เอาจริง “ท็อปนิวส์” แจ้งความ 2 เพจดัง-เกรียนคีย์บอร์ดอีกเพียบ
สำนักข่าวท็อปนิวส์ เดินหน้าแจ้งความ 2 เพจดัง และมือเกรียนคีย์บอร์ดอีกกว่า 100 ไอดี หลังนำข้อมูลอันเป็นเท็จไปเผยแพร่ ทำให้สถานีข่าวได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมเตรียมเรียกค่าเสียหาย นำเงินมาสมทบทุน โครงการ "ยังมีเรา" เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ยากไร้ต่อไป
วันที่ 24 พ.ค. 65 นายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.รังสรรค์ คำสุข รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน เข้าแจ้งความเอาผิดกับเพจข่าวสังคมชื่อดัง ที่ผลิตจัดทำและเผยแพร่ภาพ,ข้อความ ทำให้ทางสำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง
โดย นายอุดร บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ เผยว่า จากกรณีที่เพจแคทดั๊มบ์ ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน และเพจดาราท่านหนึ่ง มีผู้ติดตามมากกว่า 3 แสนคน ได้นำคะแนนผลโหวต “ผู้ว่าในดวงใจ” ของทาง สำนักข่าวท็อปนิวส์ นำไปเผยแพร่ในเพจพร้อมตัดต่อรูปภาพเทียบเคียงกับคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าของโพลสำนักอื่นๆ และอ้างว่าทาง สำนักข่าวท็อปนิวส์ นำข้อมูลอันเป็นเท็จมาเผยแพร่ให้ประชาชนหลงเข้าใจผิด
ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ลูกเพจของทาง “แคทดั๊มบ์”และลูกเพจดาราท่านหนึ่ง เข้ามาโพสต์ข้อความด่าทอ สำนักข่าวท็อปนิวส์ อย่างเสียๆหายๆ และทางเพจยังมีการโพสต์ข้อความถามความคิดเห็นจากลูกเพจว่า สื่อแบบนี้ยังควรติดตามข่าวสารอีกหรือไม่ ซึ่งทำให้ทางสำนักข่าวท็อปนิวส์ เสื่อมเสียชื่อเสียง
นายอุดร บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ กล่าวอีกว่า หลังจากทราบข่าวผู้ประกาศต่างๆทาง สำนักข่าวท็อปนิวส์ ก็ได้พยายามประกาศขอให้ยกเลิกหยุดแชร์ข้อความการใช้ภาพข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่เพจดังกล่าวก็ยังไม่หยุด วันนี้จึงได้เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว เพื่อแจ้งดำเนินคดี กับ 2 เพจดัง และ ลูกเพจที่เข้ามาโพสต์ข้อความรุนแรง จำนวนประมาณ 100 ไอดี โดยจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย แก่บุคคลที่ทำให้ทาง สำนักข่าวท็อปนิวส์ นั้นเสียหายเพื่อให้เป็นบทเรียน ซึ่งเงินที่ได้จากการฟ้องร้องในครั้งนี้จะนำมาสมทบทุนให้กับโครงการ “ยังมีเรา” เพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้พิการและคนยากไร้ ที่ทาง สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวและรวบรวมหลักฐานนำไปตรวจสอบ พบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และจะทำการตรวจสอบเชิงลึกว่า เข้าข่ายการกระทำผิดข้อใดอีกหรือไม่ หากพบก็จะมีการออกหมายเรียกเจ้าของเพจดังกล่าวเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาอีกในภายหลัง
https://www.topnews.co.th/news/324433
สำนักข่าวท็อปนิวส์ เดินหน้าแจ้งความ 2 เพจดัง และมือเกรียนคีย์บอร์ดอีกกว่า 100 ไอดี หลังนำข้อมูลอันเป็นเท็จไปเผยแพร่
วันที่ 24 พ.ค. 65 นายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.รังสรรค์ คำสุข รองผู้กำกับการฝ่ายสอบสวน เข้าแจ้งความเอาผิดกับเพจข่าวสังคมชื่อดัง ที่ผลิตจัดทำและเผยแพร่ภาพ,ข้อความ ทำให้ทางสำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียง
โดย นายอุดร บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ เผยว่า จากกรณีที่เพจแคทดั๊มบ์ ที่มีผู้ติดตามมากกว่า 1 ล้านคน และเพจดาราท่านหนึ่ง มีผู้ติดตามมากกว่า 3 แสนคน ได้นำคะแนนผลโหวต “ผู้ว่าในดวงใจ” ของทาง สำนักข่าวท็อปนิวส์ นำไปเผยแพร่ในเพจพร้อมตัดต่อรูปภาพเทียบเคียงกับคะแนนเลือกตั้งผู้ว่าของโพลสำนักอื่นๆ และอ้างว่าทาง สำนักข่าวท็อปนิวส์ นำข้อมูลอันเป็นเท็จมาเผยแพร่ให้ประชาชนหลงเข้าใจผิด
ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้ลูกเพจของทาง “แคทดั๊มบ์”และลูกเพจดาราท่านหนึ่ง เข้ามาโพสต์ข้อความด่าทอ สำนักข่าวท็อปนิวส์ อย่างเสียๆหายๆ และทางเพจยังมีการโพสต์ข้อความถามความคิดเห็นจากลูกเพจว่า สื่อแบบนี้ยังควรติดตามข่าวสารอีกหรือไม่ ซึ่งทำให้ทางสำนักข่าวท็อปนิวส์ เสื่อมเสียชื่อเสียง
นายอุดร บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ กล่าวอีกว่า หลังจากทราบข่าวผู้ประกาศต่างๆทาง สำนักข่าวท็อปนิวส์ ก็ได้พยายามประกาศขอให้ยกเลิกหยุดแชร์ข้อความการใช้ภาพข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่เพจดังกล่าวก็ยังไม่หยุด วันนี้จึงได้เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว เพื่อแจ้งดำเนินคดี กับ 2 เพจดัง และ ลูกเพจที่เข้ามาโพสต์ข้อความรุนแรง จำนวนประมาณ 100 ไอดี โดยจะมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย แก่บุคคลที่ทำให้ทาง สำนักข่าวท็อปนิวส์ นั้นเสียหายเพื่อให้เป็นบทเรียน ซึ่งเงินที่ได้จากการฟ้องร้องในครั้งนี้จะนำมาสมทบทุนให้กับโครงการ “ยังมีเรา” เพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้พิการและคนยากไร้ ที่ทาง สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวและรวบรวมหลักฐานนำไปตรวจสอบ พบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และจะทำการตรวจสอบเชิงลึกว่า เข้าข่ายการกระทำผิดข้อใดอีกหรือไม่ หากพบก็จะมีการออกหมายเรียกเจ้าของเพจดังกล่าวเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาอีกในภายหลัง
https://www.topnews.co.th/news/324433