สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
อย่าไปเด็ดขาด ตราบใดที่ยังเป็นคนนอก และดูเหมือนความสัมพันธ์ง่อนแง่น ไม่มั่นคง จะเลิกกันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
อีกอย่างคือ จขกท ต้องทำงาน จะเอาเวลาที่ไหนพักผ่อน
ถ้าเขาดูแลกันเองไม่ไหว ก็ให้จ้างพยาบาลอาชีพมาดูแล ไม่ใช่จะมากินแรงกันฟรี ๆ แบบนี้
ฝ่ายชายมีแต่คำว่าไม่พร้อม มากมายหลายเรื่อง รักษาระยะหน่อยก็ดี เพราะเขาอาจไม่ใช่คู่ของ จขกท
คบกันมานานไม่ได้แปลว่า คนนี้ใช่นะ
อีกอย่างคือ จขกท ต้องทำงาน จะเอาเวลาที่ไหนพักผ่อน
ถ้าเขาดูแลกันเองไม่ไหว ก็ให้จ้างพยาบาลอาชีพมาดูแล ไม่ใช่จะมากินแรงกันฟรี ๆ แบบนี้
ฝ่ายชายมีแต่คำว่าไม่พร้อม มากมายหลายเรื่อง รักษาระยะหน่อยก็ดี เพราะเขาอาจไม่ใช่คู่ของ จขกท
คบกันมานานไม่ได้แปลว่า คนนี้ใช่นะ
ความคิดเห็นที่ 24
อย่าเด็ดขาดครับ! ต่อให้คบมา 17 ปี ก็ไม่ครับ!
ผมรู้เพราะ พ่อ แม่ ป่วยทั้งคู่ พ่อพอจะช่วยตัวเองได้บ้าง แต่แม่ติดเตียง ถ้าคุณตกลงแต่งงาน คุณจะ:
- ป้อนข้าว (ตอนนี้แม่ผมทานเองได้แล้ว แต่ก็ต้องเตรียมอาหาร)
- เสร็จแล้วก็ล้างจาน
- พาแม่เข้าห้องน้ำ ทั้งฉี่ทั้งอึ บางทีปวด แต่ไม่ฉี่ไม่ออก พอซักพัก ขอให้พาแม่เข้าไปฉี่อีก บางทีก็ tripple เข้าไปอีก
- พอเสร็จยังต้องนวดขา เพราะแม่รู้สึก "ขาตึง" ถึงจะขยับไม่ได้แล้วก็เถอะ
- พอจัดการทุกอย่าง (ชั่วคราว) แม่ขอให้อยู่เป็นเพื่อน เขากลัว T_T
- นั่นยังไม่นับตอนแม่ไม่สบาย เช่น ครั้งนึง แม่ผมท้องเสีย!
- เนื่องจากแม่ท้องเสีย อึเต็มที่นอน ต้องล้างตัวแม่ (ก็ลำบากแล้ว) แล้วยังต้องล้างเตียง ล้างเก้าอีที่พาแม่เข้าห้องน้ำ ล้างพื้นอีก
- ผ่านไปพักนึง เนื่องจากแม่ท้องเสีย ก็ต้องล้างแบบนี้อีกรอบ
- ผ่านไปพักนึง เนื่องจากแม่ท้องเสีย ก็ต้องพาแม่เข้าห้องน้ำอีก แล้วก็ล้างอึอีก
- ผ่านไปอีกซักพัก แม่บอก แม่ไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังต้องพาแม่เข้าห้องน้ำอีก เพราะอึอีก Y_Y
และ คุณต้องทำแบบนี้ "ทุกวัน ไม่มีวันหยุดราชการ" ครับ
และยังมีอีกอย่าง คือ "ความเครียด" ที่ค่อยๆ สะสมแบบไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่พวกเราพี่น้องรักแม่นะครับ แต่พอป่วย แล้วเรียกร้องนู่นี่ บางที มันก็รู้สึก เครียด ขึ้นมา ครับ แถมแม่ผมก็หูตึง ไม่ค่อยได้ยินอีก Y_Y แล้วที่คุณเป็นคนนอก ไหวเหรอครับ ขอย้ำ ต้องดูแล "ทุก" วันนะครับ?
แฟนคุณเห็นแก่ตัว(มากๆๆ) ครับ แต่ก็พอเข้าใจได้
- เขาต้องดูแลพ่อ อันนี้ดีครับ
- แต่เขาดูแลไม่ไหว (อันนี้ บอกไว้ว่า คนเดียว ไม่ไหวจริงๆ ครับ)
- เขาก็เลยต้องหาเมีย (ทาส) ไปช่วยดูแล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมรู้เพราะ พ่อ แม่ ป่วยทั้งคู่ พ่อพอจะช่วยตัวเองได้บ้าง แต่แม่ติดเตียง ถ้าคุณตกลงแต่งงาน คุณจะ:
- ป้อนข้าว (ตอนนี้แม่ผมทานเองได้แล้ว แต่ก็ต้องเตรียมอาหาร)
- เสร็จแล้วก็ล้างจาน
- พาแม่เข้าห้องน้ำ ทั้งฉี่ทั้งอึ บางทีปวด แต่ไม่ฉี่ไม่ออก พอซักพัก ขอให้พาแม่เข้าไปฉี่อีก บางทีก็ tripple เข้าไปอีก
- พอเสร็จยังต้องนวดขา เพราะแม่รู้สึก "ขาตึง" ถึงจะขยับไม่ได้แล้วก็เถอะ
- พอจัดการทุกอย่าง (ชั่วคราว) แม่ขอให้อยู่เป็นเพื่อน เขากลัว T_T
- นั่นยังไม่นับตอนแม่ไม่สบาย เช่น ครั้งนึง แม่ผมท้องเสีย!
- เนื่องจากแม่ท้องเสีย อึเต็มที่นอน ต้องล้างตัวแม่ (ก็ลำบากแล้ว) แล้วยังต้องล้างเตียง ล้างเก้าอีที่พาแม่เข้าห้องน้ำ ล้างพื้นอีก
- ผ่านไปพักนึง เนื่องจากแม่ท้องเสีย ก็ต้องล้างแบบนี้อีกรอบ
- ผ่านไปพักนึง เนื่องจากแม่ท้องเสีย ก็ต้องพาแม่เข้าห้องน้ำอีก แล้วก็ล้างอึอีก
- ผ่านไปอีกซักพัก แม่บอก แม่ไม่ไหวแล้ว แต่ก็ยังต้องพาแม่เข้าห้องน้ำอีก เพราะอึอีก Y_Y
และ คุณต้องทำแบบนี้ "ทุกวัน ไม่มีวันหยุดราชการ" ครับ
และยังมีอีกอย่าง คือ "ความเครียด" ที่ค่อยๆ สะสมแบบไม่รู้ตัว ทั้งๆ ที่พวกเราพี่น้องรักแม่นะครับ แต่พอป่วย แล้วเรียกร้องนู่นี่ บางที มันก็รู้สึก เครียด ขึ้นมา ครับ แถมแม่ผมก็หูตึง ไม่ค่อยได้ยินอีก Y_Y แล้วที่คุณเป็นคนนอก ไหวเหรอครับ ขอย้ำ ต้องดูแล "ทุก" วันนะครับ?
แฟนคุณเห็นแก่ตัว(มากๆๆ) ครับ แต่ก็พอเข้าใจได้
- เขาต้องดูแลพ่อ อันนี้ดีครับ
- แต่เขาดูแลไม่ไหว (อันนี้ บอกไว้ว่า คนเดียว ไม่ไหวจริงๆ ครับ)
- เขาก็เลยต้องหาเมีย (ทาส) ไปช่วยดูแล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ความคิดเห็นที่ 3
ตอนพ่อผมป่วยหนักจนถึงเสียชีวิต ผมไม่เคยให้ไปรบกวน ภรรยา หรือ ครอบครัวภรรยา แม้สักนิดไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง ไม่เคยถามขอความช่วยเหลือ ไม่เคยพูดซ้ำซากให้น่ารำคาญ มีแค่บอกว่าเหนื่อยช่วงนี้ๆๆขอพัก
เพราะมันเป็นหน้าที่ของ ลูก ผมคิดว่างั้น
ส่วนคุณ ไปดูแลพ่อแม่ตัวเองให้ได้แบบนั้นก่อน ค่อยไปดูแลพ่อแม่คนอื่น
ส่วนพ่อแฟนคุณ ถ้าเลี้ยงลูกแล้วลูกดูไม่ไหว หรือ ลูกไม่ดู โดยมากมันคือผลของการกระทำของเขาเอง
สุดท้าย การสร้างครอบครัวมันต้องมีความเหมาะสมและความพร้อม หากคุณสร้างครอบครัวกันคนๆนี้ไม่ได้ และบอกเลิกเขาตรงๆ ผมว่าดีกว่าคบซ้อน ชู้ มากนัก ก็คือจะคบต่อหรือไม่คบต่อ ถ้าไม่ได้มีสาเหตุจากเรื่องที่ไม่ควรทำ มันก็สิทธิของคุณครับ
เพราะมันเป็นหน้าที่ของ ลูก ผมคิดว่างั้น
ส่วนคุณ ไปดูแลพ่อแม่ตัวเองให้ได้แบบนั้นก่อน ค่อยไปดูแลพ่อแม่คนอื่น
ส่วนพ่อแฟนคุณ ถ้าเลี้ยงลูกแล้วลูกดูไม่ไหว หรือ ลูกไม่ดู โดยมากมันคือผลของการกระทำของเขาเอง
สุดท้าย การสร้างครอบครัวมันต้องมีความเหมาะสมและความพร้อม หากคุณสร้างครอบครัวกันคนๆนี้ไม่ได้ และบอกเลิกเขาตรงๆ ผมว่าดีกว่าคบซ้อน ชู้ มากนัก ก็คือจะคบต่อหรือไม่คบต่อ ถ้าไม่ได้มีสาเหตุจากเรื่องที่ไม่ควรทำ มันก็สิทธิของคุณครับ
ความคิดเห็นที่ 7
อ่านแล้วไม่รู้เรางงรึเปล่า ถ้าเราสรุปตรงไหนผิดช่วยแก้ที
บรรทัดแรกคุณบอกว่าอยู่กินกับแฟนมาหลายปีจนเรียนจบ
คือคุณก็เหมือนผัวเมียกันแหละจริงไหม ฝ่ายชายเค้าคิดว่าคุณ
นี่แหละเมียเขา พอจะย้ายไปอยู่กับพ่อ เลยจะเอาคุณไปด้วย
กะว่าจะเอาไปช่วยด้วยน่ะแหละ
แต่คุณซึ่งตอนอยู่กินกันก็โอเค แต่พอเริ่มจะเดือดร้อนโดนใช้ฟรี
ก็อ้างว่าชั้นแค่แฟนไม่ใช่เมีย ซึ่งอันนี้เราก็ว่าคุณทำถูกแล้ว
ฝ่ายชายก็เห็นแก่ได้เกิน พ่อตัวเองจะมาใช้คนอื่นช่วยดูแลได้ไง
เว้นแต่คุณอาสาเอง
เอาเป็นว่าถ้าดูทรงแล้วไม่มีอนาคตก็ถอย เราว่าคุณตัดสินใจแล้วล่ะ
แค่มาถามหาเสียงสนับสนุนเพิ่มตรงนี้
บรรทัดแรกคุณบอกว่าอยู่กินกับแฟนมาหลายปีจนเรียนจบ
คือคุณก็เหมือนผัวเมียกันแหละจริงไหม ฝ่ายชายเค้าคิดว่าคุณ
นี่แหละเมียเขา พอจะย้ายไปอยู่กับพ่อ เลยจะเอาคุณไปด้วย
กะว่าจะเอาไปช่วยด้วยน่ะแหละ
แต่คุณซึ่งตอนอยู่กินกันก็โอเค แต่พอเริ่มจะเดือดร้อนโดนใช้ฟรี
ก็อ้างว่าชั้นแค่แฟนไม่ใช่เมีย ซึ่งอันนี้เราก็ว่าคุณทำถูกแล้ว
ฝ่ายชายก็เห็นแก่ได้เกิน พ่อตัวเองจะมาใช้คนอื่นช่วยดูแลได้ไง
เว้นแต่คุณอาสาเอง
เอาเป็นว่าถ้าดูทรงแล้วไม่มีอนาคตก็ถอย เราว่าคุณตัดสินใจแล้วล่ะ
แค่มาถามหาเสียงสนับสนุนเพิ่มตรงนี้
แสดงความคิดเห็น
ยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่แฟนอยากให้ไปช่วยดูแลพ่อที่ป่วยเป็นมะเร็ง คิดว่ายังไงคะ?
คือเราคบกับแฟนมาเกือบ7ปีแล้วค่ะ อยู่กินด้วยกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย-จนทำงาน แล้วทีนี้พ่อของแฟนเราป่วยหนักมากเลยค่ะ ท่านป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย แฟนเราเลยตัดสินใจลาออกจากงาน แล้วย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านเพื่อดูแลคุณพ่อที่ป่วย เนื่องจากแม่ของแฟนท่านดูแลไม่ไหว
ประเด็น มันอยู่ตรงที่แฟนเราอยากให้เราไปอยู่ที่บ้านเขาด้วย (ที่พักเรากับบ้านแฟน ถ้าขับรถก็น่าจะประมาณครึ่งชั่วโมง) แฟนเราอยากให้ย้ายไปอยู่บ้านเขาเพื่อจะให้เราช่วยดูแลพ่อเขาค่ะ แต่ว่าเรายังไม่ได้แต่งงานกัน ตอนแรกก็มีคิดๆไว้ว่าเรียนจบแล้วค่อยหาเงินแต่ง แล้วอีกอย่างคือเราก็ทำงานอยู่ด้วย แต่น่าจะประมาณว่าให้ช่วยดูแลหลังเลิกงานหรือวันหยุดค่ะ ถ้าถามว่าแล้วทำไมเราถึงไม่รีบแต่ง ทั้งที่ก็คบกันมาเกือบ7ปีแล้ว จะได้ไม่ต้องมาคิดว่าในฐานะแฟนแล้วสมควรทำไหม เราก็จะบอกว่า ที่ผ่านมามันมีปัญหามากมายเข้ามาตลอดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นช่วงแฟนเราโดนทหารไป1ปี /ครอบครัวแฟนมีปัญหา/จนมาตลอดนี้พ่อแฟนก็ป่วยหนักอีก ซึ่งมันมีแต่คำว่าไม่พร้อม
และตอนนี้เราก็แทบมองไม่เห็นเลยค่ะว่าต่อไปเรากับแฟนจะเป็นไปในทิศทางไหน เพราะเงินเก็บตอนนี้แฟนก็ต้องเอาไปใช้รักษาพ่อเขาอีกค่ะ
เลยอยากถามทุกคนค่ะว่า เราสมควรที่จะต้องไปไหมช่วยดูแลพ่อแฟนรึเปล่าคะ ทั้งๆที่ตอนนี้เราอยู่ในสถานะแฟนกัน ซึ่งแฟนเรามีน้องสาวนะคะ (น้องเขาก็พึ่งเรียนจบตอนนี้ยังไม่ได้ทำงาน แต่น้องสาวแฟนเหมือนพึ่งพาไม่ค่อยได้เลย ชอบเก็บตัวอยู่กับแฟนเขาในห้อง พอกลางคืนก็ชอบออกไปหาเพื่อน ไปร้านเหล้าซึ่งที่น้องแฟนทำมากสุดคือช่วยขับรถพาพ่อเขาไปหาหมอ ซื้อกับข้าวมาให้ แต่ที่แฟนเราทำคือนอนเฝ้า/เช็ดตัว/เช็ดอุจจาระ/ปัสสาวะของพ่อเขา เรียกว่าทำแทบทุกอย่าง ดูแลทั้งวันทั้งคืนเลยค่ะ และนี่คือสิ่งที่แฟนอยากให้เราไปช่วยดูแล แต่บอกตามตรงถึงจะคบกันมาหลายปี แต่เราก็ไม่ค่อยสนิทกับครอบครัวแฟนเท่าไร ส่วนมากเราก็จะคุยกับแม่แฟนแล้วก็ยายค่ะ พ่อกับน้องสาวแฟนเราไม่ค่อยได้คุย มันเหมือนไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไร เพราะปกติเราเป็นคนพูดไม่เก่งอยู่แล้ว ไม่ถึงกับอึดอัดนะคะ น่าจะเรียกประมาณว่าเกร็ง เราเลยไม่อยากไปอยู่ที่บ้านเขา 1.คือเพราะความเป็นส่วนตัวที่จะหายไป 2.เรายังไม่ได้แต่งงานกันถ้าทำแบบนั้นมันก็เหมือนเราเข้าไปเป็นลูกสะใภ้เขาแล้วทันที แต่ถ้าไปอยู่บ้านแฟนแต่ก็กลัวแฟนจะคิดว่าเราไม่โอเคกับที่บ้านเขาและกลายเป็นจบที่ทะเลาะกันโดยปกติแฟนก็ชอบบ่นว่าเราว่าไม่ค่อยอยากไปบ้านเขาอยู่แล้ว แล้วพอพ่อแฟนป่วยเป็นแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะ
ทุกคนคิดว่ายังไง เราควรทำไงดีคะ