ลูกชายจะไม่เรียนต่อ ป.ตรี บอกอยากจะเป็นนักร้องดัง มีชื่อเสียง ผมบอกอย่าเพ้อฝัน แรงไปไหมครับ

ยาวหน่อยแต่อยากให้ทุกคนช่วยอ่านครับ ขอบคุณครับ

พอดีลูกชายคนโตกำลังจะถึงเวลาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยครับ ช่วงนี้เลยลองคุยกับเขาเพื่อให้คำปรึกษา แนะนำกัน ว่าอนาคตเขาอยากจะเป็นอะไร ทำอาชีพอะไร เรื่องนี้มีทั้งพ่อกับแม่ผมที่เข้ามาช่วยพูดคุยกันแนะนำลูกของผมกัน เพราะผมเป็นพ่อที่เลี้ยงลูกคนเดียวครับ ภรรยาหย่ากันไปหลายปีแล้ว ลูกทั้ง 2 คนอยู่กับผม ซึ่งมีพ่อกับแม่ของผมค่อยดูแลช่วยเลี้ยงดูด้วย โชคดีตรงนี้ เข้าเรื่องเลยคือ ลูกชายคนโตของผมมาบอกกับผมและปู่กับย่าว่า เขามีความฝันอยากจะเป็นนักร้อง(ไม่ใช่นักร้องกลางคืนนะครับ แต่เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดัง มีผลงานเพลงฮิต) ซึ่งพูดตามตรงว่าผมไม่เห็นด้วยมากๆ ครับ เพราะกลัวว่าจะไม่มั่นคงและดูจะเป็นเรื่องเพ้อฝันจนเกินไป ผมคิดว่าคนจะดังจะเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แน่ เลยอยากให้เขาตั้งใจเรียนเพื่อเรียนจบไปได้ทำงานดีๆ ทำงานที่มั่นคงครับ เพราะโดยส่วนตัวผมนั้นทำงานประจำมาเกือบทั้งชีวิต ยังมาตกงานอยู่บ้านมาเกือบ 2 ปีแล้ว ด้วยความหวังดีกับลูก แต่ลูกบอกว่าเขาจะไม่เรียนต่อ ไม่เข้าเรียนมหาวิทยาลัย จะไปเรียนแต่งเพลง เรียนดนตรี ฝึกฝนการร้องเพลงของเขา และจะทำผลงาน ทำเพลงออกมาลงใน YouTube และเขามีความเชื่อว่าเขาจะต้องประสบความสำเร็จ ถ้าถามในเรื่องศักยภาพถามว่าเขามีความสามารถไหม ตอบตามความจริงคือ เขาเป็นเด็กเสียงดีมากๆ คนหนึ่ง และเล่นดนตรีได้ดี มีวงดนตรีที่เขาทำกับเพื่อนเขา และเขาก็ยืนยันคำเดิมว่าจะไม่เรียนต่อ จะทำตามความฝันของเขา ผมเลยพูดขึ้นว่าอย่าเพ้อฝันจนเกินไป เข้าใจว่ามีความฝันแต่บางครั้งก็ควรอยู่กับความจริงบ้าง ควรตั้งใจเรียนก่อนอันดับแรก การเรียนจะทำให้ลูกมีงานที่ดีทำ ชีวิตจะได้ไม่ลำบาก ซึ่งผมก็หนักใจไม่รู้จะบอก จะพูดยังไงให้เขาเลือกที่จะเรียนต่อ เพื่อจะได้เรียนจบไปมีหน้าที่การงานประจำทำเป็นหลักเป็นแหล่ง เป็นห่วงอนาคตของเขาครับ สุดท้ายเขาก็โกรธและเคืองผม ผมพูดแรงไปไหมครับในความคิดของเพื่อนๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
อยากเป็นศิลปิน นักร้อง
นักร้องมีหลายชนิดนะครับ นักร้องที่ร้องเพลงอย่างเดียว พวกนี้ต้องร้รองเก่งไปเลย จะแนวไหนก็ช่างแต่ต้องเก่งและถึงหากลูกอยาไปแนวนี้ ก็ต้องไปประกวดร้องเพลงพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ไม่ต้องชนะแต่ต้องเห็นผลและมีพัฒนาการ
อีกพวกคือ นักร้องที่แต่งเพลงเอง ร้องเอง พวกนี้ต้องมีความคิดสร้างสรรค์และเข้าใจดนตรี ซึ่งก็มีเวทีประกวดมากมายเช่นกัน แต่ทางที่ง่ายที่สุดคือ เขียนเพลงลงโซเชียลไปเลย ดูซิจะรอดได้จริงมั้ย
อีกแบบคือเป็นวงดนตรี ซึ่งอันนี้ต้องมีทีมงานมาร่วมด้วยขอละไปไม่พูดถึงมัน

โลกยุคนี้มันง่ายมากๆครับ ถ้าอยากเป็นนักร้อง นักดนตรีมีเพลง ก็จงทำมันออกมาทำลงโซเชียล ถ้าแค่นี้ไม่มีปัญญาทำหวังรอว่าจะมีลู่ทางดังได้ ก็ตบหัวลูกชายให้ตื่นซักทีครับ

ถ้าบอกว่าไม่อยากร้องเพลงกลางคืน.. แล้วลูกชายคุณรู้มั้ยครับว่า  นักร้องดังๆทั้งหลายนั่นน่ะ ก่อนจะมาดังก็ร้องกลางคืนกันมาเยอะแยะครับ เรียกว่า ส่วนใหญ่ก็ว่าได้ ที่สำคัญ เมื่อดังแล้วรายได้หลักไม่ได้มาจากยอดขายเพลงหรือคอนเสิร์ทใหญ่นะครับ แต่รายได้หลักของนักร้องดังๆคือการทัวร์แสดงตามสถานบันเทิงกลางคืนต่างๆ
แล้วลูกชายคุณคิดอะไรของเค้าว่าจะไม่ร้องกลางคืน แต่ยอากมีเพลงเป็นของตัวเอง ชีวิตเค้าเข้าใจอุตสาหกรรมเพลงดีขนาดไหนถึงกล้าคิดแบบนี้
ถ้าฝันลมๆแล้งๆโดยไม่รู้ปัจจัยแวดล้อมแบบนี้ ไล่ไปทำการบ้านให้จบแล้วค่อยมาคุยกันว่า ไอ้ที่มันบอกอยากมีเพลงของตัวเอง ร่าง road map มาหน่อยซิว่าจะมีได้ยังไง

รุ่นน้องผมทำงานในวงการบันเทิง ออกอัลบั้ม เพื่อนสนิทคนหนึ่ง็ออกอัลบั้ม ทั้งสองวงนี้พูดชื่อและเพลงมาทุกคนต้องรู้ รวมถึงผมร่วมงานกับศิลปินหลายๆท่าน ค่อนข้างสนิทกับศิลปินหลายท่านนะครับ ทุกๆท่าน ชีวิตไม่ได้โรยด้วยพรมสีแดง แต่สู้หนักมากกว่าจะมาถึงตรงนี้ได้
ยกตัวอย่างให้ครับ

วงดนตรีวงหนึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยม ทางบ้านมีฐานะร่ำรวย ทำห้องอัดและอุปกรณ์บันทึกเสียงที่บ้านได้ หัวหน้าวงจัดว่ารวยมากจนเปิดค่ายเพลงเองได้และทำการบันทึกเสียงเดโม่แรกนำไปเสนอค่ายเพลงใหญ่ระดับชาติ และออกเป็นอัลบั้มมาได้สำเร็จมีเพลงฮิตที่ทุกวันนี้ก็ยังมีคนพูดถึงอยู่ เรียนจบมัธยมไปแล้วพ่อแม่ส่งเรียนเอกชนซึ่งก็ไม่ค่อยเรียนหรอกวันๆเล่นดนตรี ซื้ออุปกรณ์ทำห้องอัดไว้บ้าน เรียนจบมาก็ไม่ทำงานอะไรแต่แต่งเพลงไปเรื่อยๆ ออกอัลบั้มมาไม่ดังมาก แต่แต่งเพลงภาพยนต์โด่งดัง และทุกวันนี้ก็ยังแต่งเพลงอยู่ แต่สมาชิกในวง ต้องเปิดร้านกาแฟเลี้ยงชีพ ขายเบสหาเงินกินช่วงโควิด ปลูกต้นไม้ขาย และทำอาหารกล่องขาย  จากวันคืนที่มีโชว์เต็มทุกวัน เดินสายเล่นคืนละ 3 ผับ รายได้คืนนึงเป็นแสน สุดท้ายก็เท่านั้นครับ

พี่อีกท่านหนึ่ง ร้องเพลงใต้ดินมาก่อน ทำเพลงแร็พมานำยุคก่อนกาลเวลา เป็นคนเฮฮาปาร์ตี้มีเพื่อนเยอะ ออกอัลบั้มเพลงใต้ตินแบบไม่สนใจค่ายใครอยากซื้อก็ซื้ออัดเองออกเองโปรโมทเองแบบไม่โปรโมทแต่เพลงเค้าแรงและดิบจนดัง ดังจนขึ้นมาอยู่บนดินเข้าค่ายใหญ่ระดับประเทศออกมาหลายอัลบั้ม เจอกันร้านเหล้านั่งกินเหล้ากันจได้เป็นเพลงใหม่มาในยุคนั้นเพิ่งมาปิดตีสอง เส้นทางกว่าจะโด่งดังได้มันไม่ได้ง่ายๆแลใช้เวลา เทียบกับยุคนี้แล้ว พี่เค้าสู้กว่าเยอะครับ ถ้าลูกคุณยังไม่มีปัญญาทำเพลงออกมา(อยากมีเพลงเอง) ปล่อยลงโซเชียลซึ่งก็ง่ายกว่าสมัยก่อนต้องอัดเองทำเทปเอง พิมพ์ปกเอง ปั๊มแผ่นเอง ...แค่ทำแล้วปล่อยลงยูทูป เฟส พ็อดแคสท์ แค่นี้ทำหรือยังล่ะครับ?

รุ่นน้องหญิงท่านหนึ่ง เข้าเวทีประกวด "ดวงดาว"  เข้ารอบจนไปถึงท้ายๆ ในปีนั้นร่วมกับศิลปินชั้นนำอีกมากมายหลายคนที่ดังจนถึงวันนี้หรือเรียกได้ว่าเป็นปีรวมเทพก็ว่าได้ น้องเค้าร้องในมาดของสาวร็อค หลังจากจบเวทีนั้น ได้งานต่างๆเข้ามาพอสมควรรวมถึงงานร้องเพลงกลางคืน และยังคงร้องต่อมาอีกหลายปี ล่าสุดเป็นครูสอนดนตรี แต่มีรายได้หลักจากการขายกระเป๋าออนไลน์ไปเสียแล้ว แทบไม่ได้ร้องเพลงอีกเลย ไม่แม้แต่ร้องเพลงลงโซเชียลแล้วครับ สอนร้องเพลงออนไลน์ไปเท่านั้น

ถ้าจะเป็นนักร้อง ไม่แต่งเพลงเอง ชีวิตต้องเอาตัวเองไปอยู่กับนักแต่งเพลงให้ได้ ยุคสมัยนี้ไม่มีค่ายเพลงก็จริงแต่มี"กลุ่ม"คนแต่งเพลงที่ปล่อยเพลงลงโซเชียลกันเรื่อยๆ บ้างก็หานักร้องมาร้องเพลงตัวเอง ถ้าลูกคุณไม่สามารถเอาตัวเองเข้าไปตรงนั้น สังคมนั้นได้ (เค้ารู้มั้ยว่า อยู่ไหน ยังไง) และ ต้องแสดงเสียงให้พวกเค้าได้ยินได้สนใจพอจะดึงมาร้องเพลงซิงเกิ้ลใหม่ของพวกเค้าที่ก็ลุ้นกันว่าจะดังแค่ไหน นี่แหละคือบริบทของการเป็นนักร้องดังมีเพลงเป็นของตัวเองในยุคนี้ พอดังมากๆก็ต้องตระเวนรับงานอีเว้นท์ต่างๆ กลางวันกลางคืน แล้วอย่าหยุด ต้องทำเพลงออกมาอีกเรื่อยๆจนได้แฟนเพลง นั่นก็คือ ต้องมีนักแต่งเพลงคู่บุญที่ดึงตัวลูกคุณออกมาได้

อีกทางหนึ่งคือ ต้องมีเงินครับ นักแต่งเพลงมีเยอะแยะยุคสมัยนี้ ตั้งแต่แต่งพร้อมดนตรีเสร็จสรรพเพลงละหมื่นสองหมื่นไปจนถึงเพลงละะเป็นแสน ไปหาตัวมาเขียนเพลงให้เลย ร้องแล้วเอาลงโซเชียลไปซะ ซึ่งก็แน่นอนว่า มันไม่ปังไม่ดังในเพลงแรกอย่างแน่นอน แต่คิดกลมๆง่ายๆนะครับ มีเงินซักล้านนึงน่าจะแต่งออกมาได้มากพอที่จะพิสูจน์ว่าลูกคุณของแท้หรอของเทียมในวงการบันเทิง


ผมไม่ได้บอกว่าวงการบันเทิงมันอยู่ไม่ได้ มันอยู่ได้แน่นอน แต่ ไม่ใช่อาชีพที่รวยเร็ว รุ่งไวเหมือนแต่ก่อนแล้วครับ อุตสาหกรรมนี้ มุลค่าลดลงอย่างมากเพราะใครๆก็ดังได้ ช่องทางการเป็นศิลปินไม่ใช่ค่ายเพลง ค่ายบันเทิงปั้นวางแผน PR  เดินหมากวางเกมส์อีกต่อไปมันคือเรื่องจริงของคนที่มีความสามารถมีของอยู่ในตัวที่จะปล่อยออกมาตามช่องทางต่างๆ ค่ายเพลงยังคงมีอยู่นะครับแต่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางช่วยโปรโมททางสื่อหลัก(ที่ก็ยังคงมีอยู่) แต่ถามว่าจะมาทุ่มกันให้ศิลปินคนนึงเป็นล้านๆเพื่อหวังโกยกลับมาเป็นสิบๆร้อยๆล้านแบบเมื่อก่อนมั้ย ตอบเลยว่าไม่ ถ้าได้มาสักคนนึงที่มีแวว มาช่วยกันปั้นแต่งออกมาซักซิงเกิ้ล ลองปล่อยไปดูโซเชียล อ๊ะ ดังเว้ยยย ไปลงสื่อใหญ่ เริ่มออกอีเว้นท์แล้วไปต่อได้ก็เข็นกันไป มีเพลงใหม่ออกมาให้ ก็ไปกันต่อได้เรื่อยๆ แต่ถามว่ารวยขนาดไหน ก็ยุคนี้ไม่มียอดขายเทปแล้ว จากที่ได้กันม้วนละ 2.50 บ เมื่อก่อนนี้ ตอนนี้รายได้มาจากไหนบ้างล่ะ? ถ้าไม่ออกอีเว้นท์ ถ้าเพลงมันปล่อยลงช่องของค่ายของกลุ่ม ก็ได้รายได้จากยอดวิว(ที่ไม่ได้มากมาย)แล้วมาแบ่งกัน (หรือก็เป็นของค่ายของกลุ่มไป) แล้วไปๆมาๆนะครับ ไอ้ที่ดังๆปังๆขึ้นมาเป็นล้านวิวเป็นกระแสเรื่อยๆนั้น ไม่ได้ปล่อยออกมาแบบมีค่ายด้วย

ย้อนกลับไปวงดนตรีวงหนึ่ง เกิดมาจากแค่นักดนตรีอาชีพไปงานแต่งงานเพื่อนแล้วแต่งเพลงให้เค้าโดยไม่คิดอะไรเวลาผ่านไปเพลงนี้ดังเป็นพลุแตกขึ้นมา และกลายเป็นเส้นทางสู่ศิลปิน ทำให้สมาชิกในวงต่างก็มีงานเล่นอีเว้นท์ต่างๆชนิดคิวแทบไม่ว่างเลย ภายหลังขยายวงมีสมาชิกเข้าไปเพิ่ม ซึ่งก็พอดีว่าเพื่อนร่วมงานของผมก็เข้าไปร่วมกับวงนี้ด้วย ถามว่าชีวิตเค้าเปลี่ยนไปขนาดไหน? ตอบว่าไม่ครับ กลางวันก็ยังสอนดนตรี กลางคืนก็ยังเล่นตามร้านและมีอีเว้นท์ไปเรื่อยๆ รายได้เยอะขึ้นจริงๆ แต่มันไม่ได้ยั่งยืนครับ เพราะตอนนี้วงนี้ก็เงียบๆไปแล้ว ไม่มีเพลงออกมาอีก งานยังมีเข้ามาบ้างแต่เป็นเพียงนักร้องและสมาชิกหลักของวงเท่านั้น

จากใจคุณพ่อที่ก็มีลูกวัยรุ่น ที่เคยจะออกเทป(สมัยนั้นเรียกออกเทป) อยู่ในวงดนตรีที่เดินร่อนเดโม่กับค่ายเพลง ออกคอนเสิรทใต้ดินมาก่อน และ ได้ร่วมงานกับค่ายเพลงจริงๆแต่อัลบั้มนั้นไม่ถูกผลิตออกมา (แต่เพลงถูกนำไปดัดแปลงใช้กับศิลปินอื่น) สมาชิกในวงยังคงเ)็นนักแต่งเพลงในวงการ และไปทำงานประจำอื่นๆ(วิศวกร สถาปนิก) รวมถึงมีเพื่อนสนิทเป็นมือกีตาร์ห้องอัดมาก่อน เพื่อนร่วมสถาบันกับร็อคสตาร์อันดับหนึ่งของไทยและเล่นกลางคืนร่วมกับนักร้องดังๆหลายคน เจ้าตัวจริงๆจบกฎหมาย สอบอัยการได้ แต่ชอบเล่นกีตาร์มาก ตอนนี้เป็นลุงเลี้ยงแมวเล่นกีตาร์ให้แมวฟังอยู่บ้านปลูกต้นไม้ใบหลายแฉกไปวันๆ

พ่อแม่ผมสนับสนุนให้ผมเล่นดนตรีและดันให้เข้าไปใกล้ๆกับวงการพวกนี้เท่าที่ทำได้ แม้จะไม่ได้ร่ำรวยจนสร้างงานออกมาได้เองแบบรุ่นน้องคนที่เล่าคนแรก แต่ก็นับว่าไม่กีดกันครับ อย่างไรก็ตาม ทางบ้านย้ำเสมอว่าต้องเรียนหนังสือ ซึ่งเมื่อเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ผมก็ไปเรียนดนตรีต่อต่างประเทศจริงจังไปทางนั้นเลยทางบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร ทุกวันนี้ไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับเพลงและดนตรีแล้ว แต่ใช้ความรู้ทางด้านนั้นแหละมาผสมกันจนเป็นอาชีพในปัจจุบัน

เข้าใจความคิดวัยรุ่นครับ แต่ ถ้ามโนโดยไม่รู้จริงก็เป็นได้แค่ไม้หลักปักข้างทางให้คนดูถูกเท่านั้นแหละ
แล้วมันต้องคิดหน่อยครับว่า จะเอาอะไรกิน...กว่าจะดัง!!
ตอบและวางแผนตรงนี้ไม่ได้ แถวบ้านเรียก ลมๆแล้งๆ

สรุปว่า ผมพูดแรงกว่าคุณพ่อ จขกท เสียอีก ฮ่าาาาา
ความคิดเห็นที่ 1
บอกเค้าว่าพบกันครึ่งทาง​ แล้วไปเรียนดุริยางคศิลป์ ครับ

อย่างน้อย​ ถ้าความฝันไม่สำเร๊จ​ ชีวิตยังมีเส้นทางไปต่อได้ครับ
ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าเราเป็นคุณ  ส่งเขาไปประกวดร้องเพลงตามรายการทีวีเลยค่ะ เขาจะได้รู้ว่าที่ตัวเอง "เก่ง" "แน่" นั้น เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ เก่งจริงไหม , ความจริงมันควบคู่กับการเรียนได้ เรียนมหาวิทยาลัยไปคัดเลือกเป็นนักร้องนำวงดนตรีมหาวิทยาลัยก็ได้ ,  ที่สุด  หากเขายืนยัน ก็ปล่อยเขาเถิดค่ะ ให้เวลาเขาค้นหาตัวเองสักปีสองปีค่อยกลับไปเรียนก็ไม่สาย
ความคิดเห็นที่ 4
เวลาคุณตื้อตันทางความคิดน่ะ ให้ลองคิดถึงตัวเองตอนเป็นเด็ก
เราเองก็เคยผ่านความคิดแบบสุดโต่ง ความดื้อมากันแล้วทั้งนั้น
คำพูดอะไรที่คุณไม่อยากได้ยินจากพ่อแม่ในตอนเด็ก คุณอย่าทำแบบนั้นกับลูก

และอย่าไปคาดหวังอะไรกับตัวเขา เพราะลูกไม่ได้เกิดมาทดแทนความผิดพลาดของพ่อแม่
เขามีความคิดของตัวเอง ความฝันของเขาเอง ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปตามโลกให้ทัน

อย่าทำร้ายความรู้สึกลูกด้วยคำนั้น

ชี้แนะแนวทางให้เขาโดยไม่ทำลายความฝันของเขาไปด้วยทำไม่ได้เหรอคุณเป็นพ่อคนแล้ว
ถามเขาซิ เขาสามารถเรียนไปด้วยทำตามความฝันไปด้วยได้ไหม
เรียนในสายดนตรีทำให้มีความรู้เฉพาะทาง เขาอาจเจอครูที่เก่งมาชี้แนะแนวทางให้เขาตามฝันได้ง่ายขึ้นหรือเปล่า
คุณต้องเป็นเพื่อนลูกสิ เพื่อนคู่คิด

ว่างๆคุณลองไปหาอ่านบทความของพ่อแม่ศิลปิน หรือพ่อแม่ที่มีลูกประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพที่คุณว่ามันเพ้อฝันในความรู้สึกคุณลองดูซิ ดูว่าเขามีทัศนคติอย่างไร มีความกล้าหาญแค่ไหนที่จะส่งเสริมให้ลูกได้ทำในสิ่งที่เขาฝันไว้จนประสบความสำเร็จ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่