ควรจะทำอย่างไร ถึงจะมีเจ้าหน้าที่ที่สามารถตรวจสอบพระทำไม่ดีอย่างมีความเข้มแข็งและเด็ดขาดแบบหมอปลา

ที่ผ่านมามีข่าวสารเกี่ยวกับพระไม่ดีเยอะมาก ซึ่งหน้าที่ตรงของผู้ที่ร่วมกันตรวจสอบพระที่ประพฤติไม่ดีคือเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯและพระที่เป็นระดับเจ้าคณะผู้ปกครอง แต่กลับกลายเป็นว่า ผู้ที่ร่วมกันตรวจสอบพระไม่ดีนี่คือ ชาวบ้านผู้เห็นพฤติกรรมพระกับหมอปลาและโลกโซเชียล ซึ่งบุคคลเหล่านี้จะมีความเข้มแข็งเด็ดขาดในการตรวจสอบพระยิ่งกว่าเจ้าหน้าที่สำนักพุทธและพระที่เป็นระดับเจ้าคณะผู้ปกครองเสียอีก
 
   ที่บอกว่าเจ้าหน้าที่สำนักพุทธและพระที่เป็นระดับเจ้าคณะผู้ปกครองนี่ทำงานช้าบ้าง ทำงานเช้าชามเย็นชามบ้าง จริงๆมันจะบอกอย่างนั้นก็ไม่ถูก ที่เคยประสบพบเจอมา ดูแล้วเป็นการทำงานแบบประนีประนอมมากกว่า กลัวว่าถ้าตรวจสอบแล้วจะมีเรื่องกินใจกัน บาดหมางกัน ก็เลยไม่อยากเข้าไปทำอะไรมาก มันเลยเป็นช่องทางให้พระที่ชอบทำผิดบางกลุ่มย่ามใจ คิดว่าทำอะไรแล้ว ก็คงรอด ไม่ค่อยมีใครอยากตรวจสอบหรืออยากยุ่งด้วย นอกจากจะเป็นเรื่องใหญ่ชนิดออกข่าวลงโลกโซเชียล เจ้าหน้าที่สำนักพุทธและพระที่เป็นระดับเจ้าคณะผู้ปกครองถึงจะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง มันก็เลยทำให้การตรวจสอบพระของผู้ที่มีหน้าจริงๆขาดประสิทธิภาพ

   จริงๆในสังคมควรมีคนแบบหมอปลาซัก 20-30 คนมาช่วยกันตรวจสอบพระและวัดต่างๆ การตรวจของหมอปลาที่ผ่านมาถือว่ายังน้อย วัดและพระที่ไม่ดียังมีอีกมาก คณะกรรมการวัดที่ชอบโกงเงินทำบุญวัดยังมีอีกมาก ที่หมอปลาตรวจวัดไปนี่ยังไม่ได้ 5-10% ของพระและบุคลากรวัดที่ไม่ดีหรอก
   จริงๆน่าจะมีกฎตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของบุคคลที่กรรมการวัดด้วย ก่อนมาเป็นกรรมการวัดมีเงินเท่าไร พอเป็นกรรมการวัดแล้วมีเงินเท่าไร ตรวจสอบเงินกฐินผ้าป่าอย่างละเอียดทุกวัด มีการโกงเอาเงินไปใช้ทางอื่นหรือเปล่า

   รายการที่จะให้ตรวจสอบวัดมีมากมาย ที่เห็นหมอปลาทำนี่ยังน้อย และผู้ที่ตรวจสอบหลักที่มีอำนาจมากที่สุดคือ พระที่เป็นเจ้าคณะผู้ปกครอง พระด้วยกันถึงจะตัดสินพระ เพราะถือสิกขาบท 227 ข้อด้วยกันและยังสามารถตัดสินว่าความบุคลากรในวัดที่ถือศีล 5 ได้ เจ้าหน้าที่สำนักพุทธเป็นผู้ถือศีล 5 จึงไม่สามารถมาตัดสินผู้ที่ถือศีล 227 ข้อได้ เจ้าหน้าที่สำนักพุทธเป็นเพียงผู้ประสานงานรับเรื่องไปยังพระที่เป็นเจ้าคณะผู้ปกครอง โดยเจ้าหน้าที่สำนักพุทธจะทำได้แค่จัดการพระที่ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองหรือพระที่มีข่าวดังออกโลกโชเซียล ออกหน้าจอทีวี อย่างนี้สำนักพุทธถึงพอจัดการได้ เพราะฉะนั้นถ้ามีใครพูดว่า ให้โยมปกครองพระ เรื่องนี้มั่ว ความจริงคือ พระก็ต้องปกครองพระด้วยกัน 

   จริงๆหมอปลาไม่ควรโดนฟ้อง ที่ผ่านมาถือว่าหมอปลาทำดี ช่วยจัดระบบศาสนาให้มีระเบียบดียิ่งขึ้น 
ถ้าไม่มีหมอปลา ถึงป่านนี้พระผู้ใหญ่ก็ยังคงทำงานล่าช้า หรือยังไม่จริงจังกับตรวจสอบและลงโทษพระที่กระทำผิดหนักผิดหนัก

   ถ้าหมอปลาจะถูกลงโทษตามกฎหมายก็ไม่ควรโดนลงโทษมาก ถึงแม้ที่ทำมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ที่ทำไปเพราะเจตนาดี เป็นผลดีต่อพระพุทธศาสนาเยอะอยู่ และต่อไปควรจะมีบทลงโทษแก่เจ้าหน้าที่สำนักพุทธและพระที่เป็นเจ้าคณะผู้ปกครอง หากชาวบ้านแจ้งความผิดพระให้เจ้าหน้าที่สำนักพุทธและพระที่เป็นเจ้าคณะผู้ปกครองรับทราบแล้ว ท่านเหล่านั้นเพิกเฉยต่อความประพฤติของพระที่ไม่ดี จนชาวบ้านต้องมาแจ้งนักข่าวหรือออกโลกโซเชียล เจ้าหน้าที่สำนักพุทธและพระที่เป็นเจ้าคณะผู้ปกครองจะต้องได้รับบทลงโทษฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จะตัดเงินเดือนหรือยึดยศตำแหน่งอะไรก็ว่าไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่