คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
เดินหน้าเต็มกำลัง!! วัคซีนโควิดสัญชาติไทย “ChulaCov19” ผลิตลอตแรกในประเทศแล้ว ยื่น อย.คาดขึ้นทะเบียนปลายปีนี้
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิดสัญชาติไทย “ChulaCov19” ชนิด mRNA โดยการพัฒนาระยะแรกเป็นการออกแบบวัคซีนและให้โรงงานในสหรัฐอเมริกาผลิต ซึ่งผ่านการทดสอบในอาสาสมัครระยะที่ 1 และ 2 เรียบร้อยแล้ว มีความปลอดภัยและสามารถกระตุ้นภูมิได้สูงกว่าวัคซีนไฟเซอร์ที่อนุมัติใช้ในไทย
ส่วนระยะที่ 2 เป็นการผลิตวัคซีนเองภายในประเทศ โดยบริษัท ไบโอเน็ตเอเชีย จำกัด ซึ่งผลิตวัคซีนลอตแรกเรียบร้อย และผ่านการประกันคุณภาพแล้ว
“ขณะนี้ ทีมวิจัยได้ส่งเอกสารและข้อมูลต่างๆ เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อขอทดสอบในอาสาสมัครระยะที่ 1 และ 2 อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก อย. หากผลทดสอบวัคซีนที่ผลิตเองในไทยได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คาดว่าจะขึ้นทะเบียนวัคซีนได้ภายในปลายปี 2565”
นอกจากนี้ ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนวัคซีนรุ่นที่ 1 ทางทีมวิจัยจะพัฒนาวัคซีนรุ่นที่ 2 เพื่อป้องกันเชื้อ โควิด19 สายพันธุ์โอมิครอนไปพร้อมกันด้วย
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/363826979112979
ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ แจ้งนัดหมายฉีดเข็มกระตุ้น (เข็ม 3,4) เดือนพฤษภาคม 2565 สำหรับผู้ที่เคยฉีดเข็ม 2 และ 3 กับศูนย์บางซื่อ ผ่านทาง SMS เรียบร้อยแล้ว
ขอให้ผู้มีนัดฉีดวัคซีนโควิด19 เข็มกระตุ้น มาตามวันและเวลานัดหมายได้เลย ติดต่อประตู 2 เวลา 9.00-16.00 น.
หากไม่ได้รับ SMS สามารถตรวจสอบวันนัดได้ด้วยตนเองผ่านแอป "Vaccine บางซื่อ" ได้ สามารถโหลดได้ที่
1) ระบบ Android คลิก https://bit.ly/3wJYsiB
2) ระบบ OS คลิก https://apple.co/31O9FmO
https://www.facebook.com/Rachadaspoke/posts/419296610200394
เดินหน้าเต็มกำลัง!! วัคซีนโควิดสัญชาติไทย “ChulaCov19” ผลิตลอตแรกในประเทศแล้ว ยื่น อย.คาดขึ้นทะเบียนปลายปีนี้
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายงานความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนโควิดสัญชาติไทย “ChulaCov19” ชนิด mRNA โดยการพัฒนาระยะแรกเป็นการออกแบบวัคซีนและให้โรงงานในสหรัฐอเมริกาผลิต ซึ่งผ่านการทดสอบในอาสาสมัครระยะที่ 1 และ 2 เรียบร้อยแล้ว มีความปลอดภัยและสามารถกระตุ้นภูมิได้สูงกว่าวัคซีนไฟเซอร์ที่อนุมัติใช้ในไทย
ส่วนระยะที่ 2 เป็นการผลิตวัคซีนเองภายในประเทศ โดยบริษัท ไบโอเน็ตเอเชีย จำกัด ซึ่งผลิตวัคซีนลอตแรกเรียบร้อย และผ่านการประกันคุณภาพแล้ว
“ขณะนี้ ทีมวิจัยได้ส่งเอกสารและข้อมูลต่างๆ เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อขอทดสอบในอาสาสมัครระยะที่ 1 และ 2 อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจาก อย. หากผลทดสอบวัคซีนที่ผลิตเองในไทยได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คาดว่าจะขึ้นทะเบียนวัคซีนได้ภายในปลายปี 2565”
นอกจากนี้ ระหว่างการขอขึ้นทะเบียนวัคซีนรุ่นที่ 1 ทางทีมวิจัยจะพัฒนาวัคซีนรุ่นที่ 2 เพื่อป้องกันเชื้อ โควิด19 สายพันธุ์โอมิครอนไปพร้อมกันด้วย
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/363826979112979
ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ แจ้งนัดหมายฉีดเข็มกระตุ้น (เข็ม 3,4) เดือนพฤษภาคม 2565 สำหรับผู้ที่เคยฉีดเข็ม 2 และ 3 กับศูนย์บางซื่อ ผ่านทาง SMS เรียบร้อยแล้ว
ขอให้ผู้มีนัดฉีดวัคซีนโควิด19 เข็มกระตุ้น มาตามวันและเวลานัดหมายได้เลย ติดต่อประตู 2 เวลา 9.00-16.00 น.
หากไม่ได้รับ SMS สามารถตรวจสอบวันนัดได้ด้วยตนเองผ่านแอป "Vaccine บางซื่อ" ได้ สามารถโหลดได้ที่
1) ระบบ Android คลิก https://bit.ly/3wJYsiB
2) ระบบ OS คลิก https://apple.co/31O9FmO
https://www.facebook.com/Rachadaspoke/posts/419296610200394
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭มาลาริน💙6พ.ค.ไม่ติดTop10โลก/ป่วย7,705คน หายป่วย11,252คน ตาย62คน รักษาอยู่97,672คน/7 ทิศทางสู่โรคประจำถิ่น/จำกัดJ&J
https://www.sanook.com/news/8557014/
https://www.bangkokbiznews.com/news/1002839
“สาธิต” เผย 7 ทิศทางเดินหน้าสู่ “โควิด” โรคประจำถิ่น
วันนี้ (6 พฤษภาคม 2565) ที่อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี ซอยศูนย์วิจัย กทม. ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 สมาคมโรงพยาบาลเอกชน และบรรยายพิเศษ “ทิศทางและนโยบายภาครัฐ หลังการประกาศโควิด 19 เป็นโรคประจำถิ่น” ว่า.....👇
ประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์โรคโควิด 19 ได้อย่างดี ส่วนหนึ่งมาจากความร่วมมือของโรงพยาบาลเอกชน โดยเฉพาะเรื่องการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด 19 ทำให้ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงระยะทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง ทั้งผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยในโรงพยาบาล และผู้เสียชีวิต สำหรับการเดินหน้าสู่โรประจำถิ่นนั้น แม้องค์การอนามัยโลกยังไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนและยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องการกลายพันธุ์ แต่จากการติดตามยังเป็นการกลายพันธุ์ย่อยที่ไม่มีผลเรื่องความรุนแรงและการแพร่ที่รวดเร็ว ส่วนประเทศไทยมีการกำหนดหลักเกณฑ์ที่จะเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งหากดำเนินการได้ตามนั้นก็พร้อมที่จะเดินหน้าตามเป้าหมายคือช่วงกรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป
ดร.สาธิตกล่าวว่า สำหรับทิศทางและนโยบายด้านสุขภาพเพื่อเดินหน้าสู่โรคประจำถิ่น สอดคล้องกับข้อเสนอขององค์การอนามัยโลกที่มาจัดกิจกรรมทบทวนการเตรียมความพร้อมในภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า กรณีโควิด 19 ของประเทศไทย ซึ่งมี 7 เรื่อง ได้แก่....👇
1.การเพิ่มการลงทุนเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งที่ผ่านมาเรามีไทยชนะ หมอชนะ รวมถึง “หมอพร้อม” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหญ่อันดับ 2 ของประเทศรองจากเป๋าตัง มีข้อมูลมากกว่า 25 ล้านการลงทะเบียน นอกจากนี้ ครม.กำลังหารือทำแพลตฟอร์มแห่งชาติ ภายใต้กรอบวงเงินอนุมัติ 7 พันล้านบาท เพื่อทำข้อมูลกลางที่มีความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
2.การเตรียมพร้อมรับมือการระบาดครั้งต่อไปและพัฒนาบุคลากรสหสาขา ทั้งโรคทั่วไป โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ภาวะลองโควิดและมิสซี
3.การดูแลกลุ่มเปราะบางให้เข้าถึงการรักษาตามสิทธิ
4.ยกระดับการพึ่งพาตนเองด้านยา วัคซีน ชุดตรวจ และเวชภัณฑ์ ซึ่งขณะนี้ไทยมีวัคซีน 3 ตัวที่ก้าวหน้าคือ วัคซีนขององค์การเภสัชกรรม วัคซีนใบยา และวัคซีนของจุฬาฯ
5.การจัดการขยะทางการแพทย์หรือขยะติดเชื้อ ซึ่งที่ผ่านมามีการปลดล็อกกฎหมายให้เตาเผาขยะนิคมอุตสาหกรรมใช้เผาขยะติดเชื้อได้ชั่วคราว
6.พัฒนากลยุทธ์การบูรณาการข้อมูล ซึ่ง ศบค.มีการรวบรวมข้อมูลหน่วยงานต่างๆ นำมาสู่การตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน
และ 7.การค้นหา บันทึก และเผยแพร่ตัวอย่างที่ดี รวมทั้งบทเรียนสำคัญในการจัดการกับภาวะระบาดใหญ่
“เมื่อโควิดเข้าสู่โรคประจำถิ่น จะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ สร้างงาน และประเทศจะมีรายได้จากการเก็บภาษีมากขึ้น ส่วนจะผ่อนคลายมาตรการและการปฏิบัติตัว เช่น การถอดหน้ากากอนามัย ขึ้นอยู่กับพื้นที่และสถานการณ์ หัวใจสำคัญคือ ต้องก้าวข้าม อยู่กับโควิดอย่างเข้าใจ รู้เท่าทัน และเดินหน้าเศรษฐกิจให้ได้” ดร.สาธิตกล่าว
https://siamrath.co.th/n/345859
อย.มะกันจำกัดการใช้วัคซีนโควิด J&J หลังพบความเสี่ยงลิ่มเลือด
คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (เอฟดีเอ) ประกาศจำกัดผู้สามารถเข้ารับวัคซีนต้านโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันอย่างเคร่งครัด เนื่องจากมีความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องที่เกิดขึ้นของลิ่มเลือดที่หาได้ยาก แต่มีความร้ายแรงในผู้รับวัคซีนดังกล่าว
เอฟดีเอระบุว่า ควรให้วัคซีนแก่ผู้ใหญ่ที่ไม่สามารถรับวัคซีนอื่นหรือผู้ที่ขอรับวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเป็นการเฉพาะเท่านั้น แต่ทางการสหรัฐได้แนะนำให้ชาวอเมริกันรับวัคซีนไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาแทนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันมาเป็นเวลาหลายเดือนก่อนหน้านี้แล้ว
ดร.ปีเตอร์ มาร์คส์ หัวหน้าแผนกวัคซีนของเอฟดีเอ กล่าวว่า หน่วยงานได้ตัดสินใจที่จะจำกัดการใช้วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน หลังพิจารณาถึงข้อมูลความเสี่ยงของลิ่มเลือดที่คุกคามชีวิตอีกครั้ง และสรุปว่าจะมีการจำกัดการใช้เฉพาะวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
มาร์คส์กล่าวว่า หากมีทางเลือกอื่นที่ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพเท่าเทียมกันในการป้องกันผลกระทบที่รุนแรงจากโควิด-19 เราอยากเห็นผู้คนเลือกสิ่งนั้นมากกว่า แต่เราระมัดระวังที่จะพูดว่าเมื่อเทียบกับการไม่มีวัคซีน นี่ยังเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
วัคซีนโควิด-19 ทำให้เกิดลิ่มเลือดได้เช่นกัน แต่ความเชื่อมโยงที่เกิดขึ้นนั้นต่างกัน โดยในส่วนของวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันทำให้เกิดลิ่มเลือดในบริเวณที่ไม่ปกติ เช่น เส้นเลือดที่ระบายจากสมอง และในผู้ป่วยที่พัฒนาเกล็ดเลือดที่ก่อตัวเป็นก้อนระดับต่ำอย่างผิดปกติ อาการของลิ่มเลือดผิดปกติ อาทิ มีการปวดศีรษะอย่างรุนแรงหนึ่งถึงสองสัปดาห์หลังการฉีดวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
เอฟดีเอได้อนุญาตให้มีการเริ่มต้นใช้วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา สำหรับผู้ใหญ่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ก่อนที่ในเดือนธันวาคม สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (ซีดีซี) จะแนะนำให้ผู้คนเลือกฉีดวัคซีนของโมเดอร์นาและไฟเซอร์มากกว่าจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เนื่องจากปัญหาด้านความปลอดภัย
เมื่อเดือนมีนาคม นักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลกลางได้ระบุถึงผลข้างเคียงของผู้ได้รับวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 60 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มี 9 รายที่เสียชีวิตจากปัญหาลิ่มเลือด
ภายใต้คำแนะนำใหม่เอฟดีเอระบุว่า วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันยังคงเป็นทางเลือกใช้งานในผู้ที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรงต่อวัคซีน mRNA ของไฟเซอร์และโมเดอร์นา
ด้านโฆษกของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันระบุในแถลงการณ์ที่มีการส่งผ่านทางอีเมล์ว่า ข้อมูลที่มียังคงสนับสนุนถึงประโยชน์ของวัคซีนต้านโควิด-19 ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันในผู้ใหญ่ ว่ามีมากกว่าความเสี่ยงเมื่อเปรียบเทียบกับการไม่ได้รับวัคซีน
อย่างไรก็ดี บริษัทได้ประกาศเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า บริษัทไม่คาดว่าจะได้รับผลกำไรจากวัคซีนในปีนี้ และได้ระงับการคาดการณ์ยอดขายวัคซีนดังกล่าวลงด้วย
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3327920
ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ
สถานการณ์ดีขึ้นต่อเนื่อง
......🤟💕😷