https://realnews-24.com/archives/76164?fbclid=IwAR0sMsP0AnWMzaSCptndTOw5ncu2faZSeoWSxuqDBhdXVIa6B_jfbxhZINk
พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี กล่าวถึงอดีตพระกาโตะกับสีกาตอง หลังความจริงถูกเปิดเผยว่า
เป็นเรื่องที่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน แต่ในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผยจากการต้อนถามไปมา
ต้องชมสื่อบางสำนักที่รู้ทัน สืบเสาะข้อมูลจนรู้ความจริงว่ามีเงินไปอยู่กับพระคนกลางอีกทอดต่อหนึ่ง
ซึ่งอาตมาสรุปได้ว่า มีการร่วมมือกันพยายามปกปิด และบิดเบือนข่าวเพื่อจะทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ให้ได้ โดยมีแนวร่วมเป็นพระคนกลางเข้ามาเกี่ยว
แต่ไม่ใช่แนวร่วมที่จะปกป้องศาสนาพุทธ กลับกลายเป็นแนวร่วมในการปกป้องคนผิดแทน
น่าเสียดายที่ศาสนาพุทธมีพระแบบนี้ ไปสนับสนุนให้กลับผิดเป็นถูก แบบนี้เขาเรียกว่าไม่ควรในสิ่งที่ควร ควรในที่ไม่ควร
มีหน้าที่อะไรที่จะไปไกล่เกลี่ย ปิดปากนักข่าว โชคดีที่นักข่าวไหวตัวทันเก็บบันทึกอัดเสียงไว้หมดแล้วว่าเงินยังอยู่ที่อาตมา ไม่ได้ไปจ่ายนักข่าว
งานนี้นักข่าวก็เลยรอดตัวไป พ้นมลทินในข้อนี้ไป ส่วนพระคนกลางนี้ที่ช่วยปกปิดความผิดของภิกษุที่ไม่ดี มีความผิด 100%
ส่วนเรื่องการที่พระมีเงินเป็นจำนวนมากนั้น อาตมาก็เคยบอกชาวบ้านที่ชอบทำบุญไปหลายครั้งแล้วว่า
เวลาทำบุญกับพระให้ระบุไปเลยว่า ถวายเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาไม่ใช่ถวายส่วนตัว คนที่เอาเงินวัดไปใช้แบบนี้ตายไปยมบาลเขกตัวแตกเลย
พระพยอมกล่าวอีกว่า เรื่องอดีตพระกาโตะกับสีกาตอง เป็นอย่างที่อาตมาคิดวิเคราะห์เอาไว้ตั้งแต่แรกเลย ว่า
ทำไมตอนเกิดแต่ทีแรกไม่ยอมออกมาเปิดเผยเลยเพราะยังไถเงินไม่พอ
ฉะนั้นอย่ามาอ้างว่าเป็นไบโพลาร์ อาตมาไม่เชื่อ แต่เชื่อว่าน่าจะไบบ้าเงินมากกว่าหรือเป็นโรคบ้าเงินมากกว่า
อาตมาว่าถึงเวลาแล้วที่ ประเทศไทยจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อปกป้องพระศาสนาอย่างแท้จริง
อย่าให้น้อยหน้าไปกว่าประเทศลาว เราจะได้ไม่ต้องไปอายประเทศลาวว่าเขาปกป้องพระพุทธศาสนาได้ดีกว่าประเทศไทย
อาตมาเชื่อว่าถ้ามีการปรับปรุงกฎหมายคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้เข้มงวดเหมือนประเทศลาว
รับรองได้ว่ามีล้มตึ้งเรียงแถวอย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าเป็นพระแล้วกระทำผิดก็จับสึกออกไปเพียงอย่างเดียว
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/171185
..........................
กฎหมายประเทศลาว ที่เกี่ยวข้องกับพระภิกษุที่อาบัติปาราชิกสิกขาบท 1 ปรากฏในมาตรา 130 หมวดที่ 6
ว่าด้วยการกระทำ ผิดต่อสายผัวเมีย ครอบครัว และยึดครองประเพณี แห่งกฎหมายอาณาจักรลาวปี ค.ศ. 2005 ดังนี้ มาตรา 130
การทำชำเรา พระภิกษุ สามเณร ภิกษุสามเณรองค์ใดหากได้เสพสมกับผู้หญิงหรือผู้ชายจะถูกลงโทษ ตัดอิสรภาพแต่ 6 เดือน - 3 ปี
และจะถูกปรับไหมตั้งแต่ 500,000 กีบ ถึง 3,000,000 กีบ (หรือตั้งแต่ 1,390 -8,341 บาท)
และผู้หญิงหรือผู้ชายที่ได้สมัครใจเสพสมกับภิกษุหรือสามเณรจะถูกลงโทษในสถานเดียวกัน.
..................สำหรับกฎหมายอาญาของไทยในปัจจุบัน
ไม่มีการกำหนดโทษเอาผิดภิกษุสามเณรที่อาบัติปาราชิกจากการเสพเมถุน และบุคคลที่ร่วมเสพเมถุน
ถึงเวลา ที่ พระพยอม เเนะนำปรับปรุงกฎหมายคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้เข้มงวดเหมือนประเทศลาว หรือยัง ครับ
พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี กล่าวถึงอดีตพระกาโตะกับสีกาตอง หลังความจริงถูกเปิดเผยว่า
เป็นเรื่องที่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน แต่ในที่สุดความจริงก็ถูกเปิดเผยจากการต้อนถามไปมา
ต้องชมสื่อบางสำนักที่รู้ทัน สืบเสาะข้อมูลจนรู้ความจริงว่ามีเงินไปอยู่กับพระคนกลางอีกทอดต่อหนึ่ง
ซึ่งอาตมาสรุปได้ว่า มีการร่วมมือกันพยายามปกปิด และบิดเบือนข่าวเพื่อจะทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ให้ได้ โดยมีแนวร่วมเป็นพระคนกลางเข้ามาเกี่ยว
แต่ไม่ใช่แนวร่วมที่จะปกป้องศาสนาพุทธ กลับกลายเป็นแนวร่วมในการปกป้องคนผิดแทน
น่าเสียดายที่ศาสนาพุทธมีพระแบบนี้ ไปสนับสนุนให้กลับผิดเป็นถูก แบบนี้เขาเรียกว่าไม่ควรในสิ่งที่ควร ควรในที่ไม่ควร
มีหน้าที่อะไรที่จะไปไกล่เกลี่ย ปิดปากนักข่าว โชคดีที่นักข่าวไหวตัวทันเก็บบันทึกอัดเสียงไว้หมดแล้วว่าเงินยังอยู่ที่อาตมา ไม่ได้ไปจ่ายนักข่าว
งานนี้นักข่าวก็เลยรอดตัวไป พ้นมลทินในข้อนี้ไป ส่วนพระคนกลางนี้ที่ช่วยปกปิดความผิดของภิกษุที่ไม่ดี มีความผิด 100%
ส่วนเรื่องการที่พระมีเงินเป็นจำนวนมากนั้น อาตมาก็เคยบอกชาวบ้านที่ชอบทำบุญไปหลายครั้งแล้วว่า
เวลาทำบุญกับพระให้ระบุไปเลยว่า ถวายเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาไม่ใช่ถวายส่วนตัว คนที่เอาเงินวัดไปใช้แบบนี้ตายไปยมบาลเขกตัวแตกเลย
พระพยอมกล่าวอีกว่า เรื่องอดีตพระกาโตะกับสีกาตอง เป็นอย่างที่อาตมาคิดวิเคราะห์เอาไว้ตั้งแต่แรกเลย ว่า
ทำไมตอนเกิดแต่ทีแรกไม่ยอมออกมาเปิดเผยเลยเพราะยังไถเงินไม่พอ
ฉะนั้นอย่ามาอ้างว่าเป็นไบโพลาร์ อาตมาไม่เชื่อ แต่เชื่อว่าน่าจะไบบ้าเงินมากกว่าหรือเป็นโรคบ้าเงินมากกว่า
อาตมาว่าถึงเวลาแล้วที่ ประเทศไทยจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายเพื่อปกป้องพระศาสนาอย่างแท้จริง
อย่าให้น้อยหน้าไปกว่าประเทศลาว เราจะได้ไม่ต้องไปอายประเทศลาวว่าเขาปกป้องพระพุทธศาสนาได้ดีกว่าประเทศไทย
อาตมาเชื่อว่าถ้ามีการปรับปรุงกฎหมายคุ้มครองพระพุทธศาสนาให้เข้มงวดเหมือนประเทศลาว
รับรองได้ว่ามีล้มตึ้งเรียงแถวอย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่าเป็นพระแล้วกระทำผิดก็จับสึกออกไปเพียงอย่างเดียว
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/171185
..........................
กฎหมายประเทศลาว ที่เกี่ยวข้องกับพระภิกษุที่อาบัติปาราชิกสิกขาบท 1 ปรากฏในมาตรา 130 หมวดที่ 6
ว่าด้วยการกระทำ ผิดต่อสายผัวเมีย ครอบครัว และยึดครองประเพณี แห่งกฎหมายอาณาจักรลาวปี ค.ศ. 2005 ดังนี้ มาตรา 130
การทำชำเรา พระภิกษุ สามเณร ภิกษุสามเณรองค์ใดหากได้เสพสมกับผู้หญิงหรือผู้ชายจะถูกลงโทษ ตัดอิสรภาพแต่ 6 เดือน - 3 ปี
และจะถูกปรับไหมตั้งแต่ 500,000 กีบ ถึง 3,000,000 กีบ (หรือตั้งแต่ 1,390 -8,341 บาท)
และผู้หญิงหรือผู้ชายที่ได้สมัครใจเสพสมกับภิกษุหรือสามเณรจะถูกลงโทษในสถานเดียวกัน.
..................สำหรับกฎหมายอาญาของไทยในปัจจุบัน
ไม่มีการกำหนดโทษเอาผิดภิกษุสามเณรที่อาบัติปาราชิกจากการเสพเมถุน และบุคคลที่ร่วมเสพเมถุน