วิธีดูกระเบื้องให้เหมาะกับพื้นที่ ยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น

เทคนิคการเลือกกระเบื้องปูพื้น
อันดับแรกควรคำนึงถึงพื้นที่การใช้งานก่อน เช่น การเลือกกระเบื้องบริเวณห้องรับแขก ควรเลือกกระเบื้องที่มีมันหน้ามันวาว ซึ่งจะทำให้ดูสะอาด โปร่งสบาย และดูกว้างขึ้น หรือถ้าหากเป็นบริเวณห้องน้ำก็ควรเลือกกระเบื้องที่มีผิวหยาบ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานเป็นหลัก

ขนาดของกระเบื้องที่เลือกใช้ ควรดูตามความกว้างของพื้นที่ เช่น ห้องรับแขกควรเลือกกระเบื้องแผ่นใหญ่ 60x60 เซนติเมตร เพื่อความสวยงาม ส่วนกระเบื้องครัวหรือห้องน้ำเป็นพื้นที่เล็ก ๆ สามารถใช้กระเบื้องขนาดมาตรฐานประมาณ 30x30 เซนติเมตร

สีและลวดลายของกระเบื้อง มีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกและการใช้งานเป็นอย่างมาก หากเราเลือกกระเบื้องที่มีลวดลายมากเกินไปมาปูบริเวณห้องรับแขก ก็อาจทำให้ดูอึดอัดและวุ่นวายไม่ปลอดโปร่งได้ นอกจากนี้การมิกซ์แอนด์แมตช์สีกระเบื้องให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ยังเป็นไอเดียที่คนชอบแต่งบ้านนำมาใช้ ชอบสไตล์ไหนก็ตกแต่งให้เป็นตัวคุณได้เลย
 
นอกจากข้อมูลเบสิกในการเลือกกระเบื้องเหล่านี้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การเลือก Texture ของกระเบื้องให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละพื้นที่ เพราะการเลือกกระเบื้องผิดประเภทจะก่อปัญหาตามมาในไม่ช้า ทำให้อายุการใช้งานกระเบื้องสั้นลง และยังต้องเสียเงินซ่อมแซมหรือรื้อกระเบื้องใหม่ทั้งหมด ในปัจจุบันเรามีกระเบื้อง หลากหลายรูปแบบ มีพื้นผิวแตกต่างกันกว่า 11 ชนิด ตอบโจทย์การใช้งานทุกพื้นที่

ก่อนอื่นเรามาแบ่งพื้นที่การใช้งานให้ชัดเจน ได้แก่ พื้นที่ภายในบ้านหรืออาคาร เช่น ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องครัว หรือห้องโถงภายในอาคาร และพื้นที่ภายนอกอาคาร เช่น สระว่ายน้ำ สวนหน้าบ้าน ทางเดิน ลานจอดรถ จะสังเกตได้ว่าพื้นที่แต่ละส่วนมีการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้นการเลือกพื้นผิวของกระเบื้องจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก หากเลือกผิดก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายขึ้นได้

พื้นที่ภายในบ้านและอาคาร
ควรเลือกกระเบื้องผิวหน้าที่ค่อนข้างเรียบจะให้ความรู้สึกสบายเท้าเวลาเดิน โดยกระเบื้องที่มีผิวเรียบนั้น ได้แบ่งลักษณะผิวหน้าออกเป็นหลาย ๆ แบบด้วยกัน คือ Polish / Glossy / Semi-polish / Satin / R9

Polish : เป็นกระเบื้องที่มีความมันเงา จากการขัด มีเงาสะท้อน ทำให้ดูหรูหรา สบายตา
Glossy : เป็นกระเบื้องที่มีความมันเงาจากการเคลือบ เหมาะสำหรับติดตั้งเป็นผนัง เช่น ผนังของห้องน้ำ
Semi-Polish : ลักษณะผิวนวล มาจากการเคลือบและการขัด เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่ต้องการความเงามากนัก
Satin : ผิวนวลจากการเคลือบ ลวดลายคล้าย texture ผ้า
R9 : กระเบื้องผิวด้าน อาทิกระเบื้องลายไม้ขัด หรือลายหินละเอียด


พื้นที่ภายนอกอาคาร
สำหรับพื้นที่ภายนอกอาคารต้องคำนึงถึงความคงทนในการใช้งานมากกว่าในอาคาร เพราะส่วนใหญ่อยู่กลางแจ้ง อาจจะต้องทนแดดทนฝนอย่างหนัก หรือหากอยู่ในร่มก็ต้องมีความแข็งแรงสูง เพื่อความปลอดภัยของผู้อาศัย ลักษณะผิวหน้าที่เราแนะนำแบ่งออกเป็นหลายๆแบบ ดังนี้ Natural / R10 / Matt / R11 / R12 / GRIP

Natural : กระเบื้องที่มีผิวด้านหยาบเล็กน้อย
R10 : กระเบื้องผิวหยาบที่มีการออกแบบพื้นผิวให้มีริ้วรอยค่อนข้างลึก กันลื่นได้ดี
Matt : กระเบื้องผิวหยาบปานกลาง
R11 : หรือที่เรามักเรียกว่ากระเบื้องกันลื่น (Anti-Slip) จะมีผิวหน้าที่ค่อนข้างหยาบมาก ผิวกันลื่น เหมาะกับห้องน้ำโซนเปียก หรือพื้นที่ที่ต้องระมัดระวังเรื่องกันลื่นเป็นพิเศษ เช่น บริเวณรอบสระว่ายน้ำ
R12 : กระเบื้องผิวหยาบมี texture สูง
GRIP : กระเบื้องที่มีผิวหยาบมาก

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเนื้อหาที่เรานำมาให้ชาวพันทิปได้อ่านกัน การเลือกกระเบื้องให้เหมาะกับพื้นที่การใช้งานทำให้เราประหยัดขึ้น เพราะจะสามารถยืดอายุการใช้งานของกระเบื้องได้ยาวนาน และยังปลอดภัยกับผู้อยู่อาศัยและดีต่อใจในทุก ๆ โมเม้นท์ภายในบ้าน ถ้าชาวพันทิปอยากได้ทราบข้อมูลเลือกเกี่ยวกับกระเบื้องยังไงสามารถพิมพ์มาบอกกันได้ที่คอมเม้นท์หรือจะ ทักมาบอกกันได้นะคะ

เครดิต : COTTOLiFE
เพี้ยนเย้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่