คิดยังไง ถ้าพ่อแม่แฟนจะไม่ไปสู่ขอและร่วมงานแต่ง จะไปต่อไหมหรือหยุดไว้แค่นี้

กระทู้คำถาม
ตอนนี้เรามีอายุ 31 ปี ส่วนแฟนเราอายุ 37 ปี คบกันมาได้ 7 ปี ซึ่งเรากับแฟนได้วางแผนเรื่องการแต่งงานไว้ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว และเริ่มเก็บเงินค่าสินสอดตั้งแต่ตอนนั้นจนมาถึงปัจจุบัน เราสองคนก็มีเงินสินสอดพร้อมที่จะแต่งงานซึ่งเป็นเงินเก็บของเรากับแฟนคนละครึ่ง ไม่ได้มีเงินจากพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายมาเกี่ยวข้อง
 
ตัวเราเองเริ่มรู้สึกเอะใจกับพ่อแม่แฟนตั้งแต่เดือน มี.ค. 65 แฟนเราไปคุยกับพ่อแม่เรื่องสู่ขอเรา แต่ทางแม่แฟนกลับบอกว่าให้จัดการกันเองได้เลย เราเองก็เริ่มรู้สึกไม่ดี จนเวลาผ่านมาจนถึงเดือน พ.ค. 65 แฟนเราได้คุยกับแม่อีกครั้ง บอกว่าจะแต่งงานกันช่วงเดือน ธ.ค. 65 เพื่อให้แม่ไปดำเนินการสู่ขอให้เป็นตามประเพณีให้ถูกต้อง แต่แม่แฟนกลับบอกแฟนเราว่า ตัวเขากับพ่อจะไม่มาร่วมงานแต่ง ให้แฟนเราจัดการเองได้เลย พอแฟนเราได้คำตอบแบบนั้นก็จบบทสนทนา เพราะไม่รู้จะพูดต่อยังไง ไม่อยากให้แม่ขุ่นเคืองใจ ซึ่งในระหว่างการสนทนากับแฟนเรา แม่แฟนพูดถึงเรื่องลูกสาวคนเล็กว่ามีเงินไม่พอใช้ แต่แฟนนำเรื่องพวกนี้มาเล่าให้เราฟัง  และพูดเปรยกับเราว่าที่บ้านจะไม่ให้เขาออกมามีชีวิตครอบครัวตัวเองบ้างหรือไง
ซึ่งทำให้เราเกิดคำถามขึ้นกับตัวเอง เราควรจะไปต่อไหมหรือควรหยุดความสัมพันธ์ไว้เพียงเท่านี้ ??

**ครอบครัวแฟน : แฟนเรามีพี่น้อง 3 คน แฟนเราเป็นลูกคนที่ 2 เป็นลูกผู้ชายคนเดียวของบ้าน มีพี่สาวอายุ 40 และน้องสาวอายุ 33 
*พ่อแฟนป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองแตกจนเป็นอัมพฤกษ์ แต่พยายามรักษาจนสามารถกลับมาเดินได้ แต่ไม่ปกติเหมือนเดิม
*แม่แฟน เป็นคนคอยดูแลพ่อแฟน และลูกของพี่สาว ไม่ได้ทำงาน
*พี่สาว มีลูก 4 คนต่างพ่อ อยู่กับครอบครัวแฟนเรา 3 คนคือคนที่ 1,2,4 (คนที่ 1 อายุ 18 ปี, คนที่ 2 อายุ 15 ปี, คนที่ 3 อายุ 10 ปี และคนที่ 4 อายุ 5 ปี) และเอาลูกมาทิ้งให้ครอบครัวเลี้ยงโดยไม่เคยส่งเสียใดๆเลย และออกไปใช้ชีวิตของตัวเองตามอำเภอใจ จะกลับบ้านได้แต่ละครั้งต้องมีปัญหาทุกข์ร้อนถึงจะกลับมาให้ครอบครัวช่วยเหลือ ซึ่งตัวพี่สาวเองไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง ทำงานที่ไหนไม่ได้นาน เปลี่ยนไปเรื่อย ทำบ้างไม่ทำบ้าง พอไม่มีเงินก็กลับบ้าน
*น้องสาว ยังโสดมีอาชีพเป็นพนักงานธนาคาร มีภาระเรื่องเงินกู้ต่างๆ และผ่อนรถยนต์ 
*ส่วนแฟนเรา มีอาชีพเป็นพนักงานโรงงาน หนี้สินมีแค่การผ่อนรถยนต์ที่ซื้อร่วมกับเราคนละครึ่ง
*ส่วนเรา มีพี่น้อง 2 คน เราเป็นลูกสาวคนโต มีน้องชายคนเล็ก อายุ 26

ภาระในบ้านนี้ไม่ได้มีการแบ่งที่ชัดเจน แต่แฟนเราจะให้เงินกับที่บ้านเดือนละ 4000 บาท  และรับผิดชอบจ่ายค่าน้ำ ค่าแก๊ส ซื้อวัตถุดิบ/กับข้าวเข้าบ้าน ซื้อของใช้อุปโภคในบ้าน ค่าขนมหลานๆบ้างเป็นครั้งคราว และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่แม่ขอเพิ่มแบบไม่แน่นอน
ส่วนน้องสาวแฟนรับผิดชอบจ่ายค่าไฟ และค่าขนมไปโรงเรียนหลานคนโตกับคนเล็ก ส่วนหลานคนกลางบ้านพ่อเด็กเป็นคนส่งเสีย
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
เรามองว่า ถือโอกาสนี้ จัดงานแต่งกันเองไปเลย ไม่ต้องสนใจทางบ้านของแฟน
ออกมาสร้างครอบครัวกันสองคน ส่งเงินให้ทางบ้านแฟนเท่าเดิม อย่าให้เพิ่ม
เรามองว่า แฟนคุณยังโอเคนะ ดูเป็นคนมีความรับผิดชอบ เก็บเงินแต่งงานร่วมกัน
แล้วเขาเองก็อยากมีชีวิตของตัวเองอยู่แล้ว ถ้าได้คุณช่วยสนับสนุน เขาจะได้มีความสุขบ้าง

ส่วนเรื่องทางบ้านแฟน ไม่ว่ายังไง ก็ต้องทำใจแข็ง อย่าให้เงินเพิ่ม
ทางบ้านแฟนจะได้ไม่มีข้ออ้างว่า แต่งงานออกมาแล้วลืมพ่อแม่ แค่ยังให้เงินอยู่ก็พอ
ไม่ว่าจะมีประเด็นดราม่าอะไรยังไง ก็ตาม อย่าให้ตามจำนวนที่ร้องขอ
สมมติ หลานป่วย เข้าโรงเรียน ต้องใช้เงิน หาให้ทีหมื่นหนึ่ง คุณก็ให้เต็มที่ไปแค่สองสามพัน

ถ้าเป็นเรา เราจะไปต่อค่ะ แฟนไม่ได้มีข้อบกพร่องอะไร ส่วนเรื่องอื่น
มันเป็นปัญหาที่ต้องคอยแก้ไป เรามีความเชื่อว่า ชีวิตคู่ ปัญหามันต้องมี
ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง อยู่ที่เรา จะแกร่งพอที่จะแก้ปัญหานี้ไปได้ไหม
จับมือกันให้แน่นๆ แล้วก้าวไปด้วยกันดีกว่า (อันนี้คือความคิดเรานะ)

แต่ถ้าคุณคิดสารตะแล้ว แฟนมีภาระเยอะเกินไป ไม่อยากเจอกับปัญหาจากครอบครัวแฟนแล้ว
ก็รีบตัดใจ ก้าวออกไป เสียเวลาไป ๗ ปี ยังดีกว่าต้องเสียเวลาไปทั้งชีวิต ลองชั่งน้ำหนักดูค่ะ
ความคิดเห็นที่ 3
ฟังแค่นี้ก็เหนื่อยแทนแล้วค่ะ ภาระเยอะจัด แม่แฟนยังดูไม่ค่อยโอเคอีก
ความคิดเห็นที่ 9
ไม่มางาน เพราะไม่อยากให้ลูกชายแต่งงาน

ไม่อยากให้ลูกชายแต่งงาน เพราะกลัวไม่มีคนเลี้ยง

จากข้อมูลที่มี ผมมองว่า คุณไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ต้องคุยกับแฟนให้รู้เรื่องว่า ขีดจำกัดในการ เลี้ยงพ่อแม่เค้า คือแค่ไหน ไม่งั้นต่อให้รายได้เดือนละล้าน ก็ไม่พอใช้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่