พ่อจ๋าอย่าร้องไห้ จากภาพยนต์สู่เรื่องจริง

สาวจีนถูกเก็บมาเลี้ยง เติบโตจนได้ดี ขายบริษัททิ้ง พาพ่อเที่ยวเพื่อตอบแทน
สาวจีนตัดสินใจขายบริษัททิ้ง นำเงินไปซื้อรถบ้านขับพาพ่อบุญธรรมเที่ยว ตอบแทนที่เก็บเธอมาเลี้ยง อดทนทำงาน-เก็บขยะ เลี้ยงดูเธอมาอย่างลำบาก
 
https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_7017158

เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ “จางซวงฉี” พ่อชราวัย 75 ปี และ “จางไป่เกอ” ลูกสาววัย 24 ปี ทั้งคู่ไม่ใช่พ่อลูกกันแท้ ๆ จางซวงฉีเป็นเพียงชาวนาผู้ยากจน แต่เขาก็รับเลี้ยงจางไป่เกอโดยไม่มีข้อแม้ จนวันนี้ลูกสาวได้ประสบความสำเร็จ เธอจึงตอบแทนคุณของพ่อผู้นี้เป็นอย่างดี


ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคมปี 2540 ขณะนั้นจางซวงฉีเป็นเพียงชาวนา อาศัยอยู่ที่ชนบทแห่งหนึ่งในมณฑลเหอหนาน แม้ว่าเขาจะมีอายุมากแล้ว แต่เขายังไม่ได้แต่งงานเพราะความยากจนเป็นเหตุ

วันหนึ่ง ขณะที่จางซวงฉีเดินทางไปทำนา เขาได้พบทารกถูกทิ้งไว้ที่ทุ่งนา เขาจึงนำทารกกลับบ้านมาด้วยชั่วคราว จากนั้นก็ไปสอบถามคนในหมู่บ้านว่ามีใครลืมทารกไว้หรือไม่ สุดท้ายเขาก็รับรู้ว่าทารกตัวน้อยได้ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง
จางซวงฉีตัดสินใจเลี้ยงดูทารกน้อย โดยตั้งชื่อให้เธอว่า “จางไป่เกอ” และเพื่อที่ให้ลูกสาวมีชีวิตที่ดี เขาไม่เพียงแต่ทำงานในทุ่งนาทุกวัน แต่เขายังใช้เวลาที่เหลือเก็บขยะตามหมู่บ้านและเมืองใกล้เคียงไปขายอีกด้วย
เมื่อจางไป่เกอเติบโตขึ้น เธอต้องไปโรงเรียนและเข้าสังคม จางซวงฉีรับรู้ดีว่าลูกสาวอาจจะรู้สึกไม่ดีต่อสายตาผู้คนที่มองมา เขาจึงทำงานให้หนักขึ้น ช่วงเวลากลางคืนที่ลูกสาวเข้านอน เขายังคงออกไปหาขยะมาขายเสมอ

ด้วยความเยาว์วัย จางไป่เกอก็มีช่วงเวลาที่ทำตัวไม่ดีต่อพ่อ แต่ไม่ว่าเธอจะทำตัวเลวร้ายแค่ไหน พ่อก็เข้าใจและไม่เคยต่อว่าเธอเลยสักครั้ง จึงทำให้เธอเริ่มรู้สึกผิดและเริ่มทำดีกับพ่อมากขึ้น
“ฉันจำได้วันนั้นฝนตกหนัก พ่อไปรับฉันที่โรงเรียน เพราะพ่อตัวเตี้ย ฉันเห็นพ่อเขย่งเท้ามองหาฉันท่ามกลางผู้ปกครองคนอื่น ๆ ตอนนั้นฉันจงใจหลบเลี่ยงพ่อ แต่เมื่อพ่อเห็นฉัน พ่อก็ยื่นร่มให้โดยไม่พูดอะไร แล้วพ่อก็เดินกลับบ้านท่ามกลางสายฝน
และก็มีอยู่วันหนึ่ง ฉันน้อยใจเรื่องอาหาร เพราะที่ผ่านมาเราทานแต่อาหารเดิม ๆ ฉันเลยพลิกโต๊ะจนคว่ำ ทำให้จานข้าวกระจัดกระจาย แต่พ่อก็ไม่ได้ดุด่าฉัน พ่อเพียงก้มเก็บเศษข้าวตรงพื้นอย่างเงียบ ๆ”

เมื่อจางไป่เกอเข้าเรียนมหาวิทยาลัย จางซวงฉีต้องทำงานหนักขึ้น เขาประหยัดและอดออมมาก ทานเพียงซาลาเปา หรือก๋วยเตี๋ยวที่มีแต่ผัก อาหารจะดูหรูหรามีเนื้อสัตว์ก็ต่อเมื่อลูกสาวกลับมาบ้านเท่านั้น
  
จนวันหนึ่ง จางไป่เกอได้กลับมาบ้านโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า เธอก็เห็นพ่อนั่งทานอาหารที่มีแต่เศษผัก เธอตระหนักทันทีว่าต้องหาเงินมาเลี้ยงดูพ่อให้ได้ เธอจึงเริ่มทำงานพาร์ทไทม์หลายงาน
งานแรกของจางไป่เกอคือเป็นเด็กเสิร์ฟ ได้เงินเดือน 800 หยวน (ราว ๆ 4,000 บาท) เธอรีบนำเงินที่ได้มาซื้อเตียงให้พ่อ เพราะพ่อไม่เคยนอนเตียงดี ๆ มาก่อนในชีวิต เมื่อเห็นสีหน้าที่พึงพอใจของพ่อ เธอก็ตั้งมั่นว่าจะต้องทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้พ่อมีชีวิตที่ดีขึ้น

แต่ผลของการทำงานหนักทำให้จางไป่เกอก็เริ่มป่วย จางซวงฉีใช้เงินเก็บทั้งหมดมาดูแลลูกสาว เขาพาเธอปักกิ่งเพื่อไปพบแพทย์ที่มีชื่อเสียง ตลอดเวลาที่อยู่ที่ปักกิ่ง สองพ่อลูกต้องอาศัยอยู่ในห้องเช่าใต้ดิน เดินทางไปมาระหว่างโรงพยาบาลทุกวัน
หลังจากจางไป่เกอมีสุขภาพที่ดีขึ้น เธอเริ่มหันมาขายผลิตภัณฑ์ดูแลผิว โชคดีที่มีกระแสตอบรับดี เธอมีฐานลูกค้าจำนวนมาก เมื่อผลประกอบการดีขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็ซื้อบ้านในเมืองและย้ายพ่อมาอยู่ด้วย พร้อมกับตั้งบริษัทของตัวเอง

จางไป่เกอประสบความสำเร็จมีเงินหลักร้อยล้าน มีบริษัทและผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเอง ทุกคนคิดว่าเธอจะดูแลและพัฒนาธุรกิจต่อไป แต่เธอก็ทำให้ทุกคนตกใจด้วยการขายบริษัทและนำเงินไปซื้อรถบ้าน พาพ่อเดินทางเที่ยวทั่วประเทศและทั่วโลก
มีหลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมจางไป่เกอถึงทิ้งธุรกิจและเลือกเดินทางไปเที่ยวกับพ่อวัยชราที่ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้นานเพียงไหน เธอให้คำตอบว่า พ่ออายุ 70 กว่าแล้ว ร่างกายทรุดโทรมลงทุกวัน เธอไม่รู้ว่าเธอจะอยู่กับพ่อได้นานแค่ไหน และที่สำคัญหากไม่ได้พ่อเก็บมาเลี้ยง ก็คงไม่มีเธอในทุกวันนี้
จางไป่เกอหวังว่าพ่อจะมีความสุขกับชีวิตในวัยชรา เธอเป็นหนี้บุญคุญของพ่อ ในวัยเยาว์เธอทำให้พ่อต้องทนทุกข์มามากมาย ตอนนี้เธอต้องการตอบแทน เพียงแค่เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าของพ่อเธอก็มีความสุขแล้ว
 

เรื่องราวของเธอช่างเหมือนกับภาพยนต์จีนในอดีตเมื่อ 40 ปีก่อนเรื่องหนึ่งคือ  เรื่อง พ่อจ๋าอย่าร้องไห้



เป็นเรื่องราวของคนเก็บขวดผู้เป็นใบ้ ที่พบเด็กทารกหญิงในกองขยะ เขาเก็บเด็กคนนั้นมาเลี้ยงดู และด้วยรักที่เหมือนพ่อแท้ ๆ ของเด็ก ทำให้เขาเลิกเหล้าได้ เมื่อเด็กผู้หญิงนั้นเติบโตขึ้น เธอประสบความสำเร็จจนกระทั่งเป็นนักร้องชื่อเสียงโด่งดัง แต่ทว่าทางต้นสังกัดให้ปกปิดประวัติไว้ เพราะไม่ต้องการให้สังคมรับรู้ว่าเธอคือเด็กกำพร้า ทำให้คนขายขวดยังต้องขายขวดต่อไป จนกระทั่งเธอเปิดคอนเสิร์ตใหญ่ขณะที่ผู้เป็นพ่อกำลังป่วยหนักใกล้เสียชีวิตโดยที่เธอไม่รู้ เมื่อเขาเสียชีวิต เธอแม้พยายามจะกลับมาดูใจแล้วแต่ก็ไม่ทัน

เรื่องนี้ขนาดผู้ชายเข้าไปดูยังต้องร้องไห้
เป็นภาพยนต์ที่โด่งดังทั่วเอเชียในยุคนั้น กวาดรางวัลมากมาย
 จนคนไทยยังเอามาดัดแปลงเป็นภาพยนต์เรื่อง พ่อจ๋า มีคุณสรพงษ์ เล่นเป็นพ่อ

โชคดีที่เรื่องจริงตอนจบต่างจากภาพยนต์

https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_7017158
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่