Tomorrow | พรุ่งนี้ (2022) #MBC
นำแสดงโดย #โรอุน #อีซูฮยอก #คิมฮีซอน #ยุนจีอน
ซีรีย์แนว ชีวิต| แฟนตาซี| คอมเมดี้
"มนุษย์หรือบุคคล ใดย่อมเขาใจโลกของเขาเอง”
คำพูดข้างต้นคือส่วนนึ่งในคำพูดของ นักจิตวิทยาระดับโลกท่านหนึ่ง กลุ่มมนุษยนิยม ที่เป็นหนึ่งในคำที่สามารถจำกัดความเนื้อเรื่องของ ซีรีย์เรื่องนี้ได้ ไม่มากก็น้อย เพราะเนื้อเรื่องคือการบอกเล่าความเจ็บปวด ความหม่นหมอง และทุกข์แสนสาหัสของผู้คนมากมาย ที่ได้พบพานเมื่อกาลเวลาในอดีตของชีวิต ที่การทำความเข้าใจความเจ็บปวด อย่างลึกซึ้งจากผู้คนรอบข้างต่อเรื่องราวของพวกเขา ซึ่งเป็นสิ่งพึงกระทำ มากกว่าการซ้ำเติมเป็นเรื่องที่ยากสำหรับบางคน นั้นยิ่งพวกเขากลับรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายบนโลกใบนี้. คนเหล่านั้นก็จะต้องต่อสู้ไปอย่างลำพังต่อไป ด้วยความเข้าใจในตัวเอง ที่พวกเขาอาจจะคิดว่ามีมากเพียงพอแล้วสำหรับความรู้สึกแบบนี้และอาจจะเหนื่อยกับการเรียกร้องความเข้าใจจากผู้อื่น จึงเลือกที่จะจมอยู่กับความทุกข์ ไปต่ออีกเสียหน่อยเพราะมันเป็นสิ่งที่ตัวเองควรได้รับแล้ว ซึ่งจะจริงหรือไม่เราลองพิจารณาแล้วทบทวนไปด้วยกันกับ Tomorrow.
หมายเหตุ : นี้อาจจะไม่ใช่รีวิวทั่วไปที่จะอวยหรือหวีดอะไรนะครับ แต่ค่อนข้างจะจริงจังพอสมควร จึงต้องขออภัยหากไม่ถูกใจใคร
Tomorrow คือซีรีย์ที่จะบอกเล่าและนำพาเราเข้าสู่เรื่องราวของการให้ความช่วยเหลือผู้คนของเหล่ายมฑูตที่ไม่ได้มีหน้าที่นำพาวิญญาณไปปรโลก แต่มีหน้าที่ในการคอยช่วยเหลือ เมื่อสำหรับใครบางคนที่ต้องพบเจอกับความเจ็บปวดที่เกิดจาการกระทำของตนเอง เป็นคนทำเองให้เกิดหรือ ผู้คนรอบข้างในสังคมที่จะสามารถทำให้เกิดความเจ็บปวดแก่คนหนึ่งคนได้ หรือแม้กระทั่งการได้พบกับการสูญเสียสิ่งที่มีค่าในชีวิตไป ก็ได้ทำให้การมาถึงหรือการที่เราจะก้าวเดินต่อไปในวันพรุ่งนี้คือสิ่งที่น่ากลัวและยากลำบาก แสนเจ็บปวดที่ไม่อาจจะ ดำเนินไปได้อย่างง่ายดาย เพราะภาพเหล่านั้น ยังคงตราตรึง เป็นแผลที่ยังไม่สมาน และคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนเหล่านั้น มาอย่างยาวนาน จนไม่อาจจะรู้ว่า ประตูสู่แสงแดดที่สว่างไสว เจิดจ้า ที่จะนำพาชีวิตออกไปจากท่ามกลางพายุฝนหรือความเหน็บหนาวนี้อยู่แห่งหนใด ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเหล่ายมฑูตที่ต้องเข้ามาเพื่อสร้างกำลังใจให้กับชีวิตผู้คนเหล่านั้นให้มีมากพอ ให้เขาได้เข้าใจอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะก้าวเดินอย่างสดใสต่อไปในวันพรุ่งนี้ได้.
การถ่ายทอดเรื่องราวของซีรีย์เรื่องนี้ เต็มไปด้วยเรื่องราวที่งดงามท่ามกลาง ความมืดหม่นของชีวิตของผู้คน ในแต่ละตอนที่ถูกนำเสนอในชื่อที่แตกต่างกันออกไปตามเรื่องราวและเหตุการณ์ที่ไม่ได้เหมือนกันเลย ซึ่งชื่อตอนก็มีความหมายแฝงไว้ด้วยหากเราเทียบเคียงกับเนื้อเรื่องเราก็จะทราบความหมาย ซึ่งคนดูค่อนข้างที่จะต้อง มีใจที่เปิดรับมากพอสมควรหากต้องการดื่มดำเรื่องราวที่ถูกนำเสนอได้อย่างเต็มที่เพราะด้วยสิ่งที่ดูจะเป็น หัวข้อใหญ่ของเรื่องนี้คือ “สภาพจิตใจของผู้คน” ฉะนั้น การเล่าจึงจะเป็นการลงรายละเอียดที่เต็มไปด้วยมุมปลีกย่อยมากมาย เพื่อให้เราได้สัมผัสและเข้าถึงเรื่องราว ในแต่ละมุมมองของผู้คนที่ซีรีย์ต้องการจะนำเสนอให้กับผู้ชม ผ่านตัวละครที่เป็นยมฑูตในการเข้าไปช่วยเหลือผู้ซึ่งคิดจะบอกลาโลกนี้ ที่การสื่อสารนั้นคือการเล่นกับจิตใจของผู้ชมไปด้วยพอสมควร กับเนื้อหาในแต่ละตอนที่ถ่ายทอดออกมา พร้อมแง่คิดที่แฝงไว้มากมายในแต่ละตอน อยู่ที่ว่าผู้ชมจะเข้าถึงหรือเคยมีประสบการณ์ร่วมทั้งทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ ถือเป็นซีรีย์ที่เล่าเรื่องในประเด็นปัญหาต่างๆ ในหนึ่งชีวิตของผู้คนที่ต้องเผชิญออกมาได้อย่างดีที่สุดเรื่องหนึ่ง องค์ประกอบอื่นๆ ก็เสริมการเล่าเรื่องให้ถ่ายทอดได้อย่างประทับใจอย่างมาก ไม่ว่าแสงสี ที่เข้ากับเรื่องราว การวางตำแหน่งของนักแสดงประกอบ ก็คือทำออกมาอย่างไร้ที่ติ ในบางตอนก็ทำให้เราสามารถขนลุกกับกราฟเนื้อหาที่ดำดิ่งไปในจิตใจอันปวดร้าวหรือเนื้อหาก็สามารถทำเราเสียน้ำตาไปด้วยได้ เพราะมันคือสิ่งที่เราสามารถเจอได้ในชีวิตประจำวัน หรือจากผู้คนรอบตัวของเราทุกคน แถมยังมีแง่มุมบางมุมที่สดใสมาก จนเป็นสิ่งที่ตราตรึงใจ อีกทั้งเรื่องราวในบทสรุปก็สวยงามยิ่งกว่าเรื่องราวระหว่างทางมากๆ สำหรับซีรีย์แฟนตาซีที่มีชื่อว่า “Tomorrow”.
โดยส่วนตัวผู้เขียน มองว่าสำหรับใครที่ดูแล้วมองว่า ซีรีย์จืดจางเกินไป นำเสนอได้น่าเบื่อ คุณอาจจะกำลัง มองเรื่องความทุกข์และสภาพจิตใจเป็นเรื่องตลกอยู่ก็เป็นได้ไม่มากก็น้อย เพราะอย่างที่บอกไปว่าหนึ่งในประเด็นใหญ่ของเรื่องนี้คือ สภาพจิตใจ ของผู้ที่ต่อสู้บนโลกนี้อย่างโดดเดี่ยว แม้นจะมีคนที่ดูจะเป็นมิตรก็เหมือนไม่มีหรือเขาอาจจะพบกับความทุกข์จนเกินจิตนาการ มาในชีวิตก็เป็นได้ ซึ่งเพียงแค่คุณไม่เคยได้พบเจอเหตุการณ์เหล่านั้นคุณเลยอาจจะมองแบบนั้น ก็คงไม่มีอะไรที่ผิดเลยครับ และหากคุณจะบอกว่าซีรีย์เล่าเรื่องจำเจ เล่าวนเวียนในเรื่องเดิมๆ เหตุการณ์คล้ายๆ กันอยู่ได้ ส่วนตัวคงต้อง ขอยกถามคำถามสักข้อให้ผู้อ่านได้ลองพิจารณา “ทำไมเรายังเห็นการฆ่าตัวตายของผู้คนมากมาย บนโลกที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนี้ไปเสียแล้ว ทั้งที่มันทำให้เรารับรู้ทางออก ข้อเตือนสติ และทางแก้ของทุกปัญหาที่เจอได้” ซึ่งสำหรับผมคำตอบก็คือเรื่องเบสิคมากๆ เพราะว่าชีวิตมีองค์ประกอบมากมาย ทั้งการขัดเกลาเลี้ยงดูจากครอบครัว หรือการขัดเกลาทางสังคมอย่างอื่นๆ ที่ได้รับในชีวิตที่ได้เติบโตมา อีกทั้งแม้จะ หัวข้อหรือประเด็นปัญหาเดียวกันที่ได้ประสบ แต่รายละเอียด เชื้อชาติ วัยวุฒิ การขัดเกลาทางสังคม ของผู้ที่ต้องเจอกับปัญหาหรือเรื่องราวเหล่านั้นก็ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อความรุนแรงและผลกระทบที่ตามมาได้ของแต่ละบุคคลที่จะไม่เทียมกัน.
ฉะนั้นซีรีย์เรื่องเนื้อหาดีเรื่องนี้คือสิ่งที่ทำให้ผู้คนหลากหลายที่มีโอกาสได้ดู จะสามารถรับรู้แง่คิดแสนอบอุ่นใจ ที่จะนำมาปรับใช้กับชีวิตได้ โดยฉพาะหากเขากำลังประสบกับปัญหาอยู่และเรื่องนั้นตรงหรือคล้ายกับสิ่งที่ซีรีย์กำลังถ่ายทอดออกมา คงพอจะทำให้ผู้คนเรานั้นได้รับกำลังใจ ว่าบนโลกใบนี้ก็ยังมีคนที่ต้องพบเรื่องราวแบบคล้ายคลึงเราอยู่ไม่มากก็น้อย นำสิ่งที่กลั่นกรองจากเนื้อหาไปตกตะกอน จะสามารถนำไปเสริมความคิดที่ยังอยากจะสู้กับเรื่องราวที่ยากลำบากนั้นต่อไปอีกสักนิด เพื่อให้โอกาสตัวเองได้พบกับวันที่สดใส ใน “พรุ่งนี้” ที่กำลังจะมาถึง และด้วยความที่อาจจะเป็นซีรีย์ที่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีความหม่นหมองรุนแรงมากๆ จึงต้องมีความระมัดระวังในการชม แต่สำหรับผู้ที่พึ่งได้ประสบกับเรื่องราวบางอย่างและกำลังหดหู Tomorrow เรื่องนี้จะทำให้คุณมองสิ่งต่างๆ เปลี่ยนไป มอบแสงแดดที่อบอุ่นให้คุณได้เป็นอย่างดี หากคุณกำลังคิดว่า #ดูดีไหม ก็อยากบอกว่าอยากให้ดูนะ เพราะเนื้อหามันดี การเล่าเรื่องเป็นแบบเรื่องสั้น แยกเป็นตอนหรือจะเรียกว่าแยกตามลักษณะของผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรามึนงงไปกับเนื้อหา อีกทั้งเนื้อหาเกี่ยวกับตัวละครหลักก็สร้างความน่าสนใจได้ไม่แพ้กับเรื่องราวของการช่วยเหลือเลย เพราะเป็นการค่อยๆ ทำให้เรารู้ จนเกิดความอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเรื่องราวที่ถูกเล่าก็ทำออกมาได้อย่างดีมากๆ และโดยส่วนตัวน่าจะเป็นซีรีย์สุดประทับใจเรื่องหนึ่งในครึ่งปีแรก ของปี 2022.
หากคุณอยากหาซีรีย์ที่เนื้อหาอาจจะไม่ได้เบาใจ เนื้อหาอาจจะหนักไปบ้าง แต่เราสามารถทราบซึ้งไปกับเนื้อหา ในแต่ละตอนได้ไม่รู้เบื่อ “Tomorrow”. ก็คือคำตอบนั้นเพราะในช่วงที่ผ่านมาเรายังแทบไม่เห็นว่ามีซีรีย์เรื่องไหนของปีนี้ มีเนื้อหาสื่อสารกับเรื่องราวสภาพจิตใจของผู้คนซึ่งกำลังโดดเดี่ยว ออกมาได้ดีในระดับนี้เลย แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ OST ที่แต่ละเพลงส่งเสริมเรื่องราวของซีรีย์อย่างมาก ดนตรีก็ทำมาในโทนที่สื่อสารกับจิตใจได้ดี จนบางเพลงถ้าฟังบ่อยๆ ก็น้ำตาซึมได้เหมือนกัน
ซีรีย์ : Tomorrow | พรุ่งนี้ (2022) ,MBC
จำนวน 16 ตอน
ซับไทยที่ #Netflix =>
https://www.netflix.com/title/81503460
#LeeSoohyuk #Rowoon #mbc드라마 #tomorrow #내일 #Netflix #รีวิวซีรีย์ #SerieforMyday #Netflixth #รีวิวซีรีย์เกาหลี
รีวิวซีรีย์ Tomorrow เนื้อเรื่องดี ที่เล่าได้สนุกมาก
นำแสดงโดย #โรอุน #อีซูฮยอก #คิมฮีซอน #ยุนจีอน
ซีรีย์แนว ชีวิต| แฟนตาซี| คอมเมดี้
หมายเหตุ : นี้อาจจะไม่ใช่รีวิวทั่วไปที่จะอวยหรือหวีดอะไรนะครับ แต่ค่อนข้างจะจริงจังพอสมควร จึงต้องขออภัยหากไม่ถูกใจใคร
Tomorrow คือซีรีย์ที่จะบอกเล่าและนำพาเราเข้าสู่เรื่องราวของการให้ความช่วยเหลือผู้คนของเหล่ายมฑูตที่ไม่ได้มีหน้าที่นำพาวิญญาณไปปรโลก แต่มีหน้าที่ในการคอยช่วยเหลือ เมื่อสำหรับใครบางคนที่ต้องพบเจอกับความเจ็บปวดที่เกิดจาการกระทำของตนเอง เป็นคนทำเองให้เกิดหรือ ผู้คนรอบข้างในสังคมที่จะสามารถทำให้เกิดความเจ็บปวดแก่คนหนึ่งคนได้ หรือแม้กระทั่งการได้พบกับการสูญเสียสิ่งที่มีค่าในชีวิตไป ก็ได้ทำให้การมาถึงหรือการที่เราจะก้าวเดินต่อไปในวันพรุ่งนี้คือสิ่งที่น่ากลัวและยากลำบาก แสนเจ็บปวดที่ไม่อาจจะ ดำเนินไปได้อย่างง่ายดาย เพราะภาพเหล่านั้น ยังคงตราตรึง เป็นแผลที่ยังไม่สมาน และคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนเหล่านั้น มาอย่างยาวนาน จนไม่อาจจะรู้ว่า ประตูสู่แสงแดดที่สว่างไสว เจิดจ้า ที่จะนำพาชีวิตออกไปจากท่ามกลางพายุฝนหรือความเหน็บหนาวนี้อยู่แห่งหนใด ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของเหล่ายมฑูตที่ต้องเข้ามาเพื่อสร้างกำลังใจให้กับชีวิตผู้คนเหล่านั้นให้มีมากพอ ให้เขาได้เข้าใจอะไรบางอย่าง เพื่อที่จะก้าวเดินอย่างสดใสต่อไปในวันพรุ่งนี้ได้.
การถ่ายทอดเรื่องราวของซีรีย์เรื่องนี้ เต็มไปด้วยเรื่องราวที่งดงามท่ามกลาง ความมืดหม่นของชีวิตของผู้คน ในแต่ละตอนที่ถูกนำเสนอในชื่อที่แตกต่างกันออกไปตามเรื่องราวและเหตุการณ์ที่ไม่ได้เหมือนกันเลย ซึ่งชื่อตอนก็มีความหมายแฝงไว้ด้วยหากเราเทียบเคียงกับเนื้อเรื่องเราก็จะทราบความหมาย ซึ่งคนดูค่อนข้างที่จะต้อง มีใจที่เปิดรับมากพอสมควรหากต้องการดื่มดำเรื่องราวที่ถูกนำเสนอได้อย่างเต็มที่เพราะด้วยสิ่งที่ดูจะเป็น หัวข้อใหญ่ของเรื่องนี้คือ “สภาพจิตใจของผู้คน” ฉะนั้น การเล่าจึงจะเป็นการลงรายละเอียดที่เต็มไปด้วยมุมปลีกย่อยมากมาย เพื่อให้เราได้สัมผัสและเข้าถึงเรื่องราว ในแต่ละมุมมองของผู้คนที่ซีรีย์ต้องการจะนำเสนอให้กับผู้ชม ผ่านตัวละครที่เป็นยมฑูตในการเข้าไปช่วยเหลือผู้ซึ่งคิดจะบอกลาโลกนี้ ที่การสื่อสารนั้นคือการเล่นกับจิตใจของผู้ชมไปด้วยพอสมควร กับเนื้อหาในแต่ละตอนที่ถ่ายทอดออกมา พร้อมแง่คิดที่แฝงไว้มากมายในแต่ละตอน อยู่ที่ว่าผู้ชมจะเข้าถึงหรือเคยมีประสบการณ์ร่วมทั้งทางตรงหรือทางอ้อมหรือไม่ ถือเป็นซีรีย์ที่เล่าเรื่องในประเด็นปัญหาต่างๆ ในหนึ่งชีวิตของผู้คนที่ต้องเผชิญออกมาได้อย่างดีที่สุดเรื่องหนึ่ง องค์ประกอบอื่นๆ ก็เสริมการเล่าเรื่องให้ถ่ายทอดได้อย่างประทับใจอย่างมาก ไม่ว่าแสงสี ที่เข้ากับเรื่องราว การวางตำแหน่งของนักแสดงประกอบ ก็คือทำออกมาอย่างไร้ที่ติ ในบางตอนก็ทำให้เราสามารถขนลุกกับกราฟเนื้อหาที่ดำดิ่งไปในจิตใจอันปวดร้าวหรือเนื้อหาก็สามารถทำเราเสียน้ำตาไปด้วยได้ เพราะมันคือสิ่งที่เราสามารถเจอได้ในชีวิตประจำวัน หรือจากผู้คนรอบตัวของเราทุกคน แถมยังมีแง่มุมบางมุมที่สดใสมาก จนเป็นสิ่งที่ตราตรึงใจ อีกทั้งเรื่องราวในบทสรุปก็สวยงามยิ่งกว่าเรื่องราวระหว่างทางมากๆ สำหรับซีรีย์แฟนตาซีที่มีชื่อว่า “Tomorrow”.
โดยส่วนตัวผู้เขียน มองว่าสำหรับใครที่ดูแล้วมองว่า ซีรีย์จืดจางเกินไป นำเสนอได้น่าเบื่อ คุณอาจจะกำลัง มองเรื่องความทุกข์และสภาพจิตใจเป็นเรื่องตลกอยู่ก็เป็นได้ไม่มากก็น้อย เพราะอย่างที่บอกไปว่าหนึ่งในประเด็นใหญ่ของเรื่องนี้คือ สภาพจิตใจ ของผู้ที่ต่อสู้บนโลกนี้อย่างโดดเดี่ยว แม้นจะมีคนที่ดูจะเป็นมิตรก็เหมือนไม่มีหรือเขาอาจจะพบกับความทุกข์จนเกินจิตนาการ มาในชีวิตก็เป็นได้ ซึ่งเพียงแค่คุณไม่เคยได้พบเจอเหตุการณ์เหล่านั้นคุณเลยอาจจะมองแบบนั้น ก็คงไม่มีอะไรที่ผิดเลยครับ และหากคุณจะบอกว่าซีรีย์เล่าเรื่องจำเจ เล่าวนเวียนในเรื่องเดิมๆ เหตุการณ์คล้ายๆ กันอยู่ได้ ส่วนตัวคงต้อง ขอยกถามคำถามสักข้อให้ผู้อ่านได้ลองพิจารณา “ทำไมเรายังเห็นการฆ่าตัวตายของผู้คนมากมาย บนโลกที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนี้ไปเสียแล้ว ทั้งที่มันทำให้เรารับรู้ทางออก ข้อเตือนสติ และทางแก้ของทุกปัญหาที่เจอได้” ซึ่งสำหรับผมคำตอบก็คือเรื่องเบสิคมากๆ เพราะว่าชีวิตมีองค์ประกอบมากมาย ทั้งการขัดเกลาเลี้ยงดูจากครอบครัว หรือการขัดเกลาทางสังคมอย่างอื่นๆ ที่ได้รับในชีวิตที่ได้เติบโตมา อีกทั้งแม้จะ หัวข้อหรือประเด็นปัญหาเดียวกันที่ได้ประสบ แต่รายละเอียด เชื้อชาติ วัยวุฒิ การขัดเกลาทางสังคม ของผู้ที่ต้องเจอกับปัญหาหรือเรื่องราวเหล่านั้นก็ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญ เพราะจะส่งผลต่อความรุนแรงและผลกระทบที่ตามมาได้ของแต่ละบุคคลที่จะไม่เทียมกัน.
ฉะนั้นซีรีย์เรื่องเนื้อหาดีเรื่องนี้คือสิ่งที่ทำให้ผู้คนหลากหลายที่มีโอกาสได้ดู จะสามารถรับรู้แง่คิดแสนอบอุ่นใจ ที่จะนำมาปรับใช้กับชีวิตได้ โดยฉพาะหากเขากำลังประสบกับปัญหาอยู่และเรื่องนั้นตรงหรือคล้ายกับสิ่งที่ซีรีย์กำลังถ่ายทอดออกมา คงพอจะทำให้ผู้คนเรานั้นได้รับกำลังใจ ว่าบนโลกใบนี้ก็ยังมีคนที่ต้องพบเรื่องราวแบบคล้ายคลึงเราอยู่ไม่มากก็น้อย นำสิ่งที่กลั่นกรองจากเนื้อหาไปตกตะกอน จะสามารถนำไปเสริมความคิดที่ยังอยากจะสู้กับเรื่องราวที่ยากลำบากนั้นต่อไปอีกสักนิด เพื่อให้โอกาสตัวเองได้พบกับวันที่สดใส ใน “พรุ่งนี้” ที่กำลังจะมาถึง และด้วยความที่อาจจะเป็นซีรีย์ที่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีความหม่นหมองรุนแรงมากๆ จึงต้องมีความระมัดระวังในการชม แต่สำหรับผู้ที่พึ่งได้ประสบกับเรื่องราวบางอย่างและกำลังหดหู Tomorrow เรื่องนี้จะทำให้คุณมองสิ่งต่างๆ เปลี่ยนไป มอบแสงแดดที่อบอุ่นให้คุณได้เป็นอย่างดี หากคุณกำลังคิดว่า #ดูดีไหม ก็อยากบอกว่าอยากให้ดูนะ เพราะเนื้อหามันดี การเล่าเรื่องเป็นแบบเรื่องสั้น แยกเป็นตอนหรือจะเรียกว่าแยกตามลักษณะของผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรามึนงงไปกับเนื้อหา อีกทั้งเนื้อหาเกี่ยวกับตัวละครหลักก็สร้างความน่าสนใจได้ไม่แพ้กับเรื่องราวของการช่วยเหลือเลย เพราะเป็นการค่อยๆ ทำให้เรารู้ จนเกิดความอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเรื่องราวที่ถูกเล่าก็ทำออกมาได้อย่างดีมากๆ และโดยส่วนตัวน่าจะเป็นซีรีย์สุดประทับใจเรื่องหนึ่งในครึ่งปีแรก ของปี 2022.
หากคุณอยากหาซีรีย์ที่เนื้อหาอาจจะไม่ได้เบาใจ เนื้อหาอาจจะหนักไปบ้าง แต่เราสามารถทราบซึ้งไปกับเนื้อหา ในแต่ละตอนได้ไม่รู้เบื่อ “Tomorrow”. ก็คือคำตอบนั้นเพราะในช่วงที่ผ่านมาเรายังแทบไม่เห็นว่ามีซีรีย์เรื่องไหนของปีนี้ มีเนื้อหาสื่อสารกับเรื่องราวสภาพจิตใจของผู้คนซึ่งกำลังโดดเดี่ยว ออกมาได้ดีในระดับนี้เลย แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ OST ที่แต่ละเพลงส่งเสริมเรื่องราวของซีรีย์อย่างมาก ดนตรีก็ทำมาในโทนที่สื่อสารกับจิตใจได้ดี จนบางเพลงถ้าฟังบ่อยๆ ก็น้ำตาซึมได้เหมือนกัน
ซีรีย์ : Tomorrow | พรุ่งนี้ (2022) ,MBC
จำนวน 16 ตอน
ซับไทยที่ #Netflix => https://www.netflix.com/title/81503460
#LeeSoohyuk #Rowoon #mbc드라마 #tomorrow #내일 #Netflix #รีวิวซีรีย์ #SerieforMyday #Netflixth #รีวิวซีรีย์เกาหลี