[เรียบเรียงและออกความเห็น] กรณี คิมการัม LE SSERAFIM

เกริ่นก่อน กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพื่อเรียบเรียงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น และใช้ความคิดเห็นส่วนที่มองว่ามันแปลก หรือทำความเข้าใจกับที่หลายๆคนยังด่าผิดประเด็นเท่านั้น  ส่วนการจะเชื่อฝ่ายไหนมันคงสุดแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนนะครับ  

เข้าใจว่าตอนนี้หลายๆคน แม้แต่แฟนคลับรวมถึงบ้านเมนแต่ละคนก็พร้อมมูฟออนแล้ว โอเคกับOT5แล้ว อาจจะไม่ได้สนใจแล้ว 
กระทู้นี้อาจจะไม่มีคนอ่านแล้ว ก็ไม่เป็นไร  ส่วนตัวจะพยายามทำเท่าที่ทำได้ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเมนน้องโดยตรงก็ตาม 
แต่ในเมื่อน้องถือว่าเป็นส่วนนึงในวง เป็นครอบครัวเดียวกันกับเด็กๆที่เรารักแล้ว ก็จะพยายามปกป้องน้องเท่าที่จะทำได้
เพราะบอกตรงๆว่ารับไม่ได้ที่ทั้งคนนอกคนในพร้อมใจกันเทน้องแรงขนาดนี้ ทั้งๆที่ยังมีส่วนที่เข้าใจผิดและเรื่องก็ยังไม่เคลียร์เลย
ถ้าอยู่เฉยๆก็คงจะเหมือนติดค้างตัวเองต่อไป   

ขอบอกว่าค่อนข้างยาวมาก บางเรื่องก็อาจจะรู้ๆกันอยู่แล้ว และถ้าไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างที่บอกมันคือความเชื่อของแต่ละคน 
ส่วนตัวจะไม่ขอมาเถียงหรือตอบโต้กลับนะครับ

////  Disclaimer ผมเข้าข้างน้องนะครับ ดังนั้นอย่าคาดหวังความเป็นกลางอะไรจากบทความนี้  แต่จะพยายามให้มันไม่น่าเกลียดจนเกินไปนัก โดยส่วนไหนที่เป็นความเห็นหรือข้อสังเกตุ จะแยกไว้อย่างขัดเจน ถ้าไม่ได้ใส่หมายความว่ามันเป็นข้อมูลที่มีการpublishออกมาให้ได้รับรู้ทั่วกันนะ และจะไม่ใช้ข่าวลือทั้งในส่วนของฝั่งข้างการัมและอีกฝั่งมารวมนะ  ///////

********************************************************************************************************************************************
เริ่ม 

ลำดับเหตุการณ์ช่วงอดีต 
มี 2 Phase ครับ ที่ต้องแยกเพราะต่อไปคนจะเอาเรื่องของ2phaseนี้มาปนกัน ซึ่งมันไม่ใช่ ดังนั้นจะขอแยกเรื่องระหว่างการัมvsผู้เสียหายเป็นphase1 และเรื่องที่การัมโดนหลังจากนั้นเป็นphase2 โดยข้อมูลในส่วนอดีตจะอ้างอิงจากแถลงการณ์ของHYBE

Phase1
1. มีนาคม – เมษายน 2018 :  ผู้เสียหาย (นามสมมติว่า ยูอึนซอ)  และคิมการัมยังคบกันในหมู่เพื่อน จนกระทั่งมีปัญหากัน และอึนซอได้มีการบอกเพื่อนชายคนสนิทให้มีการข่มขู่การัมที่นอกโรงเรียน ทั้งคู่เลยเลิกคบกันในที่สุด [Note โรงเรียนที่เกาหลีจะเปิดเทอมที่ช่วงมีนาคมพอดี น่าจะแปลได้ว่าเพิ่งรู้จักกัน ไม่ได้สนิทมาก]  

2. ช่วงเดือนเม.ย. - พค 2018 : อึนซอมีการถ่ายรูปของเพื่อนร่วมชั้น นามสมมติD แล้วเผยแพร่ทางSNS Dตกใจและอับอายมาก การัมและเพื่อนอีก5คนเลยมีการรวมตัวกันไปต่อว่าอึนซอ ซึ่งHYBEยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น แต่ยอมรับว่ามีการใช้คำพูดที่ไม่ดี(แหงล่ะ) โดยในเรื่องนี้มีพยานอีกหลายคน อึนซอยอมรับผิด มีการทำเรื่องสมัครใจย้ายโรงเรียนโดยไม่มีการลงโทษเกิดขึ้น แต่ก่อนไปได้มีการแจ้งเรื่องถึงคณะกรรมการย่อยป้องกันและต่อต้านความรุนแรงในสถานศึกษา(ไม่แน่ใจคำofficialคืออะไร แต่แปลประมาณนี้ละกัน) 

3. มิถุนายน 2018 :  การัมและเพื่อนอีก1คนโดนลงโทษตามมติของคณะกรรมการฯ  

4. ยูอึนซอย้ายกลับมาที่รร.บริเวณใกล้กับรร.ของการัมภายใน1-2เดือน 

จบ Phase1 คือเรื่องระหว่างอึนซอและการัมแค่นี้  

------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Phase2

1. หลังจากอึนซอย้ายรร. และการัมโดนลงโทษ หลังจากนั้น การัมตกเป็นเป้าหมายของการนินทาและปล่อยข่าวลือต่างๆมากมาย  เช่น เธอเคยทำร้ายเพื่อนด้วยอิฐ ด้วยกระถางต้นไม้ เคยอยู่ในแกงค์อันธพาล กินเหล้า สูบบุหรี่ ฯลฯ  ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยอาจารย์ได้มีการนำเพื่อนนักเรียนที่ปล่อยข่าวต่างๆมาขอโทษการัมต่อหน้าเพื่อนนักเรียนคนอื่น และเรื่องกินเหล้าสูบบุหรี่ การัมได้มีการตรวจหาสารนิโคตินเพื่อนยืนยันว่าเธอไม่เคยสูบบุหรี่อีกด้วย

2. หลังจากนั้น การัมและเพื่อน ได้มีการถูกบังคับเข้าไปในกลุ่มแชท ซึ่งคนในนั้นจะรุมด่าทอเธอและเพื่อนต่างๆนาๆ (ในส่วนนี้ยังกำกวม เพราะบางเจ้าก็บอกว่าคนในกรุ้ปรุมการัมโดยเฉพาะ และบางเจ้าก็บอกว่าในกรุ้ปด่าคนอื่นๆไปเรื่อยและรวมถึงการัมด้วย) โดยหากเธอไม่อ่านและพยายามออกจากกลุ่มก็จะโดนขมขู่กลั่นแกล้ง โดยในกรุ้ปนี้ไม่ได้มีแค่นักเรียนในโรงเรียนอย่างเดียว มีนร.รรอื่นด้วย จนกระทั่งการัมต้องขอความช่วยเหลือจาอาจารย์อีกครั้ง 

3. การัมได้รับความเจ็บปวดจากเหตุการณ์เหล่านี้ แต่เธอสามารถอดทนผ่านมันมาได้ จนได้เดบิวต์ในที่สุด

จบ Phase2 และเรื่องในอดีต 
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อคิดเห็นเรื่องในพาร์ทอดีต
-          เรื่องการที่อึนซอ บอกเพื่อนชายคนสนิทและมาข่มขู่การัมนั้นสามารถตีความได้2แบบ คือ 1.) เรื่องปกติ ทะเลาะกับเพื่อนก็มีไปฟ้องแฟน/เพื่อนชายคนสนิทให้มาเอาเรื่องอีกฝ่าย ซึ่งไม่แปลกสำหรับเด็กอายุ12-13 และ 2.) ยูอึนซอเองมีกลุ่มก๊วนนอกรร.อีกกลุ่ม ซึ่งถ้าหากเป็นไปตาม1 ผมคิดว่าไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยที่HYBEจะใส่ส่วนนี้เข้ามาในแถลงการณ์ ดังนั้นส่วนตัวคิดว่าHYBEน่าจะสนใจไปในประเด็นที่2 เพราะมันจะเชื่อมโยงไปในเรื่องของphase2 ที่มีการกลั่นแกล้งจากคนนอกรร. ตรงส่วนนี้แน่นอนว่าไม่มีหลักฐาน ไม่งั้นHYBEคงใส่แบบชัดเจนไปแล้ว

-          เหตการณ์แอบถ่ายเพื่อนนักเรียนD ตรงนี้HYBEย้ำหลายครั้งว่ามีพยานและเป็นเรื่องที่คนรู้กันทั่ว  จึงน่าจะอนุมานได้ว่าเกิดขึ้นจริง แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันว่าจะไม่มีบันทึกเรื่องนี้อย่างเป็นทางการกับโรงเรียน โดยมีความเป็นไปได้2แบบคือ 1.) ปกติเหยื่อที่มีปัญหาเหล่านี้มักจะไม่กล้าแจ้งรร.ด้วยความอาย(ย้ำว่าตอนนั้นเด็กเพิ่งม.1) และการที่การัมและพวกตั้งศาลเตี้ยก็อาจจะเพราะแบบนี้ หรือ  2.) Dแจ้งแล้ว รร.เรียกอึนซอไปคุยแล้ว โดยจบที่อึนซอขอย้ายรร.ไปเอง เพื่อไม่ให้มีประวัติและรร.ไม่เสียชื่อ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นการดีลกันภายใน (ส่วนตัวค่อนข้างคิดว่าเป็นข้อนี้ เพราะไม่ต้องเกาหลีหรอก รร.ในไทยเวลามีเรื่องกันก็มักจะจบแนวๆนี้)  โดยมันจะต่างจากเคสของการัมที่อึนซอร้องเรียนไปที่คณะกรรมการฯโดยตรง ซึ่งเป็นหน่วยงานภายนอก จึงต้องมีการดำเนินการอย่างเป็นทางการ

-          หลายๆคนมีปัญหาว่าทำไมการัมถึงโดนที่Level5 ซึ่ง(ฟังต่อๆกันมา)ว่าร้ายแรงที่สุด ถ้าไม่ได้ทำรายร่างกายกันเลย และไม่เชื่อเรื่องที่HYBEแถลงตามมาว่า ระดับของการลงโทษนั้นไม่เท่ากันในแต่ละที่ ดังนั้นเราอาจจะต้องมาทำความเข้าใจของเรื่องมติการลงโทษขอคณะกรรมการฯนี้ก่อน  

      บทลงโทษของการัมนั้นเป็นข้อหนึ่งใน มาตรา17 ของพระราชบัญญัติการป้องกันและต่อต้านความรุนแรงในสถานศึกษา (ย้ำอีกรอบ ไม่รู้ว่าเค้าแปลจริงๆกันว่ายังไง) โดยคณะกรรมการใหญ่ก็คือระดับรัฐมนตรีขึ้นไป   อ้างอิง   โดยจะมีการมอบอำนาจให้มีการตั้งคณะกรรมการย่อยลงไปตามขนาดพื้นที่ดูแล (โรงเรียนมีเป็นพัน คงจะไม่สามารถให้หน่วยงานกลางดูแลได้ทั้งหมด) โดยในเสกลเล็กที่สุดคือ คณะกรรมการย่อยว่าด้วยการป้องกันและต่อต้านความรุนแรง ประจำสถานศึกษาที่กล่าวถึงไปข้างต้นในphase1 ซึ่งจะมีโรงเรียนละ1คณะ หรือ2โรงเรียน1คณะ โดยคณะกรรมการนี้ส่วนใหญ่รับหน้าที่โดยตัวแทนจากสมาคมผู้ปกครอง (อ้างอิงจากมาตราที่12และ13ของพระราชบัญญัติ) และการพิจารณาบทลงโทษของเด็กที่ก่อความรุนแรงจะถูกตัดสินโดยคณะกรรมการย่อยชุดนี้ โดยไม่ได้มีการกำกับถึงความรุนแรง ซึ่งแบ่งได้เป็น9ข้อดังนี้ 

1 แสดงความขอโทษต่อผู้เสียหายแบบเป็นลายลักษณ์อักษร
2 ห้ามไม่ให้นักเรียนดังกล่าวติดต่อ ข่มขู่ หรือแก้แค้นผู้เสียหาย หรือผู้ที่แจ้งเหตุ
3 บำเพ็ญประโยชน์กับโรงเรียน
4 บำเพ็ญประโยชน์ต่อสาธารณะ
5 เข้าอบรมเพิ่มเติม(เรื่องความรุนแรงในชั้นเรียน) หรือเข้ารับการบำบัดจากนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญภายนอก
6 พักการเรียน
7 ย้ายชั้นเรียน (น่าจะหมายถึงย้ายห้อง?)
8 ย้ายโรงเรียน
9 ไล่ออก
เนื่องจากมีการห้ามการไล่เด็กออกจากสถานศึกษา จึงมีการบังคับใช้กันจริงแค่ข้อ1-8เท่านั้น 

และถึงแม้เมื่อเรามองผ่านๆจะดูเหมือนกับว่าแต่ละข้อจะเท่ากับว่าความรุนแรงมันมากขึ้นเรื่อยๆ  แต่ตามจริงแล้วมันไม่ใช่ 
เพราะตัวมาตราในวรรคนี้จะว่าด้วยเรื่องของบทลงโทษเท่านั้น ไม่ใช่ความรุนแรงของสิ่งที่ก่อ โดยถ้าเราอ่านเพิ่มจะมีวรรค(2)ที่คณะกรรมการฯอาจเห็นสมควรให้การใช้บทลงโทษมากกว่า1ข้อได้ และวรรค(3) นักเรียนที่ถูกพิจารณาให้มีการลงโทษตั้งแต่ข้อ2-4 และ 6-8 จะต้อง(ในตัวภาษากฎหมายใช้คำว่าshall แปลว่าต้องทำ ถ้าหากเลือกจะทำหรือไม่ก็ได้ จะใช้คำว่า may)เข้ารับการอบรมให้ความรู้เพิ่มเติม หรือเข้ารับการบำบัดโดยนักจิตฯ ตามบทลงโทษในข้อ5 จึงหมายความว่าการที่การัมโดนตัดสินโทษที่ข้อนี้ ไม่ได้แปลว่าบทลงโทษของเธอแรงกว่าข้อ2-4เท่านั้น(ซึ่งตามวรรค(3) ยังไงคนที่โดนโทษข้อ2-4ก็ต้องอบรมอยู่ดี) อาจจะแรงกว่าหรือเบากว่าก็ได้  แต่อาจจะพอบอกได้แค่ว่าบทลงโทษแรงกว่าข้อที่1 คือการเขียนจดหมายลงโทษ ดังนั้นมันจึงตอบคำถามที่ว่าทำไมHYBEจึงออกแถลงการณ์ต่อมาว่าการเลือกระดับลงโทษนั้นอยู่ที่ดุลยพินิจของแต่ละคณะกรรมการ ว่าง่ายๆก็สมาคมผู้ปกครองรร.นี้เค้าจะให้ลงโทษประมาณนี้   ซึ่งการอบรมพิเศษที่มันเป็นmandatoryในทุกบทลงโทษอยู่แล้วนี่เราก็ไม่น่านับว่าน้องเป็นโทษร้ายแรงเป็นพิเศษ และที่พ่อแม่น้องไม่ได้ขออุทธรณ์ก็คงเพราะมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตนักหนามากก็ได้ 

มีต่อคห1
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่