บันทึกประสบการณ์จากการตามเคลมประกันโควิด เจอ จ่าย จบ
ไม่มีการเอ่ยชื่อ หรือกล่าวถึง บริษัทประกัน โดยเฉพาะเจาะจง
โดยส่วนตัวไม่ได้แอนตี้ประกัน
และมองว่าการมีประกัน เป็นสิ่งที่ดี
------------------------------------------------------------
Covid Claiming Diary #1 – เจอ ไม่จ่าย ไม่จบ(สักที)
"ประกันแทบจะกราบเท้าเรา ตอนขอให้เราซื้อ
และเราแทบจะกราบเท้าประกัน ตอนขอเคลม"
แล้วทำไมยังมีคนสนใจ และคนซื้อประกันอยู่?
สิ่งที่ยังทำให้ประกันยังขายได้อยู่คือ #ความกลัว พูดง่ายๆ ประกันขายความกลัวของชีวิต ให้กับเราทุกคน คนเรากลัวการเสียทรัพย์สิน จากสุขภาพ จากอุบัติเหตุ จากโรคภัย คนเรากลัวจึงซื้อประกันเพื่อลดความกลัวเหล่านี้ ให้ประกันเป็นฝ่ายรับความเสี่ยงแทน ซื้อความสบายใจที่ไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงที่ตัวเองกลัว
แต่ด้วยการที่บริษัทประกันไม่ใช่หน่วยงานการกุศล เป็นธุรกิจที่มุ่งแสวงหาผลกำไร การที่เราจะได้เงินจากประกันจึงต้องผ่านหลายด่านหลายขั้นตอน ต้องทำตามเงื่อนไขที่ทางประกันกำหนด และใช้เวลานานมาก การได้เงินจากประกันจึงเกือบแทบจะกลายเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ สำหรับประเทศที่การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นเหมือนเสือกระดาษ ที่แทบทำอะไรไม่ได้ (แต่บางอย่างก็ทำได้อยู่นะ แต่น้อยมากจริงๆ )
ถึงแม้จะจั่วหัวแรง แต่เอาจริงๆแล้ว ผมคิดว่าการซื้อประกัน ไม่ใช่เป็นเรื่องเลวร้ายไปทั้งหมด การซื้อประกันเป็นการซื้อความสบายใจ ลดความกังวล และลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในชีวิต
————————————————————————
ครอบครัวผมก็เป็นเหมือนกับหลายๆครอบครัว ที่ซื้อประกันเพื่อลดความเสี่ยง หากคนในครอบครัวเกิดติดโควิด จากบริษัทประกันโควิด ในรูปแบบ เจอ จ่าย จบ ของบริษัทประกันเจ้าหนึ่งเช่นกัน ผมซื้อประกันโควิด เจอ จ่าย จบ เมื่อต้นปี พ.ศ.2563 ให้กับคนทั้งครอบครัว ซึ่งโชคดี ทั้งปี พ.ศ. 2563 เราทั้งครอบครัว ไม่ได้ติดโควิด ก็เลยต่อประกันกับเจ้าเดิมในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ.2564 ซึ่งความคุ้มครอง และกรมธรรมภ์จะหมดอายุในปลายเดือนเมษายน พ.ศ.2565
ในเวลาต่อมา ด้วยความที่โควิด สายพันธุ์โอไมครอน ระบาดรุนแรง เพราะติดง่าย บริษัทประกันหลายแห่งก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เพราะคิดว่าการระบาดโควิดจะไม่รุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทประกันหลายแห่งได้กำไรกันหลายร้อยล้านบาทในปีนั้น แต่ด้วยปี พ.ศ.2564 โควิดระบาดหนัก ทำให้ช่วงกลางปี ประมาณเดือน กรกฏาคม พ.ศ.2564 บริษัทประกันที่ผมซื้อ ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ นั้นก็ออกหนังสือมาขอยกเลิก กรมธรรมภ์โควิดเจอจ่ายจบ เพราะมีคนเคลมประกันจำนวนมาก มากเกินกว่าที่บริษัทคิดเอาไว้ แต่ คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) สั่งห้าม ไม่ให้ยกเลิก ก็เลยไม่ได้ซื้อประกันโควิดอื่นๆเพิ่มเติม
โดยที่ไม่มีใครคาดคิด วันหนึ่งน้องสาวผมไลน์มา ว่าน้องชายที่บ้านติดโควิด เลยขอเอกสารกรมธรรมภ์ที่ทำประกันโควิดให้น้อง ผมก็ส่งเอกสารของน้องชายให้น้องสาวไปจัดการ ทำเรื่องเคลมประกันโควิด ที่ได้ซื้อกรมธรรมภ์ไว้ และนี่คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์ ในการเคลมประกัน ที่ปวดหัวที่สุด ที่เกิดขึ้นในชีวิต ในตอนนี้
ถอดบทเรียน
- ประกันเป็นสิ่งที่ดี และควรซื้อติดไว้ เพื่อช่วยแบ่งเบา กับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในชีวิต
- อย่าซื้อประกันเพราะความเกรงใจ นอกจากจะไม่ได้ประกันที่ตัวเองต้องการแล้ว ยังทำให้เสียเงินไปแบบไม่คุ้มค่า
- ตรวจสอบเงื่อนไข ข้อยกเว้น ข้อยกเลิกต่างๆ ให้ละเอียดถี่ถ้วน
- เลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือ ติดต่อง่าย ติดตามสถานะการเคลมได้ตลอดเวลา การเคลมประกันโควิด จะทำให้เรารู้ว่า ในอนาคตควรซื้อประกันกับบริษัทอะไร
- ควรซื้อผ่านตัวแทนมืออาชีพ ถ้าทำแบบเต็มเวลา (full-time) ได้ยิ่งดี เพราะตัวแทน จะสามารถตามสถานะของการเคลมประกัน ได้เร็วกว่า หากเราซื้อกับบริษัทโดยตรง เราจะติดต่อได้ยากกว่า
Covid Claiming Diary #1 – เจอ ไม่จ่าย ไม่จบ(สักที)
ไม่มีการเอ่ยชื่อ หรือกล่าวถึง บริษัทประกัน โดยเฉพาะเจาะจง
โดยส่วนตัวไม่ได้แอนตี้ประกัน
และมองว่าการมีประกัน เป็นสิ่งที่ดี
------------------------------------------------------------
Covid Claiming Diary #1 – เจอ ไม่จ่าย ไม่จบ(สักที)
"ประกันแทบจะกราบเท้าเรา ตอนขอให้เราซื้อ
และเราแทบจะกราบเท้าประกัน ตอนขอเคลม"
แล้วทำไมยังมีคนสนใจ และคนซื้อประกันอยู่?
สิ่งที่ยังทำให้ประกันยังขายได้อยู่คือ #ความกลัว พูดง่ายๆ ประกันขายความกลัวของชีวิต ให้กับเราทุกคน คนเรากลัวการเสียทรัพย์สิน จากสุขภาพ จากอุบัติเหตุ จากโรคภัย คนเรากลัวจึงซื้อประกันเพื่อลดความกลัวเหล่านี้ ให้ประกันเป็นฝ่ายรับความเสี่ยงแทน ซื้อความสบายใจที่ไม่ต้องกังวลกับความเสี่ยงที่ตัวเองกลัว
แต่ด้วยการที่บริษัทประกันไม่ใช่หน่วยงานการกุศล เป็นธุรกิจที่มุ่งแสวงหาผลกำไร การที่เราจะได้เงินจากประกันจึงต้องผ่านหลายด่านหลายขั้นตอน ต้องทำตามเงื่อนไขที่ทางประกันกำหนด และใช้เวลานานมาก การได้เงินจากประกันจึงเกือบแทบจะกลายเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ สำหรับประเทศที่การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นเหมือนเสือกระดาษ ที่แทบทำอะไรไม่ได้ (แต่บางอย่างก็ทำได้อยู่นะ แต่น้อยมากจริงๆ )
ถึงแม้จะจั่วหัวแรง แต่เอาจริงๆแล้ว ผมคิดว่าการซื้อประกัน ไม่ใช่เป็นเรื่องเลวร้ายไปทั้งหมด การซื้อประกันเป็นการซื้อความสบายใจ ลดความกังวล และลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในชีวิต
————————————————————————
ครอบครัวผมก็เป็นเหมือนกับหลายๆครอบครัว ที่ซื้อประกันเพื่อลดความเสี่ยง หากคนในครอบครัวเกิดติดโควิด จากบริษัทประกันโควิด ในรูปแบบ เจอ จ่าย จบ ของบริษัทประกันเจ้าหนึ่งเช่นกัน ผมซื้อประกันโควิด เจอ จ่าย จบ เมื่อต้นปี พ.ศ.2563 ให้กับคนทั้งครอบครัว ซึ่งโชคดี ทั้งปี พ.ศ. 2563 เราทั้งครอบครัว ไม่ได้ติดโควิด ก็เลยต่อประกันกับเจ้าเดิมในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ.2564 ซึ่งความคุ้มครอง และกรมธรรมภ์จะหมดอายุในปลายเดือนเมษายน พ.ศ.2565
ในเวลาต่อมา ด้วยความที่โควิด สายพันธุ์โอไมครอน ระบาดรุนแรง เพราะติดง่าย บริษัทประกันหลายแห่งก็เริ่มอยู่ไม่เป็นสุข เพราะคิดว่าการระบาดโควิดจะไม่รุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทประกันหลายแห่งได้กำไรกันหลายร้อยล้านบาทในปีนั้น แต่ด้วยปี พ.ศ.2564 โควิดระบาดหนัก ทำให้ช่วงกลางปี ประมาณเดือน กรกฏาคม พ.ศ.2564 บริษัทประกันที่ผมซื้อ ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ นั้นก็ออกหนังสือมาขอยกเลิก กรมธรรมภ์โควิดเจอจ่ายจบ เพราะมีคนเคลมประกันจำนวนมาก มากเกินกว่าที่บริษัทคิดเอาไว้ แต่ คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) สั่งห้าม ไม่ให้ยกเลิก ก็เลยไม่ได้ซื้อประกันโควิดอื่นๆเพิ่มเติม
โดยที่ไม่มีใครคาดคิด วันหนึ่งน้องสาวผมไลน์มา ว่าน้องชายที่บ้านติดโควิด เลยขอเอกสารกรมธรรมภ์ที่ทำประกันโควิดให้น้อง ผมก็ส่งเอกสารของน้องชายให้น้องสาวไปจัดการ ทำเรื่องเคลมประกันโควิด ที่ได้ซื้อกรมธรรมภ์ไว้ และนี่คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์ ในการเคลมประกัน ที่ปวดหัวที่สุด ที่เกิดขึ้นในชีวิต ในตอนนี้
ถอดบทเรียน
- ประกันเป็นสิ่งที่ดี และควรซื้อติดไว้ เพื่อช่วยแบ่งเบา กับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในชีวิต
- อย่าซื้อประกันเพราะความเกรงใจ นอกจากจะไม่ได้ประกันที่ตัวเองต้องการแล้ว ยังทำให้เสียเงินไปแบบไม่คุ้มค่า
- ตรวจสอบเงื่อนไข ข้อยกเว้น ข้อยกเลิกต่างๆ ให้ละเอียดถี่ถ้วน
- เลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือ ติดต่อง่าย ติดตามสถานะการเคลมได้ตลอดเวลา การเคลมประกันโควิด จะทำให้เรารู้ว่า ในอนาคตควรซื้อประกันกับบริษัทอะไร
- ควรซื้อผ่านตัวแทนมืออาชีพ ถ้าทำแบบเต็มเวลา (full-time) ได้ยิ่งดี เพราะตัวแทน จะสามารถตามสถานะของการเคลมประกัน ได้เร็วกว่า หากเราซื้อกับบริษัทโดยตรง เราจะติดต่อได้ยากกว่า