วิธีสร้างคอร์ด rootless voicing แปลตรงๆคือการตัดรูทออก
เช่น คอร์ด Cmaj9 ให้เราทำการเรียงโน้ต chord tone +7th ก่อน แล้วตามด้วยโน้ต extension หรือ alteration เช่น
C E G B แล้วเพิ่มตัวที่ 9 คือ ตัว D เสร็จแล้วให้ตัด Root ออก จะเหลือ E G B D ก็จะได้ Rootless voing in Cmaj9
หรือคอร์ด G9(13) G B D F A (E) จะตัด Root ออกเหลือ B D F A (E) และยังสามารถตัดตัวที่ 5th ออกเหลือ B F A E หรืออาจจะเรียง B E F A เพื้อให้โน้ตมาเรียงตัวใกล้ๆกันก็ได้แต่โน้ต Guide tone ต้องอยู่ล่างสุด
และการ Rootles จะมี 2 type ได้แก่ Type A and Type B คือ 1st inversion and 3rd inversion เพื่อให้โน้ต Guide tones อยู่ล่างสุด เพราะ โน้ต Guide tone มีความสำคัญตรงที่เป็นโน้ตที่มี Quality ที่สำคัญของคอร์ด และต้องนำโน้ตมาจัดเรียงกันโดยห้ามให้โน้ต อยู่ติดกัน ด้านบนสุด หรือ ด้านล่างสุด ข้อยกเว้นคือสามารถติดกันตรงกลางได้เพื่อให้เสียงกัดกันตรงกลาง
เช่นคอร์ด G9(13) เรียงตัวแบบ Type B rootless F A B D E ตัดตัว 5th ออกด้วยเหลือ F AB E สังเกตุว่าโน้ต AB ติดกันทำให้เกิดเสียงกัดเล็กๆจึงต้องพลิกกลับมันมาไว้ตรงกลางเพื่อให้โน้ตตัวbottomกับtopกลืนเสียงกัด
คำถาม ตัด Root กับ 5th ออกเพื่อ ? คำตอบเพราะมันเป็นโน้ตที่มือเบสเล่นอยู่แล้วเราจึงไม่จำเป็นจะต้องไปกดซ้ำและนิ้วเราคงไม่พอที่จะกดครบทุกโน้ตและยังตัดตัวที่ 5th ออกได้ด้วยก็เพราะเบสก็เล่นอยู่เหมือนกัน และยังเป็นโน้ตที่ไม่สำคัญเพราะเป็นคู่ perfect fifth ไม่ได้ทำให้เกิด quality ที่สำคัญในคอร์ด
การพัฒนาการเล่น Rootless voicing ถูกนำมาใช้เยอะๆใน ยุค Modal jazz ที่ติดหูก็คงเป็น bill evans ประกอบไปด้วยเครื่องดนตรี 3 ชิ้นเป็นหลัก ได้แก่ กลอง เบส และเครื่องดนตรีประเภทคอร์ด หรือเครื่องดนตรีอื่นๆมาเสริม จึงแบ่งหน้าที่กันเล่นโดยไม่ต้องเล่นโน้ตซ้ำกัน ฉะนั้น เวลาที่คุณเล่นคนเดียว แล้วไปตัด Root ออกอาจทำให้เสียงมันแปล่งๆ เพราะไม่มีเครื่องดนตรีอื่นเล่น Root ให้ แต่จะยังคงสามารถทำหน้าที่ เป็น subtitution ได้อยู่ เช่น คอร์ด Cmaj9 C E G B D ทำ rootless type A จะได้ E G B D พอมองดูแล้วมันก็คือคอร์ด Em7 ใน Mode คือ E phrygian avoid notes คือ F & C เมื่อขาด root หรือ Bass line มันจะทำหน้าเป็น Subtitution ของคอร์ด Cmaj9 ทำให้สำเนียงที่ต้องการอาจผิดเพี้ยนไป
คำถามต่อมา แล้วถ้าเล่นคนเดียวไม่มีมือเบสจะทำไงในขณะที่นิ้วไม่พอ คุณลองคิดดูถ้ากดคอร์ด G7b9b13 = G B D F Ab Eb คุณจะกดโน้ตทั้งหมดนี้พร้อมกันได้ไง (ยกเว้นเปียโนที่ใช้สิบนิ้วช่วยกันกดแต่ถ้ามือขวาบรรเลงอยู่ก็ลำบาก) ส่วนนี้จะถูกเล่นด้วยรูปแบบของการเล่นแบบแบ่ง Groove ระหว่าง bass line กับ chords คือการเล่น bass line ผสม หรือสลับกับ rootless voicing พูดง่ายๆคือเล่นbassสลับกับrootless voicing
และนอกจากนั้นการเล่น rootless ยังถูกพัฒนามาเล่นในการแนวเพลงต่างๆในยุคต่อมา แต่จะไม่นิยมเล่นในแนว classic หรือ pop หรือ rock
เพราะคอร์ด rootless vocing มีการเพิ่มโน้ต extension ทำให้มีโน้ต non chord tone หรือ Altered ผสม อยู่ ซึ่งจะทำให้คอร์ดมีมิติมากขึ้นแต่จะทำให้ความแข็งแรง ของคอร์ดน้อยลง อย่างเพลง pop จะนิยมใส่ tension แค่ตัวที่ 7th เท่านั้น
วิธีสร้าง rootless voicing chords
เช่น คอร์ด Cmaj9 ให้เราทำการเรียงโน้ต chord tone +7th ก่อน แล้วตามด้วยโน้ต extension หรือ alteration เช่น
C E G B แล้วเพิ่มตัวที่ 9 คือ ตัว D เสร็จแล้วให้ตัด Root ออก จะเหลือ E G B D ก็จะได้ Rootless voing in Cmaj9
หรือคอร์ด G9(13) G B D F A (E) จะตัด Root ออกเหลือ B D F A (E) และยังสามารถตัดตัวที่ 5th ออกเหลือ B F A E หรืออาจจะเรียง B E F A เพื้อให้โน้ตมาเรียงตัวใกล้ๆกันก็ได้แต่โน้ต Guide tone ต้องอยู่ล่างสุด
และการ Rootles จะมี 2 type ได้แก่ Type A and Type B คือ 1st inversion and 3rd inversion เพื่อให้โน้ต Guide tones อยู่ล่างสุด เพราะ โน้ต Guide tone มีความสำคัญตรงที่เป็นโน้ตที่มี Quality ที่สำคัญของคอร์ด และต้องนำโน้ตมาจัดเรียงกันโดยห้ามให้โน้ต อยู่ติดกัน ด้านบนสุด หรือ ด้านล่างสุด ข้อยกเว้นคือสามารถติดกันตรงกลางได้เพื่อให้เสียงกัดกันตรงกลาง
เช่นคอร์ด G9(13) เรียงตัวแบบ Type B rootless F A B D E ตัดตัว 5th ออกด้วยเหลือ F AB E สังเกตุว่าโน้ต AB ติดกันทำให้เกิดเสียงกัดเล็กๆจึงต้องพลิกกลับมันมาไว้ตรงกลางเพื่อให้โน้ตตัวbottomกับtopกลืนเสียงกัด
คำถาม ตัด Root กับ 5th ออกเพื่อ ? คำตอบเพราะมันเป็นโน้ตที่มือเบสเล่นอยู่แล้วเราจึงไม่จำเป็นจะต้องไปกดซ้ำและนิ้วเราคงไม่พอที่จะกดครบทุกโน้ตและยังตัดตัวที่ 5th ออกได้ด้วยก็เพราะเบสก็เล่นอยู่เหมือนกัน และยังเป็นโน้ตที่ไม่สำคัญเพราะเป็นคู่ perfect fifth ไม่ได้ทำให้เกิด quality ที่สำคัญในคอร์ด
การพัฒนาการเล่น Rootless voicing ถูกนำมาใช้เยอะๆใน ยุค Modal jazz ที่ติดหูก็คงเป็น bill evans ประกอบไปด้วยเครื่องดนตรี 3 ชิ้นเป็นหลัก ได้แก่ กลอง เบส และเครื่องดนตรีประเภทคอร์ด หรือเครื่องดนตรีอื่นๆมาเสริม จึงแบ่งหน้าที่กันเล่นโดยไม่ต้องเล่นโน้ตซ้ำกัน ฉะนั้น เวลาที่คุณเล่นคนเดียว แล้วไปตัด Root ออกอาจทำให้เสียงมันแปล่งๆ เพราะไม่มีเครื่องดนตรีอื่นเล่น Root ให้ แต่จะยังคงสามารถทำหน้าที่ เป็น subtitution ได้อยู่ เช่น คอร์ด Cmaj9 C E G B D ทำ rootless type A จะได้ E G B D พอมองดูแล้วมันก็คือคอร์ด Em7 ใน Mode คือ E phrygian avoid notes คือ F & C เมื่อขาด root หรือ Bass line มันจะทำหน้าเป็น Subtitution ของคอร์ด Cmaj9 ทำให้สำเนียงที่ต้องการอาจผิดเพี้ยนไป
คำถามต่อมา แล้วถ้าเล่นคนเดียวไม่มีมือเบสจะทำไงในขณะที่นิ้วไม่พอ คุณลองคิดดูถ้ากดคอร์ด G7b9b13 = G B D F Ab Eb คุณจะกดโน้ตทั้งหมดนี้พร้อมกันได้ไง (ยกเว้นเปียโนที่ใช้สิบนิ้วช่วยกันกดแต่ถ้ามือขวาบรรเลงอยู่ก็ลำบาก) ส่วนนี้จะถูกเล่นด้วยรูปแบบของการเล่นแบบแบ่ง Groove ระหว่าง bass line กับ chords คือการเล่น bass line ผสม หรือสลับกับ rootless voicing พูดง่ายๆคือเล่นbassสลับกับrootless voicing
และนอกจากนั้นการเล่น rootless ยังถูกพัฒนามาเล่นในการแนวเพลงต่างๆในยุคต่อมา แต่จะไม่นิยมเล่นในแนว classic หรือ pop หรือ rock
เพราะคอร์ด rootless vocing มีการเพิ่มโน้ต extension ทำให้มีโน้ต non chord tone หรือ Altered ผสม อยู่ ซึ่งจะทำให้คอร์ดมีมิติมากขึ้นแต่จะทำให้ความแข็งแรง ของคอร์ดน้อยลง อย่างเพลง pop จะนิยมใส่ tension แค่ตัวที่ 7th เท่านั้น