แมวเราอายุ 3 ขวบค่ะ ตัวเมีย ทำหมันแล้ว เลี้ยงตัวเดียว แบบระบบปิด
น้องเป็นแมวจรที่แม่คลอดแล้วทิ้งไว้ เราเลี้ยงน้องมาตั้งแต่ตอนนั้น
น้องมีนิสัยดุ แม้จะทำหมันแล้วก็ยังค่อนข้างดุ
(ดุในที่นี้ คือกับคนในบ้าน น้องก็จะมีตบใส่บ้าง กัดบ้าง แต่ไม่เคยขู่)
-- ปัญหามันเริ่มที่ อยู่ๆน้องก็เดินกะเผลก ขาหน้าซ้ายตรงข้อพับ
น้องพยายามเดินปกติ แต่ตัวขามันเหมือนอ่อนแรงไปเลย
(ประมาณ 8โมงกว่า คนในบ้านเห็นว่าน้องยังเดินปกติ แต่เริ่มมีอาการประมาณ 9โมง)
เราเลยรีบพาน้องไปโรงพยาบาลสัตว์ที่น้องมีประวัติอยู่
พอเจอหมอ หมอตรวจขา แต่สังเกตว่าน้องหายใจแรง
หมอถามเราว่าปกติน้องหายใจแรงแบบนี้มั้ย.. เราบอกว่าปกติก็หายใจแรงค่ะ แต่ไม่แรงเท่านี้
เราคิดว่าน้องมีอาการตื่นกลัวที่มาโรงพยาบาลฯ และเจอคนแปลกหน้า
แต่คุณหมอขอ x-ray ปอดร่วมด้วย เพราะดูการหายใจน้องไม่ดี มีอาการเหนื่อยเห็นได้ชัด
ผล x-ray ออกมา ว่าปอดของน้องมีฝ้าขาว ตอนแรกคุณหมอกลัวว่าจะเป็นน้ำในปอด
เลยขอพาน้องเข้าตู้อ๊อกซิเจน และน้องอาจจะต้องอยู่ในตู้อ๊อกฯประมาณ 3 วัน
ส่วนเรื่องเจ็บขา คุณหมอบอกว่าถ้ามีปัญหาน้ำในปอดจริง ก็กลัวว่าที่ขาเจ็บจะเป็นอาการของมีอะไรไปอุดตันเส้นเลือดบริเวณนั้น
เราตกใจมาก สติหลุด สงสารน้อง ได้แต่ฝากน้องไว้กับคุณหมอ ให้ดูแลให้ดึที่สุด
-- ตอนบ่าย เราโทรถามอาการน้อง
คุณหมอบอกว่าน้องไม่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เพราะได้ทำการเทสบริเวณขาที่น้องเจ็บแล้ว
(เรามาถามตอนหลังว่าเทสแบบไหน เพราะตอนแรกหมอบอกว่ามีวิธีเทสแบบตัดเล็บเข้าเนื้อ
ถ้าเลือดไม่ออก แสดงว่ามีลิ่มเลือดอุดตัน แต่ถ้าเลือดออก แสดงว่าลิ่มเลือดไม่อุดตัน
แต่การเทสที่หมอใช้คือการวัดความดัน)
ส่วนเรื่องปอดเป็นฝ้า คือน้องมีอาการปอดชื้น ไม่ใช่น้ำในปอด
หมอได้ให้ยาลดปวดและยาฆ่าเชื้อไป
-- ช่วงค่ำ เรากลับไปหาน้องอีกรอบ น้องยังอยู่ในตู้อ๊อกฯ
คุณหมอบอกว่า น้องกินอาหารเย็นได้ แต่น้องดุมาก ขู่ และไม่ให้จับ
หมอยังไม่กล้าประเมินว่าวันถัดไป จะตรวจน้องได้มาก/น้อยแค่ไหน
เพราะน้องดุจนไม่ให้ความร่วมมือ
-- เช้าวันถัดมา เราโทรติดตามอาการกับคุณหมอ คุณหมอถามเราว่า เราเคยป้อนยาให้น้องมั้ย
เราบอกว่าเคย แต่ไม่เคยป้อนยาเปล่าๆนะ เคยแต่บดผสมอาหารไป
คุณหมอเลยสอบถามเราว่า ให้น้องกลับมารักษาต่อที่บ้านมั้ย หมอจะให้ยามากิน
เรื่องขาที่เจ็บ ให้ยาแก้อักเสบมากินอีก 2 มื้อ 2 วัน ถ้าไม่ดีขึ้นให้พากลับไปโรงพยาบาลอีกที
ส่วนยาเรื่องปอด ให้ยาฆ่าเชื้อมากินอีก 7 มื้อ 7 วัน และติดตามผลเมื่อครบ 7 วัน
คุณหมอบอกว่าเรื่องขาน้อง มี 3 กรณี คือ
1. มีอาการอักเสบ เลยเจ็บ
2. หัก
3. เส้นประสาท
ที่คุณหมอให้ยาแก้อักเสบมากินก่อน ก็เพราะถ้ากินแล้วหาย ก็แสดงว่าขาแค่อักเสบ
แต่ถ้าไม่หาย อาจมีอาการหัก ก็ต้องจับน้องไป x-ray เฉพาะส่วน ซึ่งต้องจับน้องให้ยืนนิ่งๆ (แต่น้องดุ เลยยากไปอีก)
ส่วนเรื่องเส้นประสาท ก็ต้องได้ผลจากการ x-ray เช่นกัน
เราปรึกษาคุณแม่ เห็นตรงกันว่าพาน้องกลับมาดูแลต่อที่บ้านก่อนดีกว่า
อย่างน้อยก็ลดเรื่องความเครียด ความกลัวให้น้องด้วย
-- น้องกลับมาอยู่บ้าน เราบดยามื้อแรกผสมอาหารที่น้องชอบ แต่น้องไม่ยอมกิน
น้องกินแต่น้ำ และกินน้ำทีละค่อนข้างเยอะ
น้องมีอาการหงุดหงิดและขู่ ซึ่งปกติน้องจะไม่ขู่คนในบ้านแบบนี้
ขาน้องยังพับ และอ่อนแรง ไม่ลงน้ำหนักที่ขาซ้ายหน้าเลย
ตอนนี้นอกจากแมวเครียดแล้ว เราก็เครียดค่ะ
เพราะคุณหมอบอกว่า ให้น้องกินยามื้อแรกก่อน ถ้าไม่ดีขึ้น ให้พากลับไปโรงพยาบาลได้
ที่เครียด เพราะนอกจากแมวไม่ยอมกินยา คือการจับน้องใส่กล่องกลับไปโรงพยาบาล
จับน้อง น้องก็ขู่ ยิ่งนึกภาพตอนไปถึงโรงพยาบาล..ยิ่งขู่หนักอีกแน่ๆ
และเราไม่รู้ว่า เราเลือกผิดมั้ย ที่ให้หมอรักษาอาการทั้ง 2 อย่างพร้อมๆกัน
หรือจริงๆเราควรให้หมอรักษาเรื่องขาให้น้องดีขึ้นก่อนดีมั้ย อย่างน้อยให้ขาน้องใช้ได้ปกติก่อน น้องจะได้ไม่หงุดหงิดทึ่ขาไม่มีแรงแบบนี้..
ขออนุญาตระบายและสอบถามความคิดเห็นทุกๆท่านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
น้องแมวขาซ้ายหน้าเจ็บ แต่เจอปัญหาเรื่องปอดไปด้วย
น้องเป็นแมวจรที่แม่คลอดแล้วทิ้งไว้ เราเลี้ยงน้องมาตั้งแต่ตอนนั้น
น้องมีนิสัยดุ แม้จะทำหมันแล้วก็ยังค่อนข้างดุ
(ดุในที่นี้ คือกับคนในบ้าน น้องก็จะมีตบใส่บ้าง กัดบ้าง แต่ไม่เคยขู่)
-- ปัญหามันเริ่มที่ อยู่ๆน้องก็เดินกะเผลก ขาหน้าซ้ายตรงข้อพับ
น้องพยายามเดินปกติ แต่ตัวขามันเหมือนอ่อนแรงไปเลย
(ประมาณ 8โมงกว่า คนในบ้านเห็นว่าน้องยังเดินปกติ แต่เริ่มมีอาการประมาณ 9โมง)
เราเลยรีบพาน้องไปโรงพยาบาลสัตว์ที่น้องมีประวัติอยู่
พอเจอหมอ หมอตรวจขา แต่สังเกตว่าน้องหายใจแรง
หมอถามเราว่าปกติน้องหายใจแรงแบบนี้มั้ย.. เราบอกว่าปกติก็หายใจแรงค่ะ แต่ไม่แรงเท่านี้
เราคิดว่าน้องมีอาการตื่นกลัวที่มาโรงพยาบาลฯ และเจอคนแปลกหน้า
แต่คุณหมอขอ x-ray ปอดร่วมด้วย เพราะดูการหายใจน้องไม่ดี มีอาการเหนื่อยเห็นได้ชัด
ผล x-ray ออกมา ว่าปอดของน้องมีฝ้าขาว ตอนแรกคุณหมอกลัวว่าจะเป็นน้ำในปอด
เลยขอพาน้องเข้าตู้อ๊อกซิเจน และน้องอาจจะต้องอยู่ในตู้อ๊อกฯประมาณ 3 วัน
ส่วนเรื่องเจ็บขา คุณหมอบอกว่าถ้ามีปัญหาน้ำในปอดจริง ก็กลัวว่าที่ขาเจ็บจะเป็นอาการของมีอะไรไปอุดตันเส้นเลือดบริเวณนั้น
เราตกใจมาก สติหลุด สงสารน้อง ได้แต่ฝากน้องไว้กับคุณหมอ ให้ดูแลให้ดึที่สุด
-- ตอนบ่าย เราโทรถามอาการน้อง
คุณหมอบอกว่าน้องไม่มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน เพราะได้ทำการเทสบริเวณขาที่น้องเจ็บแล้ว
(เรามาถามตอนหลังว่าเทสแบบไหน เพราะตอนแรกหมอบอกว่ามีวิธีเทสแบบตัดเล็บเข้าเนื้อ
ถ้าเลือดไม่ออก แสดงว่ามีลิ่มเลือดอุดตัน แต่ถ้าเลือดออก แสดงว่าลิ่มเลือดไม่อุดตัน
แต่การเทสที่หมอใช้คือการวัดความดัน)
ส่วนเรื่องปอดเป็นฝ้า คือน้องมีอาการปอดชื้น ไม่ใช่น้ำในปอด
หมอได้ให้ยาลดปวดและยาฆ่าเชื้อไป
-- ช่วงค่ำ เรากลับไปหาน้องอีกรอบ น้องยังอยู่ในตู้อ๊อกฯ
คุณหมอบอกว่า น้องกินอาหารเย็นได้ แต่น้องดุมาก ขู่ และไม่ให้จับ
หมอยังไม่กล้าประเมินว่าวันถัดไป จะตรวจน้องได้มาก/น้อยแค่ไหน
เพราะน้องดุจนไม่ให้ความร่วมมือ
-- เช้าวันถัดมา เราโทรติดตามอาการกับคุณหมอ คุณหมอถามเราว่า เราเคยป้อนยาให้น้องมั้ย
เราบอกว่าเคย แต่ไม่เคยป้อนยาเปล่าๆนะ เคยแต่บดผสมอาหารไป
คุณหมอเลยสอบถามเราว่า ให้น้องกลับมารักษาต่อที่บ้านมั้ย หมอจะให้ยามากิน
เรื่องขาที่เจ็บ ให้ยาแก้อักเสบมากินอีก 2 มื้อ 2 วัน ถ้าไม่ดีขึ้นให้พากลับไปโรงพยาบาลอีกที
ส่วนยาเรื่องปอด ให้ยาฆ่าเชื้อมากินอีก 7 มื้อ 7 วัน และติดตามผลเมื่อครบ 7 วัน
คุณหมอบอกว่าเรื่องขาน้อง มี 3 กรณี คือ
1. มีอาการอักเสบ เลยเจ็บ
2. หัก
3. เส้นประสาท
ที่คุณหมอให้ยาแก้อักเสบมากินก่อน ก็เพราะถ้ากินแล้วหาย ก็แสดงว่าขาแค่อักเสบ
แต่ถ้าไม่หาย อาจมีอาการหัก ก็ต้องจับน้องไป x-ray เฉพาะส่วน ซึ่งต้องจับน้องให้ยืนนิ่งๆ (แต่น้องดุ เลยยากไปอีก)
ส่วนเรื่องเส้นประสาท ก็ต้องได้ผลจากการ x-ray เช่นกัน
เราปรึกษาคุณแม่ เห็นตรงกันว่าพาน้องกลับมาดูแลต่อที่บ้านก่อนดีกว่า
อย่างน้อยก็ลดเรื่องความเครียด ความกลัวให้น้องด้วย
-- น้องกลับมาอยู่บ้าน เราบดยามื้อแรกผสมอาหารที่น้องชอบ แต่น้องไม่ยอมกิน
น้องกินแต่น้ำ และกินน้ำทีละค่อนข้างเยอะ
น้องมีอาการหงุดหงิดและขู่ ซึ่งปกติน้องจะไม่ขู่คนในบ้านแบบนี้
ขาน้องยังพับ และอ่อนแรง ไม่ลงน้ำหนักที่ขาซ้ายหน้าเลย
ตอนนี้นอกจากแมวเครียดแล้ว เราก็เครียดค่ะ
เพราะคุณหมอบอกว่า ให้น้องกินยามื้อแรกก่อน ถ้าไม่ดีขึ้น ให้พากลับไปโรงพยาบาลได้
ที่เครียด เพราะนอกจากแมวไม่ยอมกินยา คือการจับน้องใส่กล่องกลับไปโรงพยาบาล
จับน้อง น้องก็ขู่ ยิ่งนึกภาพตอนไปถึงโรงพยาบาล..ยิ่งขู่หนักอีกแน่ๆ
และเราไม่รู้ว่า เราเลือกผิดมั้ย ที่ให้หมอรักษาอาการทั้ง 2 อย่างพร้อมๆกัน
หรือจริงๆเราควรให้หมอรักษาเรื่องขาให้น้องดีขึ้นก่อนดีมั้ย อย่างน้อยให้ขาน้องใช้ได้ปกติก่อน น้องจะได้ไม่หงุดหงิดทึ่ขาไม่มีแรงแบบนี้..
ขออนุญาตระบายและสอบถามความคิดเห็นทุกๆท่านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ