เชื้อราในช่องคลอด เป็นแล้วเป็นอีกทำยังไงดี


โรคที่มักจะมากับความชื้นที่เรารู้จักกันดี นั่นก็คือ “โรคเชื้อราในช่องคลอด” นั่นเอง ใครเคยเป็นโรคนี้จะเข้าใจ ถึงแม้จะเป็นโรคที่ไม่ได้อันตรายอะไรมากมาย แต่สร้างความลำบาก เพราะมันจะทำให้เกิดอาการคันในบริเวณนั้นมาก จะเกาต่อหน้าคนอื่นก็ไม่ได้ บางคนก็ใช้วิธี ขยับอย่างกระมิดกระเมี้ยน หนักเข้าก็ต้องหาที่หลบหรือไม่ก็เข้าห้องน้ำกันไป

อาการที่พบบ่อยของโรคนี้จะมีอาการคัน แสบ ระคายเคืองช่องคลอด มีตกขาวเป็นก้อนคล้ายแป้งเปียก หรือมีผื่นบริเวณอวัยวะเพศ

ส่วนใหญ่แล้ว เชื้อราในช่องคลอดมักตอบสนองต่อยาได้ดี ใช้ยาเหน็บ หรือยากิน ก็จะทำให้อาการดีขึ้นได้ แต่จะมีประมาณ 5% ของคนที่เป็นโรคนี้ ที่จะมีโรคกลับมาเป็นใหม่ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ

ในทางการแพทย์ หากเป็นเชื้อราในช่องคลอดซ้ำๆ มากกว่า 4ครั้ง/ปี จำเป็นจะต้องได้รับการดูแลรักษาต่อเนื่อง และใช้ยานานกว่าปกติด้วย

(อาการคันช่องคลอดตกขาว ไม่จำเป็นต้องเป็นเชื้อราเสมอไป ควรพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจภายใน)

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อราซ้ำซากได้
- สายพันธุ์ของเชื้อรา เชื้อราส่วนใหญ่ที่พบนั้นจะรักษาได้ง่าย แต่ในบางสายพันธุ์จะตอบสนองต่อยาได้ไม่ดี จึงมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำสูง
- คนที่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะบ่อยๆ เช่น ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อเรื้อรังหรือรุนแรง มักได้รับยาฆ่าเชื้อที่ครอบคลุมกว้าง ยาจะไปฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ดีในช่องคลอดด้วย เชื้อราจึงเติบโตขึ้นได้
- ใช้ยารักษาไม่ครบตามแพทย์สั่ง เมื่ออาการดีขึ้นแล้วหยุดยาเอง เชื้อจึงดื้อยาได้
- คนที่มีภูมิต้านทานต่ำ ติดเชื้อง่าย เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยที่ต้องกินยากดภูมิ

หากพบว่ามีการติดเชื้อราซ้ำซาก เกิน 4ครั้ง/ปี จะต้องได้รับการรักษา และให้ยาเพื่อลดการกลับมาเป็นซ้ำ
- เบื้องต้น แพทย์จะให้ยาในการรักษาครั้งนั้นก่อน โดยให้เป็นยากิน หรือยาเหน็บ 7-14 วัน
- จากนั้นต้องควบคุมต่อด้วยยากินสัปดาห์ละครั้งต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน

ข้อมูลโดย พญ. จุฑาธิป พูนศรัทธา สูติ-นรีเวชวิทยา - การผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่