจะจิตตก คิดมากเรื่องเดิมๆที่ทำให้ร้องอย่างที่บอกไป แล้วเวลาที่นางจะไปไหนทำอะไร แทบจะต้องมีเราไปด้วย แถมตอนเราเริ่มง่วงๆแล้ว เราอยากจะนอนมาก ถ้าเราเผลอหลับบางทีนางก็จะปลุกให้เรามาอยู่เป็นเพื่อน จะกินข้าวก็ต้องกินพร้อมกัน เวลาออกไปเอาข้าวก็ต้องไปพร้อมกัน จะไปซักผ้าก็ต้องไปเป็นเพื่อน ทั้งๆที่เราเวลาทำอะไรเราสามารถทำอะไรคนเดียวได้หมดเลย ตอนที่เราบอกว่าถ้าเราจะออกไปเที่ยวกับแฟน นางก็จะตามไปด้วยแต่นางจะเอาเพื่อนในหอไปด้วย2คน แล้วจะเดินห่างๆ คือแบบนี่ขนาดยังไม่ได้ไปแค่ถามเฉยๆยังเครียดเลย แล้วนางคือกลัวสัตว์ทุกอย่าง เจออะไรเมื่อไหร่ก็ร้องโวยวาย ถ้ามันมาใกล้ๆก็ใช้ให้เราจับให้เอาไปทิ้งไกลๆ บางคำพูดของนางบางทีก็ทำให้เราหงุดหงิดแต่เราก็เป็นคนที่ลืมง่ายทำให้เราไม่โกดอะไร แต่พอมาเจออะไรแบบนี้ทุกวันก็จะเป็นประสาทได้อะ

ทีนี้เราเริ่มเครียดแล้วก็มาเข้าใจตัวเองว่า เราไม่สามารถใช้ชีวิตในห้องกับรูมเมทได้ เราชอบอยู่คนเดียวมากกว่า ที่จริงเราเคยแรึกษากับเพื่อนที่อยู่คณะเดียวกันเรื่องย้ายหอ แต่ไม่เคยพูดเรื่องเหตุการณ์ที่เราพูดอยู่นะ ทีนี้ตอนนั้นเราอยู่ด้วยกันพอดี3คน เพื่อนเราก็พูดขึ้นมาพอดีเรื่องที่เราอยากย้ายหอออก เราก็แบบ อะพูดมาแล้วขนาดนี้ก็เลยใส่ไข่ลงไปเลย ว่าพ่อแม่อยากให้เราอยู่คนเดียวอ่านหนังสือ อยู่แบบนี้มันจะไม่ค่อยมีสมาธิอะไรแบบนี้ว่าไปๆ นางก็ตกใจนิดนึงหน้านิ่งๆ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็มานั่งเลือกหอกัน นางก็บอกว่าอยากอยู่หอที่มีเราอยู่ด้วย เพื่อนอีกคนนึงที่พูดขึ้นมาเรื่องที่เราจะย้ายตอนแรกก็จะไปด้วย นางก็หาหอที่มันมีคีย์การ์ดจะได้ปลอดภัย ราคาหอรวมค่าน้ำค่าไฟก็สำหรับเรามันแพงไปหน่อย เพราะฐานะบ้านเราไม่ค่อยดีมาก ปลานกลาง ค่าหออะไรแบบนี้เราก็ใช้เงินจากกยศ.จ่ายเอา เดือนละ3000 เราก็ใช้หมดเลย1เดือน เพราะหอที่อยู่ปัจจุบันมัน6000-7000บาท อันนี้หอรูมเมทเราเลือกเอง ค่อนข้างแพงเลยจริงไหม..แต่เราปฏิเสธไม่ค่อยเก่งเลยโอเครไป โดนไปหลายบาทเลย พอเราจะย้ายออกก็อยากได้หอประมาณ2000-2500ไรงี้อะ เอาละมาพูดถึงตอนที่นางอยากได้หอที่มีคีย์การ์ดต่อ นางก็เลือกๆเยอะมากเลย ก็เสนอมาเยอะอยู่ ที่นางอยากอยู่คือหอที่มีราคา2950บาท ยังไม่รวมค่าไฟ แต่ค่าน้ำรวมแล้ว แค่คิดๆดูค่าหอก็น่าจะเกิน3300แน่ๆ เกินงบอีกไม่ค่อยอยากไปเดือดร้อนพ่อกับแม่สักเท่าไหร่ เพราะไปมหาลัยเราได้วันละร้อยแม่โอนมาให้เราก็เก็บๆออมๆมาจ่ายค่าไฟที่มันเกินงบมาไรงี้ ทีนี้พอนางได้หอที่อยากอยู่แล้วนางก็มาถามเราว่า แกคิดว่าฉันจะอยู่ได้ไหม? อะไรแบบนี้ คือจะดราม่าอีกอะไรแบบนี้เราก็แบบเอาอีกแล้วหรอ... ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเราไม่ได้รู้สึกแบบนางอะ เพราะเราอยู่ได้ทุกที่เลย ไม่เคยแบบต้องมาร้องคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ ถึงเรื่องเรียน ไอเราก็กังวล แต่เราสามารถอดทนได้เราพยายามเข้มแข็งอยู่ ทำให้เราไม่ได้เป็นอะไรขนาดนั้น แต่นางบอกว่านางคิดแบบเราไม่ได้ เราก็ไม่รู้จะทำไงแล้ว นางก็บอกว่าถ้าแยกกันอยู่คนละห้องจะมาห้องเราบ่อยๆ คือแบบ... ก็คือเหมือนเดินไม่ส่วนตัวเลย... แล้วจะแยกกันทำซากอะไร ถ้าจะมาหาแบบนั้น..เราก็คิดในใจ

เราเลยมาปรึกษาพ่อแม่ตอนเราปิดเทอมแล้ว เล่าเรื่องนี้ให้พ่อแม่ฟัง พ่อเลยบอกว่าถ้าหมดสัญญาหอเมื่อไหร่ก็ออกมาเลย ไม่ต้องมาอยู่หอเดียวกันอะไรแบบนี้ แต่ยังไปเรียนด้วยกัน คุยกันอยู่ แต่แยกออกมาอยู่คนเดียวไปเลย เราก็วางแผนแล้วแหละว่าจะทำอะไร แต่ก็ยังกังวล เป็นห่วงมันอยู่ แล้วก็ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับรูมเมทเลยว่าจะไม่อยู่หอเดียวกันแล้ว แต่เราก็ต้องห่วงตัวเราเองด้วย เพราะเราก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน เราไม่ชอบให้มาแบบรบกวนเราเกินไปแบบนี้ ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย เราอยากเต็มที่กับการอ่านหนังสือมากกว่านี้ ไม่ใช่อะไรก็มาวอกแวกกับเพื่อน แล้วเราก็มีเรื่องเครียดมากอยู่แล้ว ทั้งเรื่องเรียน เรื่องอนาคต เรื่องเงินอีก แถมตอนนั้นต้องมาปวดหัวเรื่องรูมเมทอีก เพียงแค่เราไม่เคยแสดงออกมาเท่านั้นเอง ใจนึงก็สงสาร เป็นห่วงเพื่อน แต่พ่อกับแม่เราบอกว่ามันเป็นปัญหาที่เพื่อนเราต้องแก้เอง ต้องปรับตัวเอง เราคิดว่าถ้าเรายังอยู่จะทำให้เราเครียดเพิ่มขึ้นไปเปล่าๆ กลับกันได้เป็นการฝึกเพื่อนด้วย เพราะถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็จะลำบากตอนทำงาน เพราะจะไม่มีเราอยู่ด้วยแล้ว

ถ้าเราย้ายออกมาแล้ว เหตุการณ์จะเป็นไงต่อเดี๋ยวมาบอกนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่