ทุกคนมักมีเป้าหมายในชีวิต เราก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือน check lists ที่อยากทำในชีวิต “การดำน้ำลึก” หรือ Scuba diving  เมื่อ 2 ปีที่แล้ววางแพลนไว้ว่าอยากเรียนดำน้ำ แต่เพราะโควิด ก็ลากยาวมาจนถึง 2 ปี ตอนนี้ก็คงถึงเวลาออกไปทำตามเป้าหมายที่วางไว้ เราเรียนดำน้ำที่ NAVA Scuba Diving ที่เกาะเต่า ในช่วงที่ไปมีโปร “ทัวร์เที่ยวไทย”พอดี ก็จัดไปเลยสิจ๊ะรออะไร ช่วงที่เราไปเป็นช่วง 23-25 เมษายน 2565 นะคะทะเลกำลังสวยเลยค่ะ

 

            วันนี้เรานั่งเรือจากชุมพรเข้ามาเกาะเต่าตอนรอบเช้า (07.00 น.) ค่ะเพราะเงื่อนไขของโปร “ทัวร์เที่ยวไทย” รวมกับค่าเดินทางเข้าเกาะเต่าก็เหมาค่าใช้จ่ายไปทั้งหมดพร้อมค่าเรียนดำน้ำด้วย **มีข้อแม้ว่าต้องขึ้นที่ท่าเรือชุมพรเท่านั้น และยกเว้นค่าเรือขาออกจากเกาะเต่าขึ้นอยู่กับว่าเราจะไปลงที่ไหนนะคะ พอไปถึงเกาะเต่าก็จะมีพี่ๆ ทาง NAVA มารับที่ท่าเรือไปส่งที่เรียนดำน้ำเลย จากนั้นก็จะเริ่มเรียนแบบ lecture ก่อนแล้วช่วงบ่ายถึงจะลงทะเล

            โดยการเรียนดำน้ำจะแบ่งเป็น 2 แบบคือ SSI และ PADI แต่ที่ NAVA เขาจะสอนแบบ PADI นะคะ สำหรับเราแนะนำเรียนแบบ PADI ก็จะ worldwide มากกว่า หลังจากเราเรียนทฤษฎีครึ่งเช้าเสร็จ ตอนเย็นครูเขาก็จะพาเราไปลงทะเลค่ะ โดยเขาจะสอนพื้นฐานการต่ออุปกรณ์ดำน้ำกับถังอากาศและสอนการหายใจโดยใช้ถังอากาศ เขาก็จะให้เราฝึกสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งหมดระหว่างการดำน้ำเลยค่ะ วันแรกที่เรียนก็เหนื่อยหน่อย แต่พอเราดำบ่อยๆเราจะเริ่มชินและสนุกไปกับการดำน้ำ แนะนำนะคะใครที่จะเรียน ควรจะว่ายน้ำแข็งหน่อยเพราะการดำน้ำลึกต้องใช้แรงและพลังเยอะมากกว่าปกติ แล้วก็คนที่เรียนต้องเป็นคนไม่กลัวน้ำ + ทะเลค่ะ

            วันที่สองของการเรียนจะเหมือนกับวันแรกเลย ก็คือจะเรียนทฤษฎีก่อนในช่วงเช้าและบ่ายจะลงทะเล แต่ถ้าเรายังฝึกหายใจในทะเลไม่ได้ในวันแรก ครูที่สอนจะให้เราลงไปฝึกที่สระอีกรอบก่อนลงทะเลค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าเราจะทำไม่ได้ เพราะครูเขาจะฝึกให้เราทำจนได้ค่ะ ยกเว้นมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เราไม่สามารถเรียนต่อได้ ส่วนตอนช่วงบ่ายเราก็จะดำน้ำอีก 2 dive ด้วยกันค่ะ วันที่สองนี้ก็จะไม่เหนื่อยเท่าวันแรกค่ะและเริ่มสนุกที่ได้อยู่ใต้ทะเล ให้อารมณ์คล้ายกับเราอยู่อีกโลกหนึ่งเลยก็ได้ 555 (เว่อร์ไปนิดแต่เรื่องจริงนะ) 

            

วันสุดท้ายของการเรียน open water วันนี้เราจะแค่ดำน้ำในช่วงครึ่งเช้าเท่านั้นเลยค่ะ ครูจะทดสอบภาคปฏิบัติเรา โดยจะดำน้ำอีกแค่ 2 dive แต่เป็น 2 dive

ที่รู้สึกดีมากๆเลย เหมือนสองวันก่อนหน้าที่เรียนมาได้มาใช้ในวันสุดท้ายจริงๆ ถามว่าการดำน้ำมันยากมั้ย สำหรับเราเราว่ายากค่ะ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเรา เหมือนเราได้ออกจาก safe zone ของตัวเองไปอีกขั้น “โลกข้างล่างมันสวยจริงๆค่ะ” เห็นอะไรก็สวยไปหมด เราชอบที่ปลาบักเบ้าตัวอ้วนมองเราเหมือนเราเป็นสัตว์ประหลาดต่างถิ่นที่ไปเยี่ยมเยือนบ้านเขา ชอบที่ปลาเก๋าทำหน้าตาเหมือนจะท้าเราแข่งว่ายน้ำตลอดเวลา หรือแม้แต่ปลากระเบนที่มองเราตาโตและคงคิดว่า “นี้ตัวอะไรวะเนี่ย” 5555

ต้องขอบคุณภาพสวยๆ จากครูก่อด้วยที่ถ่ายให้ เพราะที่จริงแล้วกฎของการเรียนดำน้ำ คนที่เรียน open water ไม่อนุญาตให้เอากล้องหรือ Gopro ลงไปถ่ายใต้น้ำ ครูก่อก็เลยเป็นทั้งครูและช่วยถ่ายรูปให้โดยปริยาย พร้อมทั้งบรรยายภาษามือไปตลอดการดำน้ำเมื่อเจอสัตว์ต่างๆที่เราไม่เคยเห็นในอควาเรียม ก่อนลงไปดำน้ำไดฟ์สุดท้ายครูก่อถามเรากับน้องที่เป็นบัดดี้เราว่า “รู้จักปะการังอ่อนป่ะ”อ่าห์งงเป็นไก่ตาแตกเลยจ้าว่าคืออะไร แต่ยังไม่ทันตอบอะไรไปครูก่อก็พูดว่า “ปะการังอ่อนก็คือปะการังอ่อนไง” -*- โอเคครูก่อหนูแยกย้ายไปต่อถังอากาศเข้า regulator ดีกว่าบ๊ายยยย แต่สุดท้ายครูก็พาเราไปดู ปะการังอ่อนจริงๆค่ะ ของจริงคือสวยมากกกกกกกกก ก็ภาพที่ทุกคนได้เห็นเลย แต่การดำน้ำครั้งนี้น่าเสียดายที่พี่ลายจุด (ฉลามวาฬ) ไม่ได้ออกมาให้เราได้เห็น ดวงเราอาจจะยังไม่สมพงษ์กันเท่าไหร่ เอาไว้แก้มือคราวที่เรียน Advance open water ก็ได้ 555 ปล.เอาคลิปที่ครูก่อถ่ายใต้น้ำมาฝากทุกคนด้วยนะคะ

            คงถึงเวลาโบกมือบ๊ายบายให้กับการเรียนดำน้ำลึกครั้งแรกของเราเพียงเท่านี้ ความรู้สึกที่เราดำดิ่งลงในทะเลมันดีมากๆเลยค่ะ เราอธิบายไม่ถูกแต่อยากทุกคนได้สัมผัสมันจริงๆ มันแตกต่างจากการดำน้ำแบบ snorkeling มาก เราเหมือนคนตัวเล็กบนโลกใบใหญ่ (ทะเล) หวังว่าครั้งหน้าจะได้เจอกันอีก ออกเดินทางกันค่ะ แล้วทุกคนจะอยากดำหาหัวใจใต้ท้องทะเล 

ขอบคุณผู้อ่านที่อ่านทุกคนที่อ่านจนถึงบรรทัดสุดท้าย ไม่ว่าจะหลงมาก็ดีหรือตั้งใจก็ดี

ขอบคุณครูก่อ ที่คอยเข็นครกอย่างหยกขึ้นภูเขา (ทะเล) นะคะ

ขอบคุณบัดดี้อู๋ นายเก่งมาก

ขอบคุณเด็กๆ ที่เรียนดำน้ำด้วยกัน ดีใจที่ได้เจอเด็กๆน๊า

ขอบคุณแม่กับป้าที่คอยสนับสนุนหยกตลอดเวลาให้ลองทำสิ่งใหม่ๆเสมอ

ขอบคุณเจ้าหน้าที่ NAVA ที่คอยดูแลอย่างดี

ขอบคุณท้องทะเลที่ใจดีกับคนตัวเล็กคนนี้

ขอบคุณตัวเองที่กล้าทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ

ขอบคุณนะหัวใจ

ปล.กราบขอบคุณภาพสวยๆจากครูก่อด้วยค่ะ~

 

            หลังจากเรียนดำน้ำจบแล้วเรามีแพลนไปเที่ยวต่อโดยเราเริ่มจากการนั่งเรือจากเกาะเต่าไปลงที่ท่าเรือดอนสัก จ.สุราษฎ์ธานี เพื่อต่อรถไปนอนที่เขาหลัก จ.พังงาต่อ 1 คืนค่ะ คืนนี้ไปนอนที่ la flora เขาหลัก แนะนำเลยนะคะที่นี้พนักงานเขาน่ารักกันมาก อาหารที่นี้ก็อร่อย ราคาไม่แรงมากเกินไป และที่สำคัญไฮไลท์ที่นี้ก็หนีไม่พ้นการควงกระบองไฟตอนเย็น (20.00 น.) ของวันอังคาร, พฤหัส และเสาร์ ต้องเช็คกับโรงแรมก่อนอีกรอบเพื่อความชัวร์นะคะ แต่เสียดายเราไม่ได้อยู่ที่นี้นานเท่าไหร่เลยอาจจะยังเที่ยวไม่ทั่วถึงเพราะมีแพลนที่ต้องเดินทางต่ออีก เอาเป็นว่าใครมาพังงาแนะนำเลยนะคะให้ไปนอนที่นี้รับรองไม่ผิดหวัง

 27-04-65: DAY5 - DAY9

 

            “มาหยาเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าแล้วนะ” คำพูดของแม่ที่คุยกับเราก่อนที่จะเริ่มแพลนทริป ที่จริงการไปเที่ยวที่มาหยามีหลายวิธีนะคะ ไม่ว่าจะไป one day trip ที่ขึ้นจากภูเก็ตหรือไปนอนที่เกาะพีพีแล้วเช่าเรือมามาหยาก็ได้ แต่วิธีแรกเราไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่เพราะเมื่อปีที่แล้วไปเที่ยวแบบ one day trip แล้วเหนื่อยมากพราะเหมือนเราต้องนั่งเรือตลอดทั้งวัน ทำให้เราเพลียแดดด้วย เราจึงตัดสินใจไปแบบหลัง ก็เลยตัดสินใจพักที่ Saii phi phi Island Village โดยเราต้องไปขึ้นที่ท่าเรือ Ao po grand marina Phuket เรือจะออกจากท่าเรือเวลา 14.00 น.ของทุกวัน ทรายเขาจะมีเลานจ์และบริการเครื่องดื่มระหว่างรอขึ้นเรือให้ตลอดเวลาเลยนะคะ เจ้าหน้าที่ที่นี้น่ารักมากแบบ ก.ล้านตัวเลยค่ะ เขาดูแลเราดีมาก 

เราใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงโรงแรมทรายค่ะ ที่โรงแรมเขาจะต้อนรับเราด้วย welcome drink หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะมาชี้แจ้งเรื่องการเช็คอินเข้าพัก ที่ทรายจะมีแอพของทางโรงแรมเองเลยค่ะ ถ้าเราต้องการอะไร เราสามารถทำทุกอย่างผ่านแอพของทรายได้เลย สะดวกมาก มีตั้งแต่สั่งอาหาร, กดทำความสะอาดห้องพัก รวมถึงกิจกรรมในระหว่างที่เราติดเกาะ 555 หรือการขอน้ำเพิ่ม ก็สามารถกดผ่านแอพได้เลย ตัวเราประทับใจการบริการเขามากเกาะพีพีขึ้นชื่อว่าน้ำเปล่าแพงมากค่ะแต่ทรายเนี่ยเขาจะมีน้ำเปล่าให้ในห้อง 3 ขวด (ขวดแก้ว) เราสามารถขอน้ำเพิ่มได้ตลอดเลยค่ะ มีข้อแม้ว่าต้องเอาขวดเปล่าไปแลกนะคะ คือเราชอบมากเพราะเป็นคนดื่มน้ำเยอะด้วย นอกจากนี้ยังลดพลาสติกบนเกาะด้วย