ตอนที่โควิดระบาดใหม่ๆ เราก็ยังทำงานอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง อยู่ในกรุงเทพค่ะ พอได้รับผลกระทบจากโควิดเราก็ตัดสินใจลาออกจากการเป็นพนักงานโรงแรมตอนเดือนธันวาคม ปี2020
แล้วก็มาทำงานโรงงานนี้ล่ะค่ะ ตอนนั้นก็ได้เป็นสาวโรงงานที่อยู่ในไลน์ผลิตจริงๆเลยค่ะ โรงงานที่เราทำอยู่นั้นเป็นโรงงานผลิตยางรถยนต์ค่ะ งานหนักเอาการมากๆ เพื่อนๆก็ลองคิดดูสิคะว่า เขารับแต่พนักงานผู้ชาย แน่นอนว่าจากตรงนี้ก็คงพอที่จะเดาหน้างานกันออกนะคะว่ามันต้องหนักหนาขนาดไหน
เอาเป็นว่าถ้าให้ผู้หญิงไปทำล่ะก็ มีหวังมดลูกคงได้หลุดออกมาเป็นยวงๆแน่ค่ะ5555+ ขำๆนะคะแต่ก็หนักจริง
เริ่มแรกเลยเราไปสมัครงานผ่านซับคอนแทร็กค่ะ เป็นบริษัทที่จะส่งเราไปทำงานกับโรงงานอีกทีหนึ่ง ที่ที่เราไปสมัครอยู่ที่ปั๊ม ปตท.มาบยางพรค่ะ สมัครปุ๊ปก็นัดสัมภาษณ์ทันทีเลย พี่เขาจะนัดสัมภาษณ์รวมพร้อมๆกับคนอื่นค่ะ เราก็มาตามนัด
วันที่เราไปสัมภาษณ์รู้สึกจะมีประมาณร้อยกว่าเกือบๆสองร้อยคนค่ะ และก็มีผู้หญิงมาด้วยประมาณสิบคน อ๊ะอ้า...ไหนบอกว่าไม่รับผู้หญิงใช่ไหม อันที่จริงรับค่ะ รับไปทำงานงานเบาๆที่เป็นส่วนน้อยแล้วก็เอาไปขับโฟล์คลิฟต์ค่ะ
วันที่เราสัมภาษณ์ ก็จะมีการเจาะเลือดตรวจโควิดค่ะ เรากลัวมากๆเพราะไม่ชอบเข็มเลย เห็นแล้วแทบเป็นลม ถ้าตอนนั้นมีแอนติเจ้นเทสก็คงดี คงทนเจ็บจมูกนิดหน่อย
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จเขาก็นัดเราไปอบรมต่อค่ะ ตอนอบรมเราก็เริ่มประหม่าละ เราไม่รู้จักใครสักคน เรามันก็แค่กระเทยตัวเล็กๆที่สูง165 และหนัก 45 เอาจริงๆตอนนั้นคิดว่า เรามาทำอะไรในดงผู้ชายวะ เหมือจะเถื่อนๆ แต่ก็...นะ ผู้ชายงานดีที่เหมาะกับการให้จ้องมองได้ก็มีเยอะถมเถไปค่ะ 555 พอได้เป็นอาหารตา
พออบรมเสร็จก็มาถึงตอนเลือกแผนกค่ะ ตอนนี้แหละเป็นตัวชี้วัดชะตาชีวิตการทำงานของเราเลย คือ.. ถ้าได้ไปตกอยู่แผนกงานหนักๆนี่คือชีวิตคงจบสิ้นแน่ค่ะ 555
ตอนแรกเหมือนพี่ๆเขาจะเสนอแผนกมาให้เลือกก่อน แต่ต่อให้เสนอยังไงก็เลือกไม่ถูกหรอกค่ะ เพราะเราไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าหน้างานมันจะดีไหมแล้วเราจะทำได้หรือป่าว ตอนนั้นเหมือนเขาจะนำเสนอแผนกอบยางมาก่อนค่ะ พี่เขาบอกว่าแผนกอบยางจะเป็นแผนกที่สบายที่สุดเพราะเหมือนเราแค่คอยเอายางเข้าเครื่องอบแล้วก็แค่รอเวลาให้มันอบเสร็จ แต่ก็ต้องแลกมากับความร้อนอบอ้าวอันมหาสาร เพราะเราจะต้องอยู่กับเตาอบยาง
แผนกอบยางเสนอผ่านไป...สักพักก็มีพนักงานอาสาไปอยู่กันเต็มละ
แผนกต่อมาเป็นแผนกผสมยางค่ะ ซึ่งแผนกนี้งานก็ไม่หนักและไม่ต้องทนกับความร้อนเหมือนกับแผนกอบยาง แต่ก็ต้องแลกมากับการที่เราต้องไปทำงานในที่ที่มีสารเคมีเยอะซึ่งอันนี้เราก็ขอบายค่ะ ถึงจะได้ค่าสิ่งแวดล้อมเพิ่มมาก็เถอะ แต่ถ้าให้เราไปสูดดมทุกวันเราก็คงไม่ไหวแน่ ฉะนั้นรอแผนกต่อไปค่ะ
แผนกต่อมา เราจำไม่ได้แล้วว่าแผนกอะไร เรารอจนเพื่อนๆที่อบรมของเราค่อยๆหายไปทีละกลุ่มทีละก้อน ตอนนี้เราก็เริ่มใจหายแล้วค่ะ... เอาวะ คงต้องเลือกแล้วแหละ ยังไงซะมันก็คงไม่มีงานเบาๆเหมือนกับน้ำหนักตัวของเราหรอก ฮึบ..
ผลสุดท้ายเราก็ได้ไปอยู่แผนกวัตถุดิบโรงสองค่ะ เรารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆที่เราเลือกมาแผนกก่อน เพราะถ้าขืนปล่อยให้โชคชะตาเลือกเราก็คงจะได้ไปอยู่แผนกขึ้นรูปซึ่งเราคิดว่ามันเป็นแผนกที่หนักที่สุดละ แถมรับคนเยอะที่สุดด้วย
หลังจากที่ได้แผนกและสังกัดกันแล้ว เราก็จะมีหัวหน้าของแต่ละแผนกมารับค่ะ แผนกวัตถุดิบโรงสองรุ่นเราน่าจะมีประมาณสักยี่สิบกว่าคนมั้งคะ จำไม่ได้จริงๆค่ะ ในยี่สิบกว่าคนนี้ก็จะถูกแบ่งเป็นกะค่ะ มีกะเอ, กะบี, แล้วก็ กะซี ค่ะ เราได่อยู่กะบีค่ะ เพื่อนๆกลุ่มเราก็ดีค่ะ เรามีกัน5คนค่ะ ผู้ชาย3 ได้แก่ พี่ศัก พี่ป๊อป และพี่เท็ค กระเทย(เรา)1 แล้วก็ผู้หญิง1คน คือพี่ปุ๋ยค่ะ
เราคุยกันสักพัก ก่อนที่จะได้ฟังรายละเอียดงานและก็ถูกพาไปยังสถานที่ที่เราต้องมาทำงานจริงๆ เราและพี่ผู้ชายอีกสามคนได้ไปอยู่ที่เดียวกันค่ะ ส่วนพี่ปุ๋ยถูกแยกออกไปทำงานพันลวดค่ะ ซึ่งเป็นงานผู้หญิง...
สถานที่ทำงานของเราก็คือ...เอ่อไม่รู้จะอธิบายยังไง มันเป็นอะไรที่ใหญ่โตมโหราฬมากค่ะ เป็นโรงผลิตขนาดใหญ่ ข้างในมีเครื่องจักรน่ากลัวๆเพียบเลยค่ะ แล้วก็รถโฟล์คลิฟแล่นกันยั้วเยี้ย
เราโชคดีหน่อยที่ได้อยู่โรงผลิตที่มีแอร์ค่ะ เลยไม่ต้องกลัวว่าจะร้อน แต่งานเรานั้นก็ไม่ได้สบายนะคะ 555 ไม่เป็นไรค่ะ เราสู้ค่ะ เอาล่ะค่ะ ต่อไปเราก็จะรีวิวการทำงานจริงๆแล้วนะคะ...หุๆ
ก่อนอื่นเลย เราขอบอกก่อนนะคะว่าโรงงานของเราเป็นโรงงานจีนค่ะ และโรงงานก็ใหญ่และมีพื้นที่เยอะและกว้างมากๆค่ะ นั่นมันทำให้เราต้องเดินไกลมาก เวลาไปทำงาน..... แค่เวลาเดินจากโรงจอดมอร์เตอร์ไซต์มาถึงที่แสกนนิ้วก็ปาเข้าไป15นาทีแล้วค่ะ และต้องไปให้ทันประชุมตอนเช้าเวลา 7.45น. อีก
คนมาสายอย่างเราไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ ก็วิ่งกีแหกไปเลยสิคะ รออะไร555+
ตอนเช้าเข้าประชุมฟังหัวหน้าคนจีนพูดอะไรนู่นนี่นั่นค่ะ แล้วค่อยเข้าไปเริ่มงาน พวกเราทั้ง4คน (พี่ศัก พี่ป๊อป พี่เท็ค และเรา) ถูส่งไปฝึกที่เดียวกันค่ะ เรามีรุ่นพี่ประจำเครื่องจักรที่อยู่กะเดียวกับเราชื่อว่าพี่เป็ดค่ะ พี่เขาดีกับพวกเรามากๆเลยค่ะ คอยบอกคอยสอนคอยชี้แนะ บลาๆ
เวลาทำงานเรารู้สึกว่าเราเป็นตัวถ่วงของทุกคนมากเลยค่ะ เราทำอะไรก็ไม่ค่อยทะมัดทะแม เป็นเก้ๆกัง รู้สึกว่าตัวเองกระแดะมากในจุดๆนี้ ทุกอย่างคือต้องใช้แรงเยอะมาก คิดดูสิคะ เครื่องจักรเบ้อเริ่มกับกระเทยตัวน้อยหนัก45กิโล โถ่...แล้วเราจะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับมันล่ะคะ 555
แค่อุปกรณ์ก้านเหล็กที่เรามองด้วยตาเปล่าแล้วคิว่ามันน่าจะเบาๆอ่ะค่ะ ที่ไหนได้ พอตอนจะยกขึ้นมาใช้งานเท่านั้นแหละค่ะ อีเ-ี-ย... คือ แบบ....หนักค่ะ หนักกว่าที่สายตาเราคาดไว้555 แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ เรายังต้องเจออะไรอีกมากมาย จะจับนู่นคลำนี่ จะเปลี่ยนอะไหล่เครื่องจักรเอย บลาๆ ทุกอย่างคือต้องใช้แรงเยอะมากค่ะถึงจะทำงานได้อย่างราบรื่น ซึ่งเราไม่มีแรงพอค่ะ...เราไม่มีแรงเยอะขนาดนั้น แต่พอเรามองไปที่พี่ๆเขาทำกัน เขาทำกันได้อย่างคล่องแคล่วมากเลยค่ะ ต่างจากเรามากที่แค่จะเปลี่ยนม้วนฟิล์มทียังยกขึ้นไม่ถึงแกนปั่นเลยค่ะ ต้องกรีดร้องให้ผู้ชายมาช่วย 555
ถึงจะเจออะไรมากมาย แต่ก็สนุกดีค่ะ ได้ทำงานในดงผู้ชาย คริคริ ป่าวๆค่ะสนุกจริงๆ พวกพี่ๆที่ทำงานด้วยดูแลเราดีมากเลยค่ะ ปฏิบัติกับเราอย่างเป็นมิตรและ...เอิ่ม..สุภาพ555 อาจจะมีแตะเนื้อต้องตัวกันบ้างแต่เรายอมค่ะ เอ้ย..ไม่ใช่ๆ ขำๆนะคะ
พอทำงานไปได้สักพัก จนหลังๆมานี่เราก็ใช้มารยากระเทยค่ะ (เปล่านะ เราไม่ใช่คนแบบนั้น) เรามีผู้ชายทำงานให้ตลอด พวกเขาไล่เราให้ไปเขียนใบรายงานและจดบันทึกซึ่งเป็นงานเบาๆค่ะ พวกเราทำงานกัน2กะค่ะ มีกะเช้าแล้วก็กะดึก ทำงานวันละ12ชั่วโมง
ถ้าเป็นกะเช้าก็จะเริ่มงานตอน 8โมงเช้าและเลิกงานตอนสองทุ่มค่ะ ส่วนกะดึกก็เข้าสองทุ่มเลิก8โมงเช้า จะเปลี่ยนกะทีก็ประมาณ1สัปดาห์ค่ะ เราจำไม่ค่อยได้ว่าเขาเปลี่ยนกะยังไง แบบว่ามันจะมีทำงาน5วันหยุดสองวัน ทำ4วันหยุด1วัน แล้ววันก่อนหยุดไปกะดึกก็ทำงานแค่8ชั่วโมงค่ะถึงได้หยุด
เวียนไปเรื่อยๆแบบนี้ล่ะค่ะ วันทำงานปกติก็พักกินข้าวสองรอบค่ะ ค่าแรงก็วันละสามร้อยกว่าบาท แต่จำยอดจริงๆไม่ได้ ส่วนโอทีจะเป็นโอทีบังคับวันละสองชั่วโมงค่ะ ตรงเวลาทำงานโอทีนี้จะได้ค่าแรง 1.5 เท่าของค่าแรงปกติค่ะ ตรงนี้ล่ะค่ะที่ทำให้พนักงานเขาชอบทำโอกัน
กะเช้านี่ก็ต้องแหกขี้ตาตื่นค่ะ รีบไปทำงาน ส่วนกะดึกก็ง่วงวนไปค่ะ เปลี่ยนกะทีร่างแทบพัง 555 แต่คนที่ปรับเวลานอนได้ก็คงจะไม่มีปัญหาค่ะ เราก็ทำงานกะมาก่อน แต่แค่ไม่เคยเปลี่ยนกะเร็วขนาดนี้ค่ะ
เราทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงเดือนค่ะ น่าจะได้สองอาทิตย์กว่าๆ เพราะจำได้ว่าเปลี่ยนกะไปสองรอบ.. เหตุผลที่เราลาออกไม่ใช่ว่างานไม่ดีหรือมันแย่อะไรนะคะ แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ตรงจริตของเราค่ะ แล้วเราก็ได้งานใหม่ด้วย
ส่วนเรื่องเพื่อนๆที่ทำงานก็อย่างที่บอกไป เราถือว่าเราโชคดีมากๆค่ะ ชอบพี่ๆที่ทำงานมาก นอกจากจะดีกับเราในที่ทำงานแล้ว หลังเลิกงานเราก็มีไปนั่งชิลๆกินเบียร์ที่ห้องพี่ๆเขานะ555
ขอบคุณพวกเขาทุกคนมากๆจริงๆค่ะ เราก็จะเก็บช่วงเวลาและประสบการณ์ที่มีจากที่นั่นไว้ตลอดไปค่ะ ทุกวันนี้ก็เจอกันในเฟสบุ๊คเอา 555
ประสบการณ์ การเป็นสาวโรงงานของเรายังไม่จบแค่นี้นะคะ... เราก็ยังทุลักทุเลอีกเช่นเคยค่ะ งานใหม่ทีทำก็ยังไม่โดนจริต เราเลยหางานใหม่และเราก็จับพลัดจับพลูได้งานใหม่อีกในที่สุดค่ะ งานใหม่นี้เป็นตำแหน่งเซลล์ต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ส่งออกค่ะ และก็เป็นงานโรงงานเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าไม่ได้เป็นพนักงานโรงงานที่อยู่ในไลน์ผลิตแล้ว ตอนนี้เราเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ในออฟฟิสค่ะ เดี๋ยวจะเป็นยังไงบ้าง มาฟังเรารีวิวชีวิตการทำงานกันเลย....
ก่อนอื่นเลยนะคะ ที่นี่เป็นโรงงานจีนค่ะ ระบบต่างๆอะไรเอยก็จะถูกกำหนดโดยหัวหน้าคนจีน แต่เราว่าที่นี่มันก็โอเคอยู่นะคะ ตอนเข้าไปทำงานวันแรกเราก็เก้ๆกังๆค่ะ เพราะคนที่สอนงานเราเป็นคนจีน นางเป็นผู้หญิงค่ะและก็โชคดีที่นางพูดภาษาอังกฤษได้
แต่นั่นแหละค่ะในความโชคดีก็มีความโชคร้ายอยู่ เพราะที่นี่เขาใช้โปรแกรมสำเสร็จรูปในการทำงานกันค่ะและเจ้าโปรแกรมนั้นก็เป็นภาษาจีนค่า....555 มึนตึ้บเลยจ้า…
ไม่ใช่ว่ามันไม่มีภาษาอังกฤษนะคะ แต่ว่าคนที่สอนงานเราเป็นคนจีนค่ะ และนางก็ใช้เวอร์ชั่นภาษาจีนในการทำงานค่ะ ก็เลยต้องใช้เวอร์ชั่นภาษาจีนในการสอนเรา มึนตึ้บไปอีกจ้า..ภาษาจีนของเราก็งูๆปลาๆ นี่ก็แทบจะนับฟังค์ชั่นการทำงานเอาแล้วค่ะว่าคลิกตรงไหนบ้าง555
งานเราก็เหมือนจะไม่มีอะไรเยอะค่ะ แค่คอยรับออร์เดอร์ลูกค้าจากต่างประเทศแล้วก็ลงออร์เดอร์จากนั้นก็ตามงานการผลิตจนเสร็จสิ้นแล้วก็เตรียมเอกสารการส่งออกค่ะ
โรงงานของเราเป็นโรงงานไม่ใหญ่มากค่ะส่วนเรื่องรายได้ของเราก็...ได้พอประมาณค่ะ ขออนุญาตไม่บอกเป็นตัวเลขนะคะเพราะมันเป็นข้อมูลเฉพาะของโรงงานค่ะ
เอาเป็นว่าเราจะขอบอกแบบแจกแจงรายได้ก็แล้วกันนะคะ ว่าเราได้ค่าอะไรบ้าง จะมี
ค่าเงินเดือนพื้นฐาน + ค่าเดินทาง + ค่าเช่าบ้าน + ค่าเบี้ยขยัน + ค่าภาษา + ค่าอาหาร + ค่าเป้า(ยอดขาย)อันนี้ต้องทำงานถึงระยะเวลาที่กำหนดก่อนถึงจะได้
ค่ะ...ก็มีเท่านี้ล่ะค่ะ รวมๆก็ทำให้เราอยู่รอดไปได้
ส่วนเรื่องสังคมที่ทำงานเราว่าดีมากๆค่ะ พี่ๆใจดีมากแถมหัวหน้าคนจีนของเราก็น่ารักด้วยค่ะ นางชอบพาพวกเราไปเลี้ยงข้าวบ่อยๆ555
อ้อ...ในโรงงานนี้มีคนที่เราแอบชอบด้วยนะคะ เราชอบลุงคนจีนคนหนึ่งค่ะ นางน่ารักมากและหล่อมากๆในสายตาเราค่ะ เราชอบเดินไปในไลน์ผลิตประจำเลยค่ะ เพราะอยากไปเจอนาง เรากรี้ดนางสุดๆไปเลยค่า555
เอาล่ะค่ะ และแล้วก็มาถึงจุดที่เรารู้สึกว่าเราอิ่มตัวกับงานๆนี้ค่ะ เราเริ่มเบื่อๆ แล้วตอนนั้นปู่ของเราก็เสียพอดี เราเลยต้องกลับไปที่บ้านนอก เราเลยแจ้งลาออกจากงานค่ะและเราก็ลาออกในเดือนธันวาคมปี2021พร้อมกับได้ใบผ่านงานค่ะ
หลังจากลาออกจากงานนี้เราก็ได้งานใหม่ค่ะ เป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานนำเข้า แต่พอทำไปสักพักก็รู้สึกว่าการทำงานในออฟฟิสมันไม่ใช่สำหรับเราแล้วค่ะ เรารู้สึกอยากกลับไปทำงานโรงแรมเหมือนเดิมจังเลยค่ะ
เราต้องกลับไปเป็นสาวโรงแรมเหมือนเดิมค่ะ ยังไงก็บอกตัวเองสู้ๆค่ะ อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างและที่สำคัญเลยก็คือ...เราได้เที่ยวทั่วระยองเลยค่ะ ถือว่ามาทำงาน มาเรียน พร้อมกับเที่ยวก็แล้วกันเนาะ ถึงจะอายุปูนนี้แล้วก็เถอะ...มองซ้ายที ขวาที เพื่อนๆก็ประสบความสำเร็จไปหมดล่ะ.. แต่เรายังเลื่อนลอยอยู่เลยค่ะ พร้อมกับหนี้ก้อนโต เฮ้อ...แต่ยังไงก็เถอะค่ะ....เอาเป็นว่า
หวังว่าโควิดคงไม่มาอีกระลอกนะคะ 555 ทุกคนก็สู้ๆนะ บุ๊บบุย....
ได้อะไรจากโควิด จากสาวโรงแรมสู่การเป็นสาวโรงงานเพราะโควิด
ตอนที่โควิดระบาดใหม่ๆ เราก็ยังทำงานอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง อยู่ในกรุงเทพค่ะ พอได้รับผลกระทบจากโควิดเราก็ตัดสินใจลาออกจากการเป็นพนักงานโรงแรมตอนเดือนธันวาคม ปี2020
แล้วก็มาทำงานโรงงานนี้ล่ะค่ะ ตอนนั้นก็ได้เป็นสาวโรงงานที่อยู่ในไลน์ผลิตจริงๆเลยค่ะ โรงงานที่เราทำอยู่นั้นเป็นโรงงานผลิตยางรถยนต์ค่ะ งานหนักเอาการมากๆ เพื่อนๆก็ลองคิดดูสิคะว่า เขารับแต่พนักงานผู้ชาย แน่นอนว่าจากตรงนี้ก็คงพอที่จะเดาหน้างานกันออกนะคะว่ามันต้องหนักหนาขนาดไหน
เอาเป็นว่าถ้าให้ผู้หญิงไปทำล่ะก็ มีหวังมดลูกคงได้หลุดออกมาเป็นยวงๆแน่ค่ะ5555+ ขำๆนะคะแต่ก็หนักจริง
เริ่มแรกเลยเราไปสมัครงานผ่านซับคอนแทร็กค่ะ เป็นบริษัทที่จะส่งเราไปทำงานกับโรงงานอีกทีหนึ่ง ที่ที่เราไปสมัครอยู่ที่ปั๊ม ปตท.มาบยางพรค่ะ สมัครปุ๊ปก็นัดสัมภาษณ์ทันทีเลย พี่เขาจะนัดสัมภาษณ์รวมพร้อมๆกับคนอื่นค่ะ เราก็มาตามนัด
วันที่เราไปสัมภาษณ์รู้สึกจะมีประมาณร้อยกว่าเกือบๆสองร้อยคนค่ะ และก็มีผู้หญิงมาด้วยประมาณสิบคน อ๊ะอ้า...ไหนบอกว่าไม่รับผู้หญิงใช่ไหม อันที่จริงรับค่ะ รับไปทำงานงานเบาๆที่เป็นส่วนน้อยแล้วก็เอาไปขับโฟล์คลิฟต์ค่ะ
วันที่เราสัมภาษณ์ ก็จะมีการเจาะเลือดตรวจโควิดค่ะ เรากลัวมากๆเพราะไม่ชอบเข็มเลย เห็นแล้วแทบเป็นลม ถ้าตอนนั้นมีแอนติเจ้นเทสก็คงดี คงทนเจ็บจมูกนิดหน่อย
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จเขาก็นัดเราไปอบรมต่อค่ะ ตอนอบรมเราก็เริ่มประหม่าละ เราไม่รู้จักใครสักคน เรามันก็แค่กระเทยตัวเล็กๆที่สูง165 และหนัก 45 เอาจริงๆตอนนั้นคิดว่า เรามาทำอะไรในดงผู้ชายวะ เหมือจะเถื่อนๆ แต่ก็...นะ ผู้ชายงานดีที่เหมาะกับการให้จ้องมองได้ก็มีเยอะถมเถไปค่ะ 555 พอได้เป็นอาหารตา
พออบรมเสร็จก็มาถึงตอนเลือกแผนกค่ะ ตอนนี้แหละเป็นตัวชี้วัดชะตาชีวิตการทำงานของเราเลย คือ.. ถ้าได้ไปตกอยู่แผนกงานหนักๆนี่คือชีวิตคงจบสิ้นแน่ค่ะ 555
ตอนแรกเหมือนพี่ๆเขาจะเสนอแผนกมาให้เลือกก่อน แต่ต่อให้เสนอยังไงก็เลือกไม่ถูกหรอกค่ะ เพราะเราไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าหน้างานมันจะดีไหมแล้วเราจะทำได้หรือป่าว ตอนนั้นเหมือนเขาจะนำเสนอแผนกอบยางมาก่อนค่ะ พี่เขาบอกว่าแผนกอบยางจะเป็นแผนกที่สบายที่สุดเพราะเหมือนเราแค่คอยเอายางเข้าเครื่องอบแล้วก็แค่รอเวลาให้มันอบเสร็จ แต่ก็ต้องแลกมากับความร้อนอบอ้าวอันมหาสาร เพราะเราจะต้องอยู่กับเตาอบยาง
แผนกอบยางเสนอผ่านไป...สักพักก็มีพนักงานอาสาไปอยู่กันเต็มละ
แผนกต่อมาเป็นแผนกผสมยางค่ะ ซึ่งแผนกนี้งานก็ไม่หนักและไม่ต้องทนกับความร้อนเหมือนกับแผนกอบยาง แต่ก็ต้องแลกมากับการที่เราต้องไปทำงานในที่ที่มีสารเคมีเยอะซึ่งอันนี้เราก็ขอบายค่ะ ถึงจะได้ค่าสิ่งแวดล้อมเพิ่มมาก็เถอะ แต่ถ้าให้เราไปสูดดมทุกวันเราก็คงไม่ไหวแน่ ฉะนั้นรอแผนกต่อไปค่ะ
แผนกต่อมา เราจำไม่ได้แล้วว่าแผนกอะไร เรารอจนเพื่อนๆที่อบรมของเราค่อยๆหายไปทีละกลุ่มทีละก้อน ตอนนี้เราก็เริ่มใจหายแล้วค่ะ... เอาวะ คงต้องเลือกแล้วแหละ ยังไงซะมันก็คงไม่มีงานเบาๆเหมือนกับน้ำหนักตัวของเราหรอก ฮึบ..
ผลสุดท้ายเราก็ได้ไปอยู่แผนกวัตถุดิบโรงสองค่ะ เรารู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆที่เราเลือกมาแผนกก่อน เพราะถ้าขืนปล่อยให้โชคชะตาเลือกเราก็คงจะได้ไปอยู่แผนกขึ้นรูปซึ่งเราคิดว่ามันเป็นแผนกที่หนักที่สุดละ แถมรับคนเยอะที่สุดด้วย
หลังจากที่ได้แผนกและสังกัดกันแล้ว เราก็จะมีหัวหน้าของแต่ละแผนกมารับค่ะ แผนกวัตถุดิบโรงสองรุ่นเราน่าจะมีประมาณสักยี่สิบกว่าคนมั้งคะ จำไม่ได้จริงๆค่ะ ในยี่สิบกว่าคนนี้ก็จะถูกแบ่งเป็นกะค่ะ มีกะเอ, กะบี, แล้วก็ กะซี ค่ะ เราได่อยู่กะบีค่ะ เพื่อนๆกลุ่มเราก็ดีค่ะ เรามีกัน5คนค่ะ ผู้ชาย3 ได้แก่ พี่ศัก พี่ป๊อป และพี่เท็ค กระเทย(เรา)1 แล้วก็ผู้หญิง1คน คือพี่ปุ๋ยค่ะ
เราคุยกันสักพัก ก่อนที่จะได้ฟังรายละเอียดงานและก็ถูกพาไปยังสถานที่ที่เราต้องมาทำงานจริงๆ เราและพี่ผู้ชายอีกสามคนได้ไปอยู่ที่เดียวกันค่ะ ส่วนพี่ปุ๋ยถูกแยกออกไปทำงานพันลวดค่ะ ซึ่งเป็นงานผู้หญิง...
สถานที่ทำงานของเราก็คือ...เอ่อไม่รู้จะอธิบายยังไง มันเป็นอะไรที่ใหญ่โตมโหราฬมากค่ะ เป็นโรงผลิตขนาดใหญ่ ข้างในมีเครื่องจักรน่ากลัวๆเพียบเลยค่ะ แล้วก็รถโฟล์คลิฟแล่นกันยั้วเยี้ย
เราโชคดีหน่อยที่ได้อยู่โรงผลิตที่มีแอร์ค่ะ เลยไม่ต้องกลัวว่าจะร้อน แต่งานเรานั้นก็ไม่ได้สบายนะคะ 555 ไม่เป็นไรค่ะ เราสู้ค่ะ เอาล่ะค่ะ ต่อไปเราก็จะรีวิวการทำงานจริงๆแล้วนะคะ...หุๆ
ก่อนอื่นเลย เราขอบอกก่อนนะคะว่าโรงงานของเราเป็นโรงงานจีนค่ะ และโรงงานก็ใหญ่และมีพื้นที่เยอะและกว้างมากๆค่ะ นั่นมันทำให้เราต้องเดินไกลมาก เวลาไปทำงาน..... แค่เวลาเดินจากโรงจอดมอร์เตอร์ไซต์มาถึงที่แสกนนิ้วก็ปาเข้าไป15นาทีแล้วค่ะ และต้องไปให้ทันประชุมตอนเช้าเวลา 7.45น. อีก
คนมาสายอย่างเราไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ ก็วิ่งกีแหกไปเลยสิคะ รออะไร555+
ตอนเช้าเข้าประชุมฟังหัวหน้าคนจีนพูดอะไรนู่นนี่นั่นค่ะ แล้วค่อยเข้าไปเริ่มงาน พวกเราทั้ง4คน (พี่ศัก พี่ป๊อป พี่เท็ค และเรา) ถูส่งไปฝึกที่เดียวกันค่ะ เรามีรุ่นพี่ประจำเครื่องจักรที่อยู่กะเดียวกับเราชื่อว่าพี่เป็ดค่ะ พี่เขาดีกับพวกเรามากๆเลยค่ะ คอยบอกคอยสอนคอยชี้แนะ บลาๆ
เวลาทำงานเรารู้สึกว่าเราเป็นตัวถ่วงของทุกคนมากเลยค่ะ เราทำอะไรก็ไม่ค่อยทะมัดทะแม เป็นเก้ๆกัง รู้สึกว่าตัวเองกระแดะมากในจุดๆนี้ ทุกอย่างคือต้องใช้แรงเยอะมาก คิดดูสิคะ เครื่องจักรเบ้อเริ่มกับกระเทยตัวน้อยหนัก45กิโล โถ่...แล้วเราจะเอาแรงที่ไหนไปสู้กับมันล่ะคะ 555
แค่อุปกรณ์ก้านเหล็กที่เรามองด้วยตาเปล่าแล้วคิว่ามันน่าจะเบาๆอ่ะค่ะ ที่ไหนได้ พอตอนจะยกขึ้นมาใช้งานเท่านั้นแหละค่ะ อีเ-ี-ย... คือ แบบ....หนักค่ะ หนักกว่าที่สายตาเราคาดไว้555 แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ เรายังต้องเจออะไรอีกมากมาย จะจับนู่นคลำนี่ จะเปลี่ยนอะไหล่เครื่องจักรเอย บลาๆ ทุกอย่างคือต้องใช้แรงเยอะมากค่ะถึงจะทำงานได้อย่างราบรื่น ซึ่งเราไม่มีแรงพอค่ะ...เราไม่มีแรงเยอะขนาดนั้น แต่พอเรามองไปที่พี่ๆเขาทำกัน เขาทำกันได้อย่างคล่องแคล่วมากเลยค่ะ ต่างจากเรามากที่แค่จะเปลี่ยนม้วนฟิล์มทียังยกขึ้นไม่ถึงแกนปั่นเลยค่ะ ต้องกรีดร้องให้ผู้ชายมาช่วย 555
ถึงจะเจออะไรมากมาย แต่ก็สนุกดีค่ะ ได้ทำงานในดงผู้ชาย คริคริ ป่าวๆค่ะสนุกจริงๆ พวกพี่ๆที่ทำงานด้วยดูแลเราดีมากเลยค่ะ ปฏิบัติกับเราอย่างเป็นมิตรและ...เอิ่ม..สุภาพ555 อาจจะมีแตะเนื้อต้องตัวกันบ้างแต่เรายอมค่ะ เอ้ย..ไม่ใช่ๆ ขำๆนะคะ
พอทำงานไปได้สักพัก จนหลังๆมานี่เราก็ใช้มารยากระเทยค่ะ (เปล่านะ เราไม่ใช่คนแบบนั้น) เรามีผู้ชายทำงานให้ตลอด พวกเขาไล่เราให้ไปเขียนใบรายงานและจดบันทึกซึ่งเป็นงานเบาๆค่ะ พวกเราทำงานกัน2กะค่ะ มีกะเช้าแล้วก็กะดึก ทำงานวันละ12ชั่วโมง
ถ้าเป็นกะเช้าก็จะเริ่มงานตอน 8โมงเช้าและเลิกงานตอนสองทุ่มค่ะ ส่วนกะดึกก็เข้าสองทุ่มเลิก8โมงเช้า จะเปลี่ยนกะทีก็ประมาณ1สัปดาห์ค่ะ เราจำไม่ค่อยได้ว่าเขาเปลี่ยนกะยังไง แบบว่ามันจะมีทำงาน5วันหยุดสองวัน ทำ4วันหยุด1วัน แล้ววันก่อนหยุดไปกะดึกก็ทำงานแค่8ชั่วโมงค่ะถึงได้หยุด
เวียนไปเรื่อยๆแบบนี้ล่ะค่ะ วันทำงานปกติก็พักกินข้าวสองรอบค่ะ ค่าแรงก็วันละสามร้อยกว่าบาท แต่จำยอดจริงๆไม่ได้ ส่วนโอทีจะเป็นโอทีบังคับวันละสองชั่วโมงค่ะ ตรงเวลาทำงานโอทีนี้จะได้ค่าแรง 1.5 เท่าของค่าแรงปกติค่ะ ตรงนี้ล่ะค่ะที่ทำให้พนักงานเขาชอบทำโอกัน
กะเช้านี่ก็ต้องแหกขี้ตาตื่นค่ะ รีบไปทำงาน ส่วนกะดึกก็ง่วงวนไปค่ะ เปลี่ยนกะทีร่างแทบพัง 555 แต่คนที่ปรับเวลานอนได้ก็คงจะไม่มีปัญหาค่ะ เราก็ทำงานกะมาก่อน แต่แค่ไม่เคยเปลี่ยนกะเร็วขนาดนี้ค่ะ
เราทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงเดือนค่ะ น่าจะได้สองอาทิตย์กว่าๆ เพราะจำได้ว่าเปลี่ยนกะไปสองรอบ.. เหตุผลที่เราลาออกไม่ใช่ว่างานไม่ดีหรือมันแย่อะไรนะคะ แต่เรารู้สึกว่ามันไม่ตรงจริตของเราค่ะ แล้วเราก็ได้งานใหม่ด้วย
ส่วนเรื่องเพื่อนๆที่ทำงานก็อย่างที่บอกไป เราถือว่าเราโชคดีมากๆค่ะ ชอบพี่ๆที่ทำงานมาก นอกจากจะดีกับเราในที่ทำงานแล้ว หลังเลิกงานเราก็มีไปนั่งชิลๆกินเบียร์ที่ห้องพี่ๆเขานะ555
ขอบคุณพวกเขาทุกคนมากๆจริงๆค่ะ เราก็จะเก็บช่วงเวลาและประสบการณ์ที่มีจากที่นั่นไว้ตลอดไปค่ะ ทุกวันนี้ก็เจอกันในเฟสบุ๊คเอา 555
ประสบการณ์ การเป็นสาวโรงงานของเรายังไม่จบแค่นี้นะคะ... เราก็ยังทุลักทุเลอีกเช่นเคยค่ะ งานใหม่ทีทำก็ยังไม่โดนจริต เราเลยหางานใหม่และเราก็จับพลัดจับพลูได้งานใหม่อีกในที่สุดค่ะ งานใหม่นี้เป็นตำแหน่งเซลล์ต่างประเทศและเจ้าหน้าที่ส่งออกค่ะ และก็เป็นงานโรงงานเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าไม่ได้เป็นพนักงานโรงงานที่อยู่ในไลน์ผลิตแล้ว ตอนนี้เราเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ในออฟฟิสค่ะ เดี๋ยวจะเป็นยังไงบ้าง มาฟังเรารีวิวชีวิตการทำงานกันเลย....
ก่อนอื่นเลยนะคะ ที่นี่เป็นโรงงานจีนค่ะ ระบบต่างๆอะไรเอยก็จะถูกกำหนดโดยหัวหน้าคนจีน แต่เราว่าที่นี่มันก็โอเคอยู่นะคะ ตอนเข้าไปทำงานวันแรกเราก็เก้ๆกังๆค่ะ เพราะคนที่สอนงานเราเป็นคนจีน นางเป็นผู้หญิงค่ะและก็โชคดีที่นางพูดภาษาอังกฤษได้
แต่นั่นแหละค่ะในความโชคดีก็มีความโชคร้ายอยู่ เพราะที่นี่เขาใช้โปรแกรมสำเสร็จรูปในการทำงานกันค่ะและเจ้าโปรแกรมนั้นก็เป็นภาษาจีนค่า....555 มึนตึ้บเลยจ้า…
ไม่ใช่ว่ามันไม่มีภาษาอังกฤษนะคะ แต่ว่าคนที่สอนงานเราเป็นคนจีนค่ะ และนางก็ใช้เวอร์ชั่นภาษาจีนในการทำงานค่ะ ก็เลยต้องใช้เวอร์ชั่นภาษาจีนในการสอนเรา มึนตึ้บไปอีกจ้า..ภาษาจีนของเราก็งูๆปลาๆ นี่ก็แทบจะนับฟังค์ชั่นการทำงานเอาแล้วค่ะว่าคลิกตรงไหนบ้าง555
งานเราก็เหมือนจะไม่มีอะไรเยอะค่ะ แค่คอยรับออร์เดอร์ลูกค้าจากต่างประเทศแล้วก็ลงออร์เดอร์จากนั้นก็ตามงานการผลิตจนเสร็จสิ้นแล้วก็เตรียมเอกสารการส่งออกค่ะ
โรงงานของเราเป็นโรงงานไม่ใหญ่มากค่ะส่วนเรื่องรายได้ของเราก็...ได้พอประมาณค่ะ ขออนุญาตไม่บอกเป็นตัวเลขนะคะเพราะมันเป็นข้อมูลเฉพาะของโรงงานค่ะ
เอาเป็นว่าเราจะขอบอกแบบแจกแจงรายได้ก็แล้วกันนะคะ ว่าเราได้ค่าอะไรบ้าง จะมี
ค่าเงินเดือนพื้นฐาน + ค่าเดินทาง + ค่าเช่าบ้าน + ค่าเบี้ยขยัน + ค่าภาษา + ค่าอาหาร + ค่าเป้า(ยอดขาย)อันนี้ต้องทำงานถึงระยะเวลาที่กำหนดก่อนถึงจะได้
ค่ะ...ก็มีเท่านี้ล่ะค่ะ รวมๆก็ทำให้เราอยู่รอดไปได้
ส่วนเรื่องสังคมที่ทำงานเราว่าดีมากๆค่ะ พี่ๆใจดีมากแถมหัวหน้าคนจีนของเราก็น่ารักด้วยค่ะ นางชอบพาพวกเราไปเลี้ยงข้าวบ่อยๆ555
อ้อ...ในโรงงานนี้มีคนที่เราแอบชอบด้วยนะคะ เราชอบลุงคนจีนคนหนึ่งค่ะ นางน่ารักมากและหล่อมากๆในสายตาเราค่ะ เราชอบเดินไปในไลน์ผลิตประจำเลยค่ะ เพราะอยากไปเจอนาง เรากรี้ดนางสุดๆไปเลยค่า555
เอาล่ะค่ะ และแล้วก็มาถึงจุดที่เรารู้สึกว่าเราอิ่มตัวกับงานๆนี้ค่ะ เราเริ่มเบื่อๆ แล้วตอนนั้นปู่ของเราก็เสียพอดี เราเลยต้องกลับไปที่บ้านนอก เราเลยแจ้งลาออกจากงานค่ะและเราก็ลาออกในเดือนธันวาคมปี2021พร้อมกับได้ใบผ่านงานค่ะ
หลังจากลาออกจากงานนี้เราก็ได้งานใหม่ค่ะ เป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานนำเข้า แต่พอทำไปสักพักก็รู้สึกว่าการทำงานในออฟฟิสมันไม่ใช่สำหรับเราแล้วค่ะ เรารู้สึกอยากกลับไปทำงานโรงแรมเหมือนเดิมจังเลยค่ะ
เราต้องกลับไปเป็นสาวโรงแรมเหมือนเดิมค่ะ ยังไงก็บอกตัวเองสู้ๆค่ะ อย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างและที่สำคัญเลยก็คือ...เราได้เที่ยวทั่วระยองเลยค่ะ ถือว่ามาทำงาน มาเรียน พร้อมกับเที่ยวก็แล้วกันเนาะ ถึงจะอายุปูนนี้แล้วก็เถอะ...มองซ้ายที ขวาที เพื่อนๆก็ประสบความสำเร็จไปหมดล่ะ.. แต่เรายังเลื่อนลอยอยู่เลยค่ะ พร้อมกับหนี้ก้อนโต เฮ้อ...แต่ยังไงก็เถอะค่ะ....เอาเป็นว่า
หวังว่าโควิดคงไม่มาอีกระลอกนะคะ 555 ทุกคนก็สู้ๆนะ บุ๊บบุย....