หลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535
บุคคลที่โดดเด่นที่สุดสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือ นายชวน หลีกภัย
ด้วยภาพลักษณ์ ซื่อสัตย์ สมถะ ถ่อมตน เป็นภาพหวังของสังคมไทยในขณะนั้น
สังคมไทยในตอนนั้น ยังมองไม่เห็นภาพนักบริหารจัดการ
แค่ต้องการนักการเมืองที่ภาพลักษณ์ซื่อสัตย์ดูดี
นายชวน ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ สองครั้ง
2535 - 2538 และ 2540 - 2544
ฉายาที่นายชวนได้รับขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ก็คือ ชวนเชื่องช้า
แต่ถึงอย่างไร ภาพลักษณ์นายชวนก็ยังโดดเด่นดูดี
ยังไม่มีใครในวงการเมืองสามารถเทียบนายชวนได้
จนกระทั่งปี 2544 ที่ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ทักษิณใช้วิธีการทางการเมืองในแบบ "คิดใหม่ ทำใหม่" ชนะใจประชาชน
นำเสนอนโยบาย ดำเนินนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความจดจำและประทับใจจนถึงทุกวันนี้
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของทักษิณ บดบังความโดดเด่นดูดีของนายชวนแทบสิ้น
ยิ่งทักษิณอยู่นาน ยิ่งลดภาพลักษณ์นายชวนลงไป ๆ
สังคมได้รับรู้ ว่าสำหรับการบริหารบ้านเมืองแล้ว ภาพลักษณ์ที่ดูดีโดดเด่นไม่พอ
ต้องประกอบด้วยความรู้ความสามารถทางการบริหาร วิสัยทัศน์ในการนำพาบ้านเมือง และความกล้าในการตัดสินใจ
ซึ่งทักษิณมีครบ แต่ชวนไม่เคยมี
ทักษิณได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ทางการเมือง
ทำให้บรรดาพรรคการเมืองต้องชูนโยบาย และทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ให้ได้
และสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ แต่ต้องมีความรู้ความสามารถทางการบริหารที่สามารถจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนได้
ความเคยโดดเด่นดูดีของนายชวนสำหรับตำแหน่งนายกฯ หายไปจากความทรงจำของคนไทย
ต่างจากทักษิณ เกือบยี่สิบปีแล้วที่โดนรัฐประหาร แต่คนไทยไม่เคยลืมทักษิณ
.
วันนี้ กงล้อการเมืองหมุนวนมาทับซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง
แม้จะเป็นการเมืองระดับท้องถิ่น กับ ระดับชาติ แต่ระดับท้องถิ่นไม่ใช่ธรรมดา เป็นท้องถิ่นระดับหัวใจของประเทศ
เสียงของปรชาชนในเมืองหลวงดังกว่าเสียงของคนต่างจังหวัด มีอิทธิพลสูงต่ออำนาจรัฐ และเป็นสถานที่ที่ชี้วัดผลทางการเมืองได้เสมอมา
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชนะการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. เมื่อ 22 พ.ค. 2565 ด้วยเสียงท่วมท้น
กทม. 50 เขต ชัชชาติชนะรวด เป็นฉันทามติเด็ดขาดที่คน กทม. มอบให้ชัชชาติ
ภาพลักษณ์ของชัชชาติ คือ วุฒิภาวะดี ความรู้ดี วิสัยทัศน์ดี ทำงานดี เข้าถึงทั้งงานทั้งคน บริหารความรู้สึกเป็น
การขึ้นสู่ตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของชัชชาติ ส่งผลสะเทือนถึงการเมืองระดับชาติอย่างมาก
เกิดการเปรียบเทียบเหมือนยุคทักษิณเปรียบเทียบชวน นี่ขนาดชัชชาติยังไม่ได้เข้าสู่ตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
ต่อไป เมื่อชัชชาติโชว์ผลงาน สร้างความประทับใจในการทำงาน ก็ยิ่งจะเกืดการเปรียบเทียบมากขึ้น
.
ความขุ่นขวางเริ่มปรากฎ การพยายามสร้างภาพและวางบทบาทว่าเหนือกว่าชัชชาติเริ่มมีให้เห็น
แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามยิ่งไม่ได้ผล มิหนำซ้ำดูเป็นตัวตลกเข้าไปมากกว่าเดิม
ฉันทามติเด็ดขาดเอกฉันท์ของคน กทม. จะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ชัชชาติ
ที่แม้จะมีใครก็ตามพยายามปัดแข้งปัดขา จะขัดขวางไม่ให้ชัชชาติทำงานได้ตามนโยบาย ก็เหมือนทำลายตัวเอง
อิจฉาคน กทม. ที่ได้ "เลือก" คนที่ต้องการ
.
2535 - 2548 จากชวน หลีกภัย ถึง ทักษิณ ชินวัตร
2565 - ........ จากชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ถึง ........................
wait & see
จาก ชวน หลีกภัย ถึง ทักษิณ ชินวัตร จาก ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ถึง .................
หลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535
บุคคลที่โดดเด่นที่สุดสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือ นายชวน หลีกภัย
ด้วยภาพลักษณ์ ซื่อสัตย์ สมถะ ถ่อมตน เป็นภาพหวังของสังคมไทยในขณะนั้น
สังคมไทยในตอนนั้น ยังมองไม่เห็นภาพนักบริหารจัดการ
แค่ต้องการนักการเมืองที่ภาพลักษณ์ซื่อสัตย์ดูดี
นายชวน ขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯ สองครั้ง
2535 - 2538 และ 2540 - 2544
ฉายาที่นายชวนได้รับขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ก็คือ ชวนเชื่องช้า
แต่ถึงอย่างไร ภาพลักษณ์นายชวนก็ยังโดดเด่นดูดี
ยังไม่มีใครในวงการเมืองสามารถเทียบนายชวนได้
จนกระทั่งปี 2544 ที่ทักษิณ ชินวัตร เข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ทักษิณใช้วิธีการทางการเมืองในแบบ "คิดใหม่ ทำใหม่" ชนะใจประชาชน
นำเสนอนโยบาย ดำเนินนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม สร้างความจดจำและประทับใจจนถึงทุกวันนี้
ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของทักษิณ บดบังความโดดเด่นดูดีของนายชวนแทบสิ้น
ยิ่งทักษิณอยู่นาน ยิ่งลดภาพลักษณ์นายชวนลงไป ๆ
สังคมได้รับรู้ ว่าสำหรับการบริหารบ้านเมืองแล้ว ภาพลักษณ์ที่ดูดีโดดเด่นไม่พอ
ต้องประกอบด้วยความรู้ความสามารถทางการบริหาร วิสัยทัศน์ในการนำพาบ้านเมือง และความกล้าในการตัดสินใจ
ซึ่งทักษิณมีครบ แต่ชวนไม่เคยมี
ทักษิณได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ทางการเมือง
ทำให้บรรดาพรรคการเมืองต้องชูนโยบาย และทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ให้ได้
และสำหรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ แต่ต้องมีความรู้ความสามารถทางการบริหารที่สามารถจัดการกับปัญหาที่ซับซ้อนได้
ความเคยโดดเด่นดูดีของนายชวนสำหรับตำแหน่งนายกฯ หายไปจากความทรงจำของคนไทย
ต่างจากทักษิณ เกือบยี่สิบปีแล้วที่โดนรัฐประหาร แต่คนไทยไม่เคยลืมทักษิณ