สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
เราเป็นผู้หญิงที่ คนรอบตัว มองว่า แกร่ง
จนบางที พวกเขา จะลืมไปเลยว่าเราก็ (น่าจะ)ทุกข์เป็น
เราจึงมักจะรับบทบาท เป็นคนคอยแก้ปัญหา ให้พวกเขา
และเมื่อเรามีปัญหา เราก็ไม่บอกใคร หรือ หากบอก เราจะย่อสั้นๆ น้ำเสียงที่เล่าออกไป ฟังเหมือนเรื่องเล็กเสียเต็มประดา
แต่จริงๆแล้วบางที เราน่ะ กำลังจะตาย จากข้างใน
_ หากอาการหนักมาก
กำลังใจเราจะมาจากพระธรรมค่ะ
เราจะอยู่เงียบๆ ค่อยๆทบทวนตัวเอง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
บางทีอาจจะอ่านหนังสือธรรมะเล่มโปรด / บางทีจะเจริญภาวนา / บางทีก็จะสนทนาธรรมกับกัลยาณมิตร
_ หากอาการปานกลาง
กำลังใจเราจะมาจากการช่วยเหลือผู้อื่นค่ะ
ทั้งๆที่ทุกข์ใจอยู่ เราก็ยังยินดีจะเสนอตนไปช่วยแก้ไขทุกข์ให้ใครต่อใคร
ผลคือ เราจะลืมปัญหาตนเองไปได้ง่ายดายเลยค่ะ ยิ่งถ้าช่วยเตือนสติใครได้
ความอิ่มใจจะย้อนกลับมาที่เรา ความโศกเหมือนดังจะถูกปลิดทิ้งไป
_ หากอาการเล็กน้อย
กำลังใจเรามาจากการ ออกกำลังกายค่ะ
พอเหงื่อออก พอหัวใจเต้นไปถึง 174 นี่คิดอะไรไม่ออกแล้วค่ะ จะทิ้งทุกอย่างในหัวไปเลย
_ หากอาการกะจิ๊ดริ๊ด
กำลังใจเรามาจาก ชีสเค้ก / คากิโกริ / บิงซู / อาหารอร่อยๆ ทั้งหลายแหล่ค่ะ
(อันนี้ไม่ดีนะคะ อย่าลอกเลียนแบบ มันจะลำบากตอนเบิร์นออกนี่แหละ)
และพวกซีรี่ย์ / เพลงบ้าง / หนังสือนิยายบ้าง เหล่านี้ก็ช่วยได้เยอะเลยล่ะค่ะ
หากมีใครคนหนึ่ง …
ที่เขาพร้อมรับฟัง … รัก และเชื่อใจ ในทุกสิ่งที่เป็นเรา ทั้งด้านดีและร้าย
เขาจะอ่านเราขาด เขาจะมองเราออก
ยามเราเผชิญปัญหา เขาจะยื่นมือมาช่วย
ยามเราอ่อนแอ เขาจะปลอบโยน
ยามเราเลวร้าย เขาจะอยู่เคียงข้างด้วยความเข้าใจ และคอยเตือนสติ
ยามเราโดดเด่น สง่างาม เขาจะคอยมองอย่างภาคภูมิใจ
ใครคนนั้น จะคือแหล่งผลิตกำลังใจชั้นดี ที่เราจะไม่รู้สึกเงียบเหงา ว่างเปล่าลึกๆในใจอีกเลย
จนบางที พวกเขา จะลืมไปเลยว่าเราก็ (น่าจะ)ทุกข์เป็น
เราจึงมักจะรับบทบาท เป็นคนคอยแก้ปัญหา ให้พวกเขา
และเมื่อเรามีปัญหา เราก็ไม่บอกใคร หรือ หากบอก เราจะย่อสั้นๆ น้ำเสียงที่เล่าออกไป ฟังเหมือนเรื่องเล็กเสียเต็มประดา
แต่จริงๆแล้วบางที เราน่ะ กำลังจะตาย จากข้างใน
_ หากอาการหนักมาก
กำลังใจเราจะมาจากพระธรรมค่ะ
เราจะอยู่เงียบๆ ค่อยๆทบทวนตัวเอง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
บางทีอาจจะอ่านหนังสือธรรมะเล่มโปรด / บางทีจะเจริญภาวนา / บางทีก็จะสนทนาธรรมกับกัลยาณมิตร
_ หากอาการปานกลาง
กำลังใจเราจะมาจากการช่วยเหลือผู้อื่นค่ะ
ทั้งๆที่ทุกข์ใจอยู่ เราก็ยังยินดีจะเสนอตนไปช่วยแก้ไขทุกข์ให้ใครต่อใคร
ผลคือ เราจะลืมปัญหาตนเองไปได้ง่ายดายเลยค่ะ ยิ่งถ้าช่วยเตือนสติใครได้
ความอิ่มใจจะย้อนกลับมาที่เรา ความโศกเหมือนดังจะถูกปลิดทิ้งไป
_ หากอาการเล็กน้อย
กำลังใจเรามาจากการ ออกกำลังกายค่ะ
พอเหงื่อออก พอหัวใจเต้นไปถึง 174 นี่คิดอะไรไม่ออกแล้วค่ะ จะทิ้งทุกอย่างในหัวไปเลย
_ หากอาการกะจิ๊ดริ๊ด
กำลังใจเรามาจาก ชีสเค้ก / คากิโกริ / บิงซู / อาหารอร่อยๆ ทั้งหลายแหล่ค่ะ
(อันนี้ไม่ดีนะคะ อย่าลอกเลียนแบบ มันจะลำบากตอนเบิร์นออกนี่แหละ)
และพวกซีรี่ย์ / เพลงบ้าง / หนังสือนิยายบ้าง เหล่านี้ก็ช่วยได้เยอะเลยล่ะค่ะ
หากมีใครคนหนึ่ง …
ที่เขาพร้อมรับฟัง … รัก และเชื่อใจ ในทุกสิ่งที่เป็นเรา ทั้งด้านดีและร้าย
เขาจะอ่านเราขาด เขาจะมองเราออก
ยามเราเผชิญปัญหา เขาจะยื่นมือมาช่วย
ยามเราอ่อนแอ เขาจะปลอบโยน
ยามเราเลวร้าย เขาจะอยู่เคียงข้างด้วยความเข้าใจ และคอยเตือนสติ
ยามเราโดดเด่น สง่างาม เขาจะคอยมองอย่างภาคภูมิใจ
ใครคนนั้น จะคือแหล่งผลิตกำลังใจชั้นดี ที่เราจะไม่รู้สึกเงียบเหงา ว่างเปล่าลึกๆในใจอีกเลย
แสดงความคิดเห็น
สำหรับคุณแล้ว “กำลังใจ” เป็นสิ่งจำเป็นไหม แล้วหามาจากไหน
รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองไม่เคยคิดเลยว่าต้องการกำลังใจ ไม่รู้ว่ามันเอามาใช้ประโยชน์อะไร
ทั้ง ๆที่เรามักจะบอกคนอื่นว่าเป็นกำลังใจให้นะ ขอให้โชคดีสอบผ่าน อวยพรให้ได้งานหรือว่าให้หายป่วยเร็วๆ ต่าง ๆ นา ๆ บลาบลาบลา
แต่เอาเข้าจริงเวลาที่เราเกิดปัญหา แล้วก็เครียด เรากลับไม่เคยหาว่าเราต้องการกำลังใจจากที่ไหน
เหมือนมันเป็นโปรแกรมที่เกิดขึ้นในสมองว่าเราแค่ต้องคิดว่าเราจะแก้ปัญหายังไงให้เกิดผลดีที่สุด แล้วเราก็ทำมันก็แค่นั้น
…ถ้าเราหาสาเหตุไม่ได้ว่าเราเครียดเพราะอะไรกันแน่ เพราะความเครียดทำให้สมองทึบ
…วิธีแก้ปัญหาของเราก็คือการไปซื้อของที่ตัวเองชอบ ไปเดินดูของแปลกใหม่ หาของอร่อย
ไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศหรือออกกำลังกายให้รู้สึกว่าเหนื่อยปางตาย …การบำรุงสมองด้วยของที่สมองต้องการ
…คือใช้ชีวิตไปเรื่อยเรื่อยจนมันดีขึ้นเอง
แล้วสำหรับคุณล่ะคะ
…คุณหากำลังใจจากที่ไหน
แล้วมันจำเป็นไหมที่จะต้องมีกำลังใจ
เพื่อให้เรามีชีวิตที่มีความสุขและไม่เครียด
……