ตอนนี้เราอายุ 71 ย้อนคิดถึงตอนวัยรุ่นว่าเราชอบนิยาย แต่ไม่กล้าอ่านนิยายเกือบทั้งชีวิต เพราะต้องบังคับตัวเองให้อ่านหนังสือแนวที่แก้ไขปัญหาชีวิตตัวเองได้
เรื่องก็มีอยู่ว่า ตอนเราเรียนระดับมัธยมที่ประเทศอังกฤษ พอเริ่มอ่านภาษาอังกฤษได้ เพื่อนฝรั่งวางนิยายแม่มดหมอผีไว้ เราอ่านแล้วติดใจวางไม่ลง แต่อยู่ดีๆเราป่วยเป็น ocd (ย้ำคิดย้ำทำ) เรียนหนังสือไม่รู้เรื่องเราเลยลาออกจากโรงเรียน แล้วหักห้ามใจไม่ให้เสียเวลาอ่านนิยายสนุกๆอีกต่อไป แต่ตั้งใจอ่านหนังสือที่ให้ความรู้ในการรักษาตัวเอง วันๆเราเดินใน London เพื่อหาหนังสือภาษาอังกฤษแนว how-to และ nonfiction แบบสอนฝึกสมอง และแนวจิตวิทยามาอ่าน เราอ่านหนังสือฝึกสมองของ Tony Buzan (คนที่คิดค้น mind mapping) จากนั้นก็ตะลุยอ่านผลงานของ Sigmund Freud กับ Carl Jung และของนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ชื่อดังอีกหลายๆคน แต่ความรู้พวกนั้นรักษา ocd ไม่ได้เลย!
แล้วอยู่ดีๆเราบ้าหนังกำลังภายในจีน (ดูที่ประเทศอังกฤษหนังพูดจีนมี English subtitles) จนไปเรียนมวยจีนกับวิชาลมปราณกับอาจารย์คนจีน แล้วบ้าหนักไปซื้อตำราการแพทย์แผนจีน (แปลจีนเป็นอังกฤษ) มาศึกษา แล้วค้นพบว่า อาการป่วยทางจิตเช่น ocd (ย้ำคิดย้ำทำ) ต้นตอของปัญหาคือ ไตและ/หรือกระเพาะปัสสาวะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างอ่อนแอหรือป่วย และ major depressive disorder (ซึมเศร้า) ต้นตอของปัญญาคือ ปอดและ/หรือลำไส้ใหญ่อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างอ่อนแอหรือป่วย
ของเราเป็นกรณีแรก เราเลยใช้วิชาการแพทย์แผนจีนบำบัดตัวเองเพื่อให้ไตและกระเพาะปัสสาวะของเราแข็งแรง และมันทำให้เรารักษา ocd ได้ด้วยตัวเองสำเร็จในที่สุด!
นี่คือรายละเอียดตั้งแต่เริ่มป่วย:
เราป่วยเป็น ocd ตอนอายุ 13 แม่ป่วยเป็น ocd เหมือนเราตอนอายุ 30 ต้นๆ ลูกพี่ลูกน้องเราป่วยเป็น ocd เหมือนเราตอนอายุ 13
แม่กับเราจูงมือกันไปหาจิตแพทย์ จิตแพทย์ให้ทั้งยาทั้งหนังสืออ่านให้จิตใจสบายหายกังวล (คือหนังสือ Dale Carnegie ชื่อ How To Stop Worrying and Start Living ฉบับแปลเป็นไทย) แม่กินยากับอ่านหนังสือแล้วแม่ (หลงผิด) บอกว่าอาการดีขึ้น แต่เราทิ้งยาแล้วไม่ยอมอ่านหนังสือแล้วแกล้งทำเป็นไม่ป่วย อีก 2-3 ปีหลังจากนั้นเราไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ แล้ว ocd กำเริบหนักเรียนหนังสือไม่ได้ เราเลยลาออกแต่ยังไม่กลับมาประเทศไทย แล้ววันๆเรียนแต่โยคะ มวยจีน วิชาลมปราณ นวดกดจุด ฝังเข็ม และการแพทย์แผนจีน ด้วยการทั้งเรียนกับอาจารย์คนจีนเก่งๆกับการอ่านตำราภาษาอังกฤษที่แปลจากภาษาจีน เรากลับมาเมืองไทยตอนอายุเกือบๆ 40 ตอนนั้นเรารักษา ocd ได้สำเร็จด้วยการแพทย์แผนจีนที่เรียนมา แต่แม่เรารักษากับจิตแพทย์เกิน 10 ราย แต่รักษาไม่หายจนแม่อายุ 83 แล้วแม่ก็จากโลกนี้ไป!
ส่วนลูกพี่ลูกน้องเรา พ่อแม่เค้าพาไปหาจิตแพทย์รักษามากับจิตแพทย์เกิน 10 รายเหมือนกับแม่เรา แล้วกินยาตั้งแต่อายุ 13 ตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องเราน่าจะอายุ 50 กว่าๆเกือบๆ 60 แล้ว แต่ก็ยังรักษา ocd ไม่หาย เค้าป่วยจนเรียนไม่จบระดับมัธยม ทำงานไม่ได้ พ่อแม่ต้องเลี้ยงดูเค้ามาจนถึงทุกวันนี้!
จากการค้นข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษโดยการอ่านตำราการแพทย์แผนจีนแปลจีนเป็นอังกฤษ และเรียนวิชากับอาจารย์คนจีน ตอนเราอยู่ประเทศอังกฤษ เราค้นพบว่า
การป่วยทางจิต 3 อย่างคือ
1 ocd (ย้ำคิดย้ำทำ)
2 major depressive disorder (ซึมเศร้า)
3 bipolar disorder (โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว)
ถ้า diagnose (วินิจฉัย) ออกมาเป็น "กฎแห่งกรรม หรือ เจ้ากรรมนายเวร" หรือ "เคมีในสมองผิดปกติ" รับรองว่า จะไม่รู้ต้นตอของอาการป่วย แล้วก็จะรักษาไม่หายหรอก!
แต่ถ้าใช้ wuxing (ปัญจธาตุ) ที่มาจากคำสอนเต๋า ซึ่งนำมาใช้ในการแพทย์แผนจีน จะ diagnose ได้ตรงเป้า นั่นก็คือ
1 ocd เป็น symptoms (อาการ) บ่งบอกว่า อวัยวะธาตุน้ำ คือ ไตและ/หรือกระเพาะปัสสาวะ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง อ่อนแอหรือป่วย
2 major depressive disorder เป็น symptoms (อาการ) บ่งบอกว่า อวัยวะธาตุโลหะ คือ ปอดและ/หรือลำไส้ใหญ่ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง อ่อนแอหรือป่วย
3 bipolar disorder เป็น symptoms (อาการ) บ่งบอกว่า อวัยวะธาตุโลหะ คือ ปอดและ/หรือลำไส้ใหญ่ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง อ่อนแอหรือป่วย และ symptoms (อาการ) บ่งบอกว่า อวัยวะธาตุไม้ คือตับและ/หรือถุงน้ำดี อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง อ่อนแอหรือป่วย เท่ากับอวัยวะ 1 ถึง 4 อวัยวะอ่อนแอและ/หรือป่วย!
การ diagnose ด้วย wuxing ให้ผลแม่นยำที่สุดว่า "ต้นตอของปัญหาคืออะไร" แต่จะรักษาด้วยการแพทย์แผนจีน หรือการแพทย์ยุคใหม่ ก็รักษาได้ เพียงแต่ต้องทำให้อวัยวะภายในที่อ่อนแอหรือป่วย หายป่วยและแข็งแรงขึ้น และอาการป่วยทางจิตก็จะหายไปได้เอง!
คนที่ป่วยเป็น ocd (obsessive compulsive disorder) มักจะมีอาการกลัวความสกปรกจนเกินเหตุ
ซึ่งโรคกลัวความสกปรกจนขึ้นสมองนี้ ภาษาจิตวิทยาเรียกว่า mysophobia
ไปดูข้อมูลได้ที่นี่
https://en.wikipedia.org/wiki/Mysophobia
จะเจอข้อความว่า
The term was coined by William A. Hammond in 1879 when describing a case of obsessive–compulsive disorder (OCD) exhibited in repeatedly washing one's hands.
แปลว่า
William A. Hammond บัญญัติศัพท์คำนี้ (mysophobia) ขึ้นมาในปี 1879 ตอนที่เค้าอธิบายเคสคนไข้ที่ป่วยเป็น ocd ซึ่งล้างมือตัวเองซ้ำๆกันไม่หยุด
ให้ไปดูข้อมูลหนังสือเล่มนี้คือ
The Boy Who Couldn't Stop Washing: The Experience and Treatment of Obsessive-Compulsive Disorder by Judith L. Rapoport
ผู้เขียน คือ Judith L. Rapoport เป็นแพทย์ที่รักษาผู้ป่วย ocd มาเป็นจำนวนมากนับไม่ถ้วน เธอพบว่าผู้ป่วยเกือบทุกราย "กลัวความสกปรกถึงขั้นที่ต้องล้างมือตัวเองซ้ำๆกันวันหนึ่งเป็นร้อยๆรอบ!"
^
เราก็เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ แต่เราใช้ wuxing วินิจฉัยโรค แล้วรักษาตัวเองด้วยการแพทย์แผนจีนจนหายป่วย!
ตาม link นี้ไปดูข้อมูลหนังสือเล่มนี้ได้ที่นี่
https://www.amazon.com/Boy-Couldnt-Stop-Washing-Obsessive-Compulsive/dp/0451172027
ocd (ย้ำคิดย้ำทำ) major depressive disorder (ซึมเศร้า) และ bipolar disorder (อารมณ์แปรปรวนสองขั้ว)
เรื่องก็มีอยู่ว่า ตอนเราเรียนระดับมัธยมที่ประเทศอังกฤษ พอเริ่มอ่านภาษาอังกฤษได้ เพื่อนฝรั่งวางนิยายแม่มดหมอผีไว้ เราอ่านแล้วติดใจวางไม่ลง แต่อยู่ดีๆเราป่วยเป็น ocd (ย้ำคิดย้ำทำ) เรียนหนังสือไม่รู้เรื่องเราเลยลาออกจากโรงเรียน แล้วหักห้ามใจไม่ให้เสียเวลาอ่านนิยายสนุกๆอีกต่อไป แต่ตั้งใจอ่านหนังสือที่ให้ความรู้ในการรักษาตัวเอง วันๆเราเดินใน London เพื่อหาหนังสือภาษาอังกฤษแนว how-to และ nonfiction แบบสอนฝึกสมอง และแนวจิตวิทยามาอ่าน เราอ่านหนังสือฝึกสมองของ Tony Buzan (คนที่คิดค้น mind mapping) จากนั้นก็ตะลุยอ่านผลงานของ Sigmund Freud กับ Carl Jung และของนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ชื่อดังอีกหลายๆคน แต่ความรู้พวกนั้นรักษา ocd ไม่ได้เลย!
แล้วอยู่ดีๆเราบ้าหนังกำลังภายในจีน (ดูที่ประเทศอังกฤษหนังพูดจีนมี English subtitles) จนไปเรียนมวยจีนกับวิชาลมปราณกับอาจารย์คนจีน แล้วบ้าหนักไปซื้อตำราการแพทย์แผนจีน (แปลจีนเป็นอังกฤษ) มาศึกษา แล้วค้นพบว่า อาการป่วยทางจิตเช่น ocd (ย้ำคิดย้ำทำ) ต้นตอของปัญหาคือ ไตและ/หรือกระเพาะปัสสาวะอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างอ่อนแอหรือป่วย และ major depressive disorder (ซึมเศร้า) ต้นตอของปัญญาคือ ปอดและ/หรือลำไส้ใหญ่อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างอ่อนแอหรือป่วย
ของเราเป็นกรณีแรก เราเลยใช้วิชาการแพทย์แผนจีนบำบัดตัวเองเพื่อให้ไตและกระเพาะปัสสาวะของเราแข็งแรง และมันทำให้เรารักษา ocd ได้ด้วยตัวเองสำเร็จในที่สุด!
นี่คือรายละเอียดตั้งแต่เริ่มป่วย:
เราป่วยเป็น ocd ตอนอายุ 13 แม่ป่วยเป็น ocd เหมือนเราตอนอายุ 30 ต้นๆ ลูกพี่ลูกน้องเราป่วยเป็น ocd เหมือนเราตอนอายุ 13
แม่กับเราจูงมือกันไปหาจิตแพทย์ จิตแพทย์ให้ทั้งยาทั้งหนังสืออ่านให้จิตใจสบายหายกังวล (คือหนังสือ Dale Carnegie ชื่อ How To Stop Worrying and Start Living ฉบับแปลเป็นไทย) แม่กินยากับอ่านหนังสือแล้วแม่ (หลงผิด) บอกว่าอาการดีขึ้น แต่เราทิ้งยาแล้วไม่ยอมอ่านหนังสือแล้วแกล้งทำเป็นไม่ป่วย อีก 2-3 ปีหลังจากนั้นเราไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ แล้ว ocd กำเริบหนักเรียนหนังสือไม่ได้ เราเลยลาออกแต่ยังไม่กลับมาประเทศไทย แล้ววันๆเรียนแต่โยคะ มวยจีน วิชาลมปราณ นวดกดจุด ฝังเข็ม และการแพทย์แผนจีน ด้วยการทั้งเรียนกับอาจารย์คนจีนเก่งๆกับการอ่านตำราภาษาอังกฤษที่แปลจากภาษาจีน เรากลับมาเมืองไทยตอนอายุเกือบๆ 40 ตอนนั้นเรารักษา ocd ได้สำเร็จด้วยการแพทย์แผนจีนที่เรียนมา แต่แม่เรารักษากับจิตแพทย์เกิน 10 ราย แต่รักษาไม่หายจนแม่อายุ 83 แล้วแม่ก็จากโลกนี้ไป!
ส่วนลูกพี่ลูกน้องเรา พ่อแม่เค้าพาไปหาจิตแพทย์รักษามากับจิตแพทย์เกิน 10 รายเหมือนกับแม่เรา แล้วกินยาตั้งแต่อายุ 13 ตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องเราน่าจะอายุ 50 กว่าๆเกือบๆ 60 แล้ว แต่ก็ยังรักษา ocd ไม่หาย เค้าป่วยจนเรียนไม่จบระดับมัธยม ทำงานไม่ได้ พ่อแม่ต้องเลี้ยงดูเค้ามาจนถึงทุกวันนี้!
จากการค้นข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษโดยการอ่านตำราการแพทย์แผนจีนแปลจีนเป็นอังกฤษ และเรียนวิชากับอาจารย์คนจีน ตอนเราอยู่ประเทศอังกฤษ เราค้นพบว่า
การป่วยทางจิต 3 อย่างคือ
1 ocd (ย้ำคิดย้ำทำ)
2 major depressive disorder (ซึมเศร้า)
3 bipolar disorder (โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว)
ถ้า diagnose (วินิจฉัย) ออกมาเป็น "กฎแห่งกรรม หรือ เจ้ากรรมนายเวร" หรือ "เคมีในสมองผิดปกติ" รับรองว่า จะไม่รู้ต้นตอของอาการป่วย แล้วก็จะรักษาไม่หายหรอก!
แต่ถ้าใช้ wuxing (ปัญจธาตุ) ที่มาจากคำสอนเต๋า ซึ่งนำมาใช้ในการแพทย์แผนจีน จะ diagnose ได้ตรงเป้า นั่นก็คือ
1 ocd เป็น symptoms (อาการ) บ่งบอกว่า อวัยวะธาตุน้ำ คือ ไตและ/หรือกระเพาะปัสสาวะ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง อ่อนแอหรือป่วย
2 major depressive disorder เป็น symptoms (อาการ) บ่งบอกว่า อวัยวะธาตุโลหะ คือ ปอดและ/หรือลำไส้ใหญ่ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง อ่อนแอหรือป่วย
3 bipolar disorder เป็น symptoms (อาการ) บ่งบอกว่า อวัยวะธาตุโลหะ คือ ปอดและ/หรือลำไส้ใหญ่ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง อ่อนแอหรือป่วย และ symptoms (อาการ) บ่งบอกว่า อวัยวะธาตุไม้ คือตับและ/หรือถุงน้ำดี อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่าง อ่อนแอหรือป่วย เท่ากับอวัยวะ 1 ถึง 4 อวัยวะอ่อนแอและ/หรือป่วย!
การ diagnose ด้วย wuxing ให้ผลแม่นยำที่สุดว่า "ต้นตอของปัญหาคืออะไร" แต่จะรักษาด้วยการแพทย์แผนจีน หรือการแพทย์ยุคใหม่ ก็รักษาได้ เพียงแต่ต้องทำให้อวัยวะภายในที่อ่อนแอหรือป่วย หายป่วยและแข็งแรงขึ้น และอาการป่วยทางจิตก็จะหายไปได้เอง!
คนที่ป่วยเป็น ocd (obsessive compulsive disorder) มักจะมีอาการกลัวความสกปรกจนเกินเหตุ
ซึ่งโรคกลัวความสกปรกจนขึ้นสมองนี้ ภาษาจิตวิทยาเรียกว่า mysophobia
ไปดูข้อมูลได้ที่นี่
https://en.wikipedia.org/wiki/Mysophobia
จะเจอข้อความว่า
The term was coined by William A. Hammond in 1879 when describing a case of obsessive–compulsive disorder (OCD) exhibited in repeatedly washing one's hands.
แปลว่า
William A. Hammond บัญญัติศัพท์คำนี้ (mysophobia) ขึ้นมาในปี 1879 ตอนที่เค้าอธิบายเคสคนไข้ที่ป่วยเป็น ocd ซึ่งล้างมือตัวเองซ้ำๆกันไม่หยุด
ให้ไปดูข้อมูลหนังสือเล่มนี้คือ
The Boy Who Couldn't Stop Washing: The Experience and Treatment of Obsessive-Compulsive Disorder by Judith L. Rapoport
ผู้เขียน คือ Judith L. Rapoport เป็นแพทย์ที่รักษาผู้ป่วย ocd มาเป็นจำนวนมากนับไม่ถ้วน เธอพบว่าผู้ป่วยเกือบทุกราย "กลัวความสกปรกถึงขั้นที่ต้องล้างมือตัวเองซ้ำๆกันวันหนึ่งเป็นร้อยๆรอบ!"
^
เราก็เคยอ่านหนังสือเล่มนี้ แต่เราใช้ wuxing วินิจฉัยโรค แล้วรักษาตัวเองด้วยการแพทย์แผนจีนจนหายป่วย!
ตาม link นี้ไปดูข้อมูลหนังสือเล่มนี้ได้ที่นี่
https://www.amazon.com/Boy-Couldnt-Stop-Washing-Obsessive-Compulsive/dp/0451172027