สันติสุขเปิด10 ข้อฟาดหน้าการเมือง! ยื้อสายสีเขียว-เทอร์มินัลตัดแปะ ใครติดคุก?

นายสันติสุข มะโรงศรี ผู้ดำเนินรายการข่าว TOP NEWS ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีรถไฟฟ้าและเทอร์มินัล ไว้ให้เป็นข้อมูลและข้อเตือนใจใครบางคนว่า 10 ข้อ รถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีส้ม กับเทอร์มินัลเสี่ยงคุก

เพราะอยากให้ค่าโดยสารถูกลง จึงเจรจากับผู้ลงทุนที่เขาถือสัมปทานอยู่เรื่องสัมปทานรถไฟฟ้า ถ้าไม่เอาการเมืองเข้ามาขัดขากัน จะง่ายกว่านี้เยอะ

ถ้าไม่ขยายสัมปทานสายสีเขียวได้มั๊ย คำตอบคือได้ ปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามสัญญาที่มีอยู่ ณ วันนี้ บีทีเอสก็ต้องทำตามสัญญา กทม.ก็ต้องทำตามสัญญา

ระหว่างนี้ ค่าโดยสารในช่วงไข่แดงก็ต้องเป็นไปตามสัญญาเดิม และกทม.ก็จะต้องหาเงินมาจ่ายหนี้ราว 68,000 ล้านบาท ภายในปี 2572

พูดเท่ห์ๆ ใครก็พูดได้ว่า ควรปล่อยจนหมดสัมปทาน แล้วกทม.จะกำหนดค่าโดยสารถูกๆ ได้… แต่ต้องบอกด้วยว่า ระหว่างนี้ 9 ปี จะเอาเงินจากไหนมาให้ กทม. ถ้าให้รัฐบาลอุ้มมันจะเป็นธรรมกับคน ตจว.มั๊ย จะถูกด่าอีกมั๊ย  เอาเงินไปทำรางคู่ ตจว. ดีกว่ามั๊ย

ที่กทม.ประกาศค่าโดยสารสูงสุด 104 ล่าสุดคือตลอดสาย ถ้าเฉพาะในส่วนไข่แดง ค่าโดยสารยังเหมือนเดิม (กทม.ลดราคาแรกเข้าให้) เพราะบีทีเอสจะขึ้นค่าโดยสารตามอำเภอใจไม่ได้อยู่แล้ว ต้องเป็นไปตามสัญญาเดิม แต่กทม.ต้องคิดค่าโดยสารส่วนต่อขยาย เพื่อให้มีรายได้ไปทยอยจ่ายหนี้ในข้อ2บ้าง ค่าจ้างเดินรถก็ค้างเขาอยู่เป็นหมื่นล้าน

ถ้าปล่อยจนไข่แดงหมดสัมปทานปี 2572 บีทีเอสจะเดือดร้อนอะไรเพราะหลังปี 2572 ก็ยังมีสัญญารับจ้างเดินรถต่อไปถึงปี 2585 ทั้งส่วนที่เป็นไข่แดงตรงกลาง และส่วนต่อขยายด้วย

ที่เดือดร้อนคือผู้โดยสาร เพราะค่าโดยสารต้องเป็นไปตามสัญญาเดิม เว้นแต่รัฐบาลจะเอาเงินมาอุ้ม แล้วที่ว่าตลอดสายไม่เกิน 104 บาท นั่นคือ กทม.ปรับลดค่าโดยสารส่วนตัวขยายเฉพาะช่วงโควิด (จากปกติ 158 บาท) ซึ่ง กทม. คาดว่า จะขาดทุนจากส่วนต่อขยายประมาณ ปีละ 3,000-4,000 ล้านบาท

ทั้งหมดนี้ ไม่รู้มาก่อนเหรอว่ามันจะมีปัญหา ? เพราะรู้ว่ามันจะมีปัญหารุงรัง เขาถึงได้เร่งให้ไปเจรจา จนได้ผลออกมาว่า ถ้าขยายสัมปทานจากปี 2572-2602 บีทีเอสจะคิดค่าโดยสารสีเขียว (ทั้งไข่แดงและส่วนต่อขยาย) 15-65 บาทเท่านั้น และบีทีเอสจะต้องแบ่งรายได้จากค่าโดยสารให้ กทม.ในช่วง 30 ปี เป็นเงินกว่า 2 แสนล้านบาท (ถ้าอยากให้ค่าโดยสารถูกลงไปอีกก็ปรับลดส่วนนี้ได้แน่) พร้อมทั้งบีทีเอสจะต้องจ่ายหนี้แทน กทม.(ช่วงปี 2562-72) ราว 68,000 ล้านอีกด้วย นี่คือผลของการดำเนินการเจรจากว่า 2 ปี

แนวทางนั้น กระทรวงคมนาคมไม่เคยคัดค้านเลย รัฐมนตรีเคยมีหนังสือ 3 ฉบับ ได้แก่ หนังสือด่วนที่สุด คค (คปร) 0208/321 ลงวันที่ 24 ต.ค.2562 ,หนังสือด่วนที่สุด ที่คค (คปร) 0208/97 ลงวันที่ 30 มี.ค.2563 และหนังสือด่วนที่สุด ที่ คค (คปร) 0208/199 ลงวันที่ 9 มิ.ย.2563 ไม่มีความเห็นในเชิง ‘คัดค้าน’ การขยายสัมปทานสายสีเขียวแต่อย่างใดเลย

มาแสดงท่าทีคัดค้าน หลังจากที่กลุ่มบีทีเอส ยื่นฟ้องศาลปกครอง กรณีเปลี่ยนหลักเกณฑ์การคัดเลือกประมูลสายสีส้ม หลังเปิดขายซองไปแล้ว อาจก่อให้เกิดการแข่งขันราคาอย่างไม่เป็นธรรม เพราะผู้ชนะโครงการแสนล้านนั้นอาจไม่ใช่ผู้เสนอผลตอบแทนให้รัฐสูงสุด

หลังถูกขัดคอ ฝ่ายการเมืองคมนาคม ค่อยมีท่าทีขัดขวาง “ผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว” จึงเลื่อนมาเรื่อยๆ และเกิดปัญหาที่ไม่อยากให้เกิดในปัจจุบัน

สายสีส้ม ใครอยากได้สัมปทาน ก็เสนอผลตอบแทนให้รัฐดีที่สุดให้ชนะไปสิ แข่งขันอย่างเปิดเผย ภายใต้กติกาเป็นธรรม ตรงไปตรงมา

สายสีเขียว ถ้าไม่อยากขยายสัมปทาน แต่ยังอยากให้ค่าโดยสารต่ำกว่านี้ ก็ต้องหาเงินมาให้กทม. ใช้หนี้เขา โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ไม่ใช่ว่า พอ กทม.จะขยายสัมปทานสีเขียวเพื่อลดค่าโดยสารและล้างภาระหนี้ก็ขวาง, พอจะขยับเก็บค่าโดยสารบ้าง ก็ขวางเขาอีก,  แถมสายสีส้มก็ยังจะเปลี่ยนกติกาการประมูลอีก  แถมเทอร์มินัลแปะ (North Expansion) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

ฝ่ายการเมืองคมนาคมก็ยังจะดึงดันอีก ไม่สนหนังสือเตือนป้องกันการทุจริตจากปปช. เรื่องที่ควรทำ ไม่ทำ  เรื่องที่ไม่ควรทำ จะทำ  ลองดู จะรอดูว่าใครจะติดคุกกันแน่ https://truthforyou.co/30883/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่